
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มิ.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหารความเชื่อที่มีอยู่เดิมนั้นนําไปซึ่งความมีอยู่ของสรรพสิ่ง แต่ความรู้ที่พระพุทธเจ้าค้นพบในความจริง ที่จิตเข้าไปเกี่ยวพันทั้งหมดมันไม่มีอยู่จริง ความไม่มีอยู่จริงมันมีอยู่ แต่ความเชื่อในอํานาจของอวิชชาเชื่อว่ามีอยู่ มีอยู่จริงของสรรพสิ่ง และพระพุทธเจ้านําพาขึ้นมาทําให้ท่านอัญญาโกณฑัญญะเข้าใจตามทั้งหมดเลยว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา” คําว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่ง นี่ทั้งหมดนะ ไม่เว้นแม้แต่ตัวของท่านเอง จากการที่ทําความเข้าใจเรื่องนี้ เรื่องที่พูดเมื่อเช้า แต่ว่าพอมีความเข้าใจแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไปขยายความ เป็นกัณฑ์ที่ ๒ ที่เทศน์ ชื่อ อนัตตลักขณสูตร
อนัตตลักขณสูตร คือ สูตรที่ว่าด้วยความไม่มีอยู่จริงของสิ่งทั้งหลาย ตรงๆเลย อันนี้แหละคือคําสอนของพระพุทธเจ้า แต่ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธเจ้าดึงออกมาจากสรรพสิ่งทั้งหมดเลย ให้มาอยู่ที่รูปนามนี้ พระ ๕ รูปที่นั่งฟัง นั่งดูในรูปนามของตัวเอง รูปนี้พระพุทธเจ้าขึ้นต้นว่า รูปํ อนตฺตา รูปนี้มันไม่ใช่ตัวตน ถ้าพูดให้มันตรงในความหมายที่พระพุทธเจ้าพูด นั่นคือกระแทกกระทันถึงความรู้สึกนะ เหมือนกับชี้ว่า มึงไม่ใช่ตัวตน เหมือนจะบอกว่า มึงไม่มีอยู่จริง อย่างนั้นนะ คำว่า รูปํ อนตฺตา เป็นคําที่ไม่เคยมีใครเคยพูดมาในโลกใบนี้ และพระทั้ง ๕ ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
รูปนี้ไม่ใช่ตัวตน รูปํ อนตฺตา รูปไม่ใช่ตัวตน คือ รูปมันไม่มีอยู่จริง ที่เห็นที่เข้าใจว่าเป็นตัวเป็นตนนี้ มันไม่ใช่ ไม่มีอยู่จริง แต่คําพูดนี้มันพูดเกิดขึ้นมาจากการที่พระทั้ง ๕ เข้าใจถึงความตั้งมั่นของจิตที่นิ่งรู้อย่างอิสระและมีสติแลอยู่ นั่นก็คือมัชฌิมาปฏิปทาที่ฟังธัมมจักกัปปวัตนสูตรมาก่อน ก็เข้าไปถึงตรงนั้น ไปถึงตอนนี้พระพุทธเจ้าบอกว่า
รูปํ อนตฺตา รูปญฺจ หิทํ ภิกฺขเว อตฺตา อภวิสฺส นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย ลพฺเภถ จ รูเป เอวํ เม รูปํ โหตุ เอวํ เม รูปํ มา อโหสีติ
คือ พระพุทธเจ้าท่านเหมือนจี้ทีละคน นั่งกันอยู่ ๕ รูป บอกว่า ภิกษุ รูปนี้มันไม่มีอยู่จริง มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน จงรู้ไว้ เธอจงตอบสิภิกษุ
รูปํ อนตฺตา รูปไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันไม่มีอยู่จริง
รูปญฺจ หิทํ ภิกฺขเว อตฺตา อภวิสฺส ถ้ารูปนี้มันเป็นตัวเป็นตนอยู่จริงแล้ว
นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย ถ้ารูปนี้มีอยู่จริงมันจะเป็นไปเพื่อความเสื่อมไหม? เป็นไปไม่ได้พระเจ้าค่ะ
ลพฺเภถ จ รูเป แล้วจะได้ความคงที่เที่ยงแท้ในรูปนี้ไหม? ไม่พระเจ้าค่ะ
แล้วพระพุทธเจ้าก็ถามต่ออีกว่า เพราะอย่างนั้นควรหรือไม่ควรที่เธอจะต้องเข้าใจว่า รูปนี้เป็นของเรา นี่เป็นตัวตนของเรา นี่เป็นเรา
นี่เรื่องของรูป แต่ปัญหาก็คือว่า คําว่ารูปที่พูดกันอยู่นี้ มันเป็นเรื่องที่กระแทกกระทันจิตใจของคนที่ฟังอยู่มาก เพราะเขาเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องของคําพูดของภาษานั้น ก็เหมือนกับเราที่นั่งกันอยู่นี้ รู้ไหมว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนไม่มีอยู่จริง รู้ไหม ทําไมมันจึงต้องเสื่อม ทําไมมันจึงต้องแก่ ทําไมมันจึงต้องเป็นไปเพื่อความเสื่อม เพราะมันไม่มีอยู่จริง เพราะมันเป็นอนัตตาใช่ไหม มันไม่อยู่ในอํานาจการบังคับบัญชาควบคุมของใครได้เลย และในที่สุดก็เสื่อมไป เสื่อมไป เสื่อมไป รูปเป็นอย่างนั้น ในส่วนของนาม คือ ความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่กับชีวิต เวทนา คือ ความสุข ความทุกข์ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมด ความรู้สึกต่างๆ
พระพุทธเจ้าถามว่า เวทนานี้มันเป็นอนัตตา คือ ไม่มีอยู่จริง ก็เหมือนเดิม ที่มันไม่มีอยู่จริงเพราะมันเป็นไปเพื่อความเสื่อม สิ่งใดที่มันเป็นไปเพื่อความเสื่อม พิบัติสูญสิ้น ควรไหมที่เราจะไปถือสิ่งนั้นว่าเป็นของเรา? มันก็ไม่ควร
อนัตตลักขณสูตรเป็นเรื่องการเตรียมประกาศให้รู้เลยว่า รูปนามกายใจหรือชีวิตนี้ไม่มีอยู่จริง ที่มีอยู่เพราะอํานาจของอวิชชา แล้วทําให้เราเชื่อ ทําให้เรารู้สึกได้ รู้จักได้ จําได้ และเชื่อไปว่ามีอยู่จริง ซึ่งการเข้าใจในเรื่องนี้จะต้องรู้เห็นได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น จิตที่ตั้งมั่นนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับการรู้ความเป็นจริงในเรื่องนี้ จึงจะกระจ่างแจ้ง
ถ้าใช้ลําดับของความคิด คิดตามก็เข้าใจได้ แต่มันเป็นคนละเรื่องกัน คือที่พูดมาน่ะถูก แต่กูก็ว่าของกูอย่างนี้แหละ ถ้าไม่มีจิตที่เข้าไปสู่ฐานที่ตั้งอันเป็นตัวจิตอิสระ พอฟังเรื่องนี้ปั๊บก็คิดตาม มันก็ โอเค เข้าใจแล้ว คือ ถ้าเป็นข้อสอบก็ตอบถูก แต่เสร็จแล้ว กูก็ว่าของกูเป็นอย่างนี้แหละ มันไม่ใช่เรื่องของการที่จะทําให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันได้#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #มรรค
