
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 26-28 พ.ค. 66 นำปฏิบัติโดย พระกิตติวิมลเมธี (สุชีพ สุธมฺโม) วัดบุปผาราม กทม.
ณ สถานปฏิบัติธรรมวชิรญาณ ๒๐๐ ปี วัดบวรนิเวศ
รู้ลมที่บริเวณนิมิต แล้วเฝ้ารู้ลมอยู่ที่เดียว ตัวตรงไม่ต้องเกร็ง ให้กระดูกสันหลังตรงกับข้อต่อ แล้วก็สังเกตสมดุลซ้ายขวา ไม่ต้องรีบร้อน ในใจไม่ต้องอยากได้อะไรเลย ทำปัจจุบันขณะให้ปรากฏตามความเป็นจริง ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ก็เอาตัวรู้ที่อยู่ข้างใน ตรวจสอบกายทั้งกายที่นั่ง ตรวจสอบกายของเราแต่ละขณะตามความเป็นจริงที่ปรากฏ
เวลามารู้สึกเหนือริมฝีปาก ตัวรู้สึกที่อยู่เหนือริมฝีปาก มันจะรู้สึกควบกว้างลึกเข้ามาในบริเวณโพรงจมูกด้วย ในบริเวณนี้แหละที่กำลังรู้สึกอยู่ ตั้งแต่เหนือริมฝีปากเข้ามาบริเวณปลายโพรงจมูก รู้สึกอยู่บริเวณนี้ ขณะที่กำลังเฝ้ารู้สึกอยู่ ก็จะรู้ว่ามีการหายใจออกอยู่ มีการหายใจเข้าอยู่ โดยที่เราไม่ได้ไปตั้งใจรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ตอนนี้กำลังรู้สึกอยู่บริเวณเหนือริมฝีปาก บริเวณโพรงจมูกด้านปลาย แต่ในขณะที่รู้สึกอยู่ มันมีการหายใจออก มันมีการหายใจเข้า
รู้สึกอยู่ตรงนี้ ตัวรู้สึกตัวหนึ่ง แต่ตัวเหนือริมฝีปากหรือปลายจมูกซึ่งเรียกศัพท์ว่านิมิต ก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ตัวรู้สึกกับตัวนิมิต เป็นคนละตัวกัน เหมือนกับตัวรู้สึกเป็นรปภ.หรือเป็นทหารยาม ตัวนิมิตก็เหมือนกับประตู รปภ.หรือทหารยามคือความรู้สึก เฝ้าอยู่ที่ปลายจมูกหรือที่นิมิตอันเป็นเสมือนประตู
ตอนนี้ให้ตั้งใจรู้ ตั้งใจรู้ลมหายใจออก ตัวรู้อยู่บริเวณนิมิต หายใจเข้าให้สุด แล้วตั้งในใจว่า จะรู้สึกกับลมหายใจที่ไหลออก แล้วปล่อยลมหายใจไหลออกมา แล้วคอยรู้สึกต่อลมหายใจที่ไหลออกนั้น ที่มันรู้สึกได้จริงๆ หายใจเข้าให้สุด แล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออก แล้วเฝ้ารู้ลมที่ไหลออกนั้น ที่รู้สึกได้จริงๆ เมื่อเราเฝ้ารู้อยู่ที่เดียว รู้สึกได้จริงๆกับลมที่ออก มันก็จะอยู่บริเวณที่เรียกว่านิมิตนั่นเอง จะไม่อยู่ในบริเวณอื่น เพราะบริเวณนั้นเป็นลมกระทบที่ตัวรู้สามารถเข้ารับรู้ทางกายประสาท ถ้าเรารู้เฉพาะลมหายใจออกอย่างเดียวก่อน หายใจเข้าทิ้งยาว อย่าวิ่งตามเข้าไป ให้ตื่นตัว ให้ตัวรู้อยู่ที่บริเวณนิมิต หายใจเข้ายาว รู้หรือไม่รู้ก็ช่าง แล้วคอยจ้องดักรู้ลมหายใจออก ที่รู้สึกได้จริงๆ ปล่อยลมหายใจออกมาแล้วคอยรู้ หายใจเข้าไปยาวๆ แล้วหายใจออกแล้วคอยรู้ หายใจเข้าไป ปล่อยลมออกคอยรู้ หายใจเข้าไปยาวๆ ปล่อยลมออกคอยรู้ จะสังเกตว่า ตัวรู้ที่รู้ลมหายใจไหลออกนั้น จะรู้บริเวณนั้นและลมนั้นเป็นลมที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะเรารู้ผ่านทางอายตนะ ผ่านทางกายประสาท ลมนั้นเป็นลมกระทบ เรารู้ลมออกมาเป็นอย่างนั้น ก็รู้ลมเข้าอย่างนั้น เราก็เริ่มรู้ลมเข้าไป หายใจเข้ารู้ลมบริเวณเดียวกับที่เรารู้ลมออก หายใจเข้ารู้ ไม่ต้องวิ่งตาม สบายๆ รู้สบายๆ มีแค่รู้กับลมเข้าซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้ มีแค่รู้กับลมออกซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ลมเข้ารู้ ลมออกรู้ ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องตั้งความปรารถนา อะไรก็รู้แล้ว ลมตามความเป็นจริงก็รู้แล้ว ตัวรู้ก็รู้แล้ว ลมที่จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกรู้ก็เข้าใจแล้ว เหลือแค่ทำความเพียรเพื่อเดินตัวรู้ตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้ตามความเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ตั้งความปรารถนาอะไร อยู่ในนั้นสบายๆ หายใจออกรู้ หายใจเข้ารู้
ตัวรู้ รู้ลมนะ ไม่ใช่ไปพยายามจับลม ตัวรู้แค่ทำหน้าที่รู้ลม สติที่มีอยู่ไม่ใช่ไปอยู่ที่ลม แต่แค่รู้ลม ลมแม้จะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนด แต่ตัวรู้ก็ทำหน้าที่แค่รู้ลมนั้น
รู้ตัวหนึ่งอยู่ที่นิมิต ลมหายใจออกเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ลมหายใจเข้าเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ไม่มีการไปพยายามในการที่จะไปปรับไปตกแต่งอะไรเลย ลมซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้ก็เป็นธรรมชาติอยู่อย่างนั้น เหมือนเสือที่อยู่ในกรง เห็นกวางที่เดินอยู่นอกกรง ถ้าเสือหิว มันดูกวางที่เดินอยู่นอกกรง อยากจะกินเลือดกินเนื้อ น้ำลายไหล เพราะตัวมันไปอยู่ที่กวางแล้ว นั่นเสือเดือดร้อน แต่ถ้าเสืออิ่ม นอนสบายๆ กวางเดินผ่านก็แค่ดู หูไม่ตั้ง ปากไม่อ้า เสียงไม่คำราม หางไม่กระดิก แค่ลืมตาดู กวางเดินไปก็ดู กวางเดินผ่านมาก็ดู เหมือนกัน เหมือนเรารู้ลม อย่าทำเป็นเสือหิว แต่ให้ทำเป็นเสืออิ่ม
ถ้ามีความคิดเกิดขึ้น ก็เอาตัวรู้นั้นดูความคิด ดูในฐานะที่เป็นความคิด ให้ความคิดเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู พอรู้ปั๊บ มันดับไปใช้ได้
ในขณะนี้ตัวรู้เป็นวิหารของจิต จิตมีตัวรู้เป็นวิหารธรรม เวลาลุกขึ้น ให้ลุกขึ้นโดยที่ใจ ไม่มีความพอใจ ไม่มีความไม่พอใจ อยู่กับวิหารธรรม มีรู้อยู่ข้างใน จะรู้ก็ใส่ใจไว้เลยว่า เราจะลุกขึ้นยืน ใส่ใจไว้ อย่าให้ปรุงแต่งสู่อารมณ์อันใด แต่ให้มีตัวรู้อยู่ข้างใน ลองดู จับ ดัก ทำ ให้ทันต่อความคิดทั้งหมด
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 26-28 พ.ค. 66 นำปฏิบัติโดย พระกิตติวิมลเมธี (สุชีพ สุธมฺโม) วัดบุปผาราม กทม.
