
Sign up to save your podcasts
Or


หากคิดใคร่ครวญด้วยปัญญาชัดเจนโดยชอบตามวิญญูชนแล้ว จะพบว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกนี้ ที่เมื่อเรายึดถือแล้ว จะเป็นผู้หาโทษไม่ได้"นั้นไม่มี นั่นหมายถึงว่า ไม่มีสิ่งใดเลยในโลกนี้ ที่เป็น "อัตตา ตัวตน" แต่ในทางตรงกันข้ามกัน มันเป็น "อนัตตา" เพราะต้องอาศัยสิ่งอื่นมาปรุงแต่ง ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสัจจะความจริงที่เราต้องเข้าใจว่า "ไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวเรา ของเรา"
Q1: ในวรรคที่กล่าวถึง "ฆราวาสธรรม" ชุดที่ (1) สัจจะ ธรรมะ ธิติ จาคะ กับ ชุดที่ (2) สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ เพราะเหตุใดจึงต้องใช้คำไม่เหมือนกัน
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉันทลักษณ์ ซึ่งเป็นข้อกำหนด ระเบียบถ้อยคำที่ทำให้เกิดความลงรับ คล้องจองกันของคำอ่าน เพื่อให้เกิดความไพเราะ ความสวยงามทางด้านภาษา แต่มีความหมายที่ไม่แตกต่างกัน
Q2: ได้อ่าน "กสิภารทวาชสูตร" แล้วไม่เข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่รับข้าวปายาสของพราหมณ์ที่เขาถวายหลังจากพระองค์ตอบเรื่องแอกและไถ ในเมื่อพราหมณ์ก็ถวายด้วยความเคารพ และข้าวนี้ก็ไม่มีใครทานได้นอกจากพระองค์และสาวก เพราะเหตุใดจึงให้เททิ้ง ในบางที่มีคนว่าพระองค์ยังคงไปโปรดซ้ำ ไปบิณฑบาตได้เลย
เพราะพระพุทธเจ้าไม่ทรงรับอาหารหรืออามิสทานที่เกิดจากการกระทำที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ
Q3:ทุกสิ่งอย่างทั้งหมดในโลกนี้ มีอะไรที่เป็นอัตตาหรือไม่ ถ้ามีสิ่งนั้นคืออะไร
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เป็นอัตตาตัวตน
Q4: ต้องการทราบวิธีแก้ไขและข้อปฏิบัติเพื่อให้กำลังของกามราคะลดลง เพราะเมื่อเห็นเพศตรงข้ามแล้วมีกามราคะเกิดขื้น
ราคะ โทสะ โมหะ เป็นอุปกิเลสของจิต สามารถครอบงำจิตได้เป็นครั้งคราว หากเราปฏิบัติฌานสมาธิให้ลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไป เห็นคุณของเนกขัมมะและฌานสมาธิ แต่เห็นโทษที่เกิดจากกาม จะสามารถละได้เด็ดขาด กิเลสจะไม่มีทางกลับกำเริบได้ ทั้งยังสามารถออกบวชได้ หลีกออกจากกามได้ และมีปิติสุขภายในได้เช่นกัน
แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S09E03
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
By ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana5
11 ratings
หากคิดใคร่ครวญด้วยปัญญาชัดเจนโดยชอบตามวิญญูชนแล้ว จะพบว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกนี้ ที่เมื่อเรายึดถือแล้ว จะเป็นผู้หาโทษไม่ได้"นั้นไม่มี นั่นหมายถึงว่า ไม่มีสิ่งใดเลยในโลกนี้ ที่เป็น "อัตตา ตัวตน" แต่ในทางตรงกันข้ามกัน มันเป็น "อนัตตา" เพราะต้องอาศัยสิ่งอื่นมาปรุงแต่ง ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสัจจะความจริงที่เราต้องเข้าใจว่า "ไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวเรา ของเรา"
Q1: ในวรรคที่กล่าวถึง "ฆราวาสธรรม" ชุดที่ (1) สัจจะ ธรรมะ ธิติ จาคะ กับ ชุดที่ (2) สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ เพราะเหตุใดจึงต้องใช้คำไม่เหมือนกัน
เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉันทลักษณ์ ซึ่งเป็นข้อกำหนด ระเบียบถ้อยคำที่ทำให้เกิดความลงรับ คล้องจองกันของคำอ่าน เพื่อให้เกิดความไพเราะ ความสวยงามทางด้านภาษา แต่มีความหมายที่ไม่แตกต่างกัน
Q2: ได้อ่าน "กสิภารทวาชสูตร" แล้วไม่เข้าใจว่า ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่รับข้าวปายาสของพราหมณ์ที่เขาถวายหลังจากพระองค์ตอบเรื่องแอกและไถ ในเมื่อพราหมณ์ก็ถวายด้วยความเคารพ และข้าวนี้ก็ไม่มีใครทานได้นอกจากพระองค์และสาวก เพราะเหตุใดจึงให้เททิ้ง ในบางที่มีคนว่าพระองค์ยังคงไปโปรดซ้ำ ไปบิณฑบาตได้เลย
เพราะพระพุทธเจ้าไม่ทรงรับอาหารหรืออามิสทานที่เกิดจากการกระทำที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ
Q3:ทุกสิ่งอย่างทั้งหมดในโลกนี้ มีอะไรที่เป็นอัตตาหรือไม่ ถ้ามีสิ่งนั้นคืออะไร
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เป็นอัตตาตัวตน
Q4: ต้องการทราบวิธีแก้ไขและข้อปฏิบัติเพื่อให้กำลังของกามราคะลดลง เพราะเมื่อเห็นเพศตรงข้ามแล้วมีกามราคะเกิดขื้น
ราคะ โทสะ โมหะ เป็นอุปกิเลสของจิต สามารถครอบงำจิตได้เป็นครั้งคราว หากเราปฏิบัติฌานสมาธิให้ลึกซึ้งยิ่ง ๆ ขึ้นไป เห็นคุณของเนกขัมมะและฌานสมาธิ แต่เห็นโทษที่เกิดจากกาม จะสามารถละได้เด็ดขาด กิเลสจะไม่มีทางกลับกำเริบได้ ทั้งยังสามารถออกบวชได้ หลีกออกจากกามได้ และมีปิติสุขภายในได้เช่นกัน
แนะนำรับฟังเพิ่มเติมได้ที่ Playlists: คลังพระสูตร S09E03
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

80 Listeners

3 Listeners

2 Listeners

5 Listeners

3 Listeners

3 Listeners

2 Listeners

7 Listeners

64 Listeners

5 Listeners

8 Listeners

6 Listeners

18 Listeners

2 Listeners

1 Listeners

1 Listeners

0 Listeners

0 Listeners