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มิ.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหารความเชื่อที่มีอยู่เดิมนั้นนําไปซึ่งความมีอยู่ของสรรพสิ่ง แต่ความรู้ที่พระพุทธเจ้าค้นพบในความจริง ที่จิตเข้าไปเกี่ยวพันทั้งหมดมันไม่มีอยู่จริง ความไม่มีอยู่จริงมันมีอยู่ แต่ความเชื่อในอํานาจของอวิชชาเชื่อว่ามีอยู่ มีอยู่จริงของสรรพสิ่ง และพระพุทธเจ้านําพาขึ้นมาทําให้ท่านอัญญาโกณฑัญญะเข้าใจตามทั้งหมดเลยว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา” คําว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่ง นี่ทั้งหมดนะ ไม่เว้นแม้แต่ตัวของท่านเอง จากการที่ทําความเข้าใจเรื่องนี้ เรื่องที่พูดเมื่อเช้า แต่ว่าพอมีความเข้าใจแล้ว พระพุทธเจ้าก็ไปขยายความ เป็นกัณฑ์ที่ ๒ ที่เทศน์ ชื่อ อนัตตลักขณสูตร
อนัตตลักขณสูตร คือ สูตรที่ว่าด้วยความไม่มีอยู่จริงของสิ่งทั้งหลาย ตรงๆเลย อันนี้แหละคือคําสอนของพระพุทธเจ้า แต่ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธเจ้าดึงออกมาจากสรรพสิ่งทั้งหมดเลย ให้มาอยู่ที่รูปนามนี้ พระ ๕ รูปที่นั่งฟัง นั่งดูในรูปนามของตัวเอง รูปนี้พระพุทธเจ้าขึ้นต้นว่า รูปํ อนตฺตา รูปนี้มันไม่ใช่ตัวตน ถ้าพูดให้มันตรงในความหมายที่พระพุทธเจ้าพูด นั่นคือกระแทกกระทันถึงความรู้สึกนะ เหมือนกับชี้ว่า มึงไม่ใช่ตัวตน เหมือนจะบอกว่า มึงไม่มีอยู่จริง อย่างนั้นนะ คำว่า รูปํ อนตฺตา เป็นคําที่ไม่เคยมีใครเคยพูดมาในโลกใบนี้ และพระทั้ง ๕ ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
รูปนี้ไม่ใช่ตัวตน รูปํ อนตฺตา รูปไม่ใช่ตัวตน คือ รูปมันไม่มีอยู่จริง ที่เห็นที่เข้าใจว่าเป็นตัวเป็นตนนี้ มันไม่ใช่ ไม่มีอยู่จริง แต่คําพูดนี้มันพูดเกิดขึ้นมาจากการที่พระทั้ง ๕ เข้าใจถึงความตั้งมั่นของจิตที่นิ่งรู้อย่างอิสระและมีสติแลอยู่ นั่นก็คือมัชฌิมาปฏิปทาที่ฟังธัมมจักกัปปวัตนสูตรมาก่อน ก็เข้าไปถึงตรงนั้น ไปถึงตอนนี้พระพุทธเจ้าบอกว่า
รูปํ อนตฺตา รูปญฺจ หิทํ ภิกฺขเว อตฺตา อภวิสฺส นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย ลพฺเภถ จ รูเป เอวํ เม รูปํ โหตุ เอวํ เม รูปํ มา อโหสีติ
คือ พระพุทธเจ้าท่านเหมือนจี้ทีละคน นั่งกันอยู่ ๕ รูป บอกว่า ภิกษุ รูปนี้มันไม่มีอยู่จริง มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน จงรู้ไว้ เธอจงตอบสิภิกษุ
รูปํ อนตฺตา รูปไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน มันไม่มีอยู่จริง
รูปญฺจ หิทํ ภิกฺขเว อตฺตา อภวิสฺส ถ้ารูปนี้มันเป็นตัวเป็นตนอยู่จริงแล้ว
นยิทํ รูปํ อาพาธาย สํวตฺเตยฺย ถ้ารูปนี้มีอยู่จริงมันจะเป็นไปเพื่อความเสื่อมไหม? เป็นไปไม่ได้พระเจ้าค่ะ
ลพฺเภถ จ รูเป แล้วจะได้ความคงที่เที