ณ สถานปฏิบัติธรรมวชิรญาณ ๒๐๐ ปี วัดบวรนิเวศ
รู้ลมที่บริเวณนิมิต แล้วเฝ้ารู้ลมอยู่ที่เดียว ตัวตรงไม่ต้องเกร็ง ให้กระดูกสันหลังตรงกับข้อต่อ แล้วก็สังเกตสมดุลซ้ายขวา ไม่ต้องรีบร้อน ในใจไม่ต้องอยากได้อะไรเลย ทำปัจจุบันขณะให้ปรากฏตามความเป็นจริง ตอนนี้เรากำลังนั่งอยู่ก็เอาตัวรู้ที่อยู่ข้างใน ตรวจสอบกายทั้งกายที่นั่ง ตรวจสอบกายของเราแต่ละขณะตามความเป็นจริงที่ปรากฏ
เวลามารู้สึกเหนือริมฝีปาก ตัวรู้สึกที่อยู่เหนือริมฝีปาก มันจะรู้สึกควบกว้างลึกเข้ามาในบริเวณโพรงจมูกด้วย ในบริเวณนี้แหละที่กำลังรู้สึกอยู่ ตั้งแต่เหนือริมฝีปากเข้ามาบริเวณปลายโพรงจมูก รู้สึกอยู่บริเวณนี้ ขณะที่กำลังเฝ้ารู้สึกอยู่ ก็จะรู้ว่ามีการหายใจออกอยู่ มีการหายใจเข้าอยู่ โดยที่เราไม่ได้ไปตั้งใจรู้ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า ตอนนี้กำลังรู้สึกอยู่บริเวณเหนือริมฝีปาก บริเวณโพรงจมูกด้านปลาย แต่ในขณะที่รู้สึกอยู่ มันมีการหายใจออก มันมีการหายใจเข้า
รู้สึกอยู่ตรงนี้ ตัวรู้สึกตัวหนึ่ง แต่ตัวเหนือริมฝีปากหรือปลายจมูกซึ่งเรียกศัพท์ว่านิมิต ก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ตัวรู้สึกกับตัวนิมิต เป็นคนละตัวกัน เหมือนกับตัวรู้สึกเป็นรปภ.หรือเป็นทหารยาม ตัวนิมิตก็เหมือนกับประตู รปภ.หรือทหารยามคือความรู้สึก เฝ้าอยู่ที่ปลายจมูกหรือที่นิมิตอันเป็นเสมือนประตู
ตอนนี้ให้ตั้งใจรู้ ตั้งใจรู้ลมหายใจออก ตัวรู้อยู่บริเวณนิมิต หายใจเข้าให้สุด แล้วตั้งในใจว่า จะรู้สึกกับลมหายใจที่ไหลออก แล้วปล่อยลมหายใจไหลออกมา แล้วคอยรู้สึกต่อลมหายใจที่ไหลออกนั้น ที่มันรู้สึกได้จริงๆ หายใจเข้าให้สุด แล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออก แล้วเฝ้ารู้ลมที่ไหลออกนั้น ที่รู้สึกได้จริงๆ เมื่อเราเฝ้ารู้อยู่ที่เดียว รู้สึกได้จริงๆกับลมที่ออก มันก็จะอยู่บริเวณที่เรียกว่านิมิตนั่นเอง จะไม่อยู่ในบริเวณอื่น เพราะบริเวณนั้นเป็นลมกระทบที่ตัวรู้สามารถเข้ารับรู้ทางกายประสาท ถ้าเรารู้เฉพาะลมหายใจออกอย่างเดียวก่อน หายใจเข้าทิ้งยาว อย่าวิ่งตามเข้าไป ให้ตื่นตัว ให้ตัวรู้อยู่ที่บริเวณนิมิต หายใจเข้ายาว รู้หรือไม่รู้ก็ช่าง แล้วคอยจ้องดักรู้ลมหายใจออก ที่รู้สึกได้จริงๆ ปล่อยลมหายใจออกมาแล้วคอยรู้ หายใจเข้าไปยาวๆ แล้วหายใจออกแล้วคอยรู้ หายใจเข้าไป ปล่อยลมออกคอยรู้ หายใจเข้าไปยาวๆ ปล่อยลมออกคอยรู้ จะสังเกตว่า ตัวรู้ที่รู้ลมหายใจไหลออกนั้น จะรู้บริเวณนั้นและลมนั้นเป็นลมที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะเรารู้ผ่านทางอายตนะ ผ่านทางกายประสาท ลมนั้นเป็นลมกระทบ เรารู้ลมออกมาเป็นอย่างนั้น ก็รู้ลมเข้าอย่างนั้น เราก็เริ่มรู้ลมเข้าไป หายใจเข้ารู้ลมบริเวณเดียวกับที่เรารู้ลมออก หายใจเข้ารู้ ไม่ต้องวิ่งตาม สบายๆ รู้สบายๆ มีแค่รู้กับลมเข้าซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้ มีแค่รู้กับลมออกซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ลมเข้ารู้ ลมออกรู้ ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องตั้งความปรารถนา อะไรก็รู้แล้ว ลมตามความเป็นจริงก็รู้แล้ว ตัวรู้ก็รู้แล้ว ลมที่จะต้องเป็นสิ่งที่ถูกรู้ก็เข้าใจแล้ว เหลือแค่ทำความเพียรเพื่อเดินตัวรู้ตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้ตามความเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ตั้งความปรารถนาอะไร อยู่ในนั้นสบายๆ หายใจออกรู้ หายใจเข้ารู้
ตัวรู้ รู้ลมนะ ไม่ใช่ไปพยายามจับลม ตัวรู้แค่ทำหน้าที่รู้ลม สติที่มีอยู่ไม่ใช่ไปอยู่ที่ลม แต่แค่รู้ลม ลมแม้จะเป็นสิ่งที่ถูกกำหนด แต่ตัวรู้ก็ทำหน้าที่แค่รู้ลมนั้น
รู้ตัวหนึ่งอยู่ที่นิมิต ลมหายใจออกเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ลมหายใจเข้าเป็นสิ่งที่ถูกรู้ ไม่มีการไปพยายามในการที่จะไปปรับไปตกแต่งอะไรเลย ลมซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกรู้ก็เป็นธรรมชาติอยู่อย่างนั้น เหมือนเสือที่อยู่ในกรง เห็นกวางที่เดินอยู่นอกกรง ถ้าเสือหิว มันดูกวางที่เดินอยู่นอกกรง อยากจะกินเลือดกินเนื้อ น้ำลายไหล เพราะตัวมันไปอยู่ที่กวางแล้ว นั่นเสือเดือดร้อน แต่ถ้าเสืออิ่ม นอนสบายๆ กวางเดินผ่านก็แค่ดู หูไม่ตั้ง ปากไม่อ้า เสียงไม่คำราม หางไม่กระดิก แค่ลืมตาดู กวางเดินไปก็ดู กวางเดินผ่านมาก็ดู เหมือนกัน เหมือนเรารู้ลม อย่าทำเป็นเสือหิว แต่ให้ทำเป็นเสืออิ่ม
ถ้ามีความคิดเกิดขึ้น ก็เอาตัวรู้นั้นดูความคิด ดูในฐานะที่เป็นความคิด ให้ความคิดเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู พอรู้ปั๊บ มันดับไปใช้ได้
ในขณะนี้ตัวรู้เป็นวิหารของจิต จิตมีตัวรู้เป็นวิหารธรรม เวลาลุกขึ้น ให้ลุกขึ้นโดยที่ใจ ไม่มีความพอใจ ไม่มีความไม่พอใจ อยู่กับวิหารธรรม มีรู้อยู่ข้างใน จะรู้ก็ใส่ใจไว้เลยว่า เราจะลุกขึ้นยืน ใส่ใจไว้ อย่าให้ปรุงแต่งสู่อารมณ์อันใด แต่ให้มีตัวรู้อยู่ข้างใน ลองดู จับ ดัก ทำ ให้ทันต่อความคิดทั้งหมด
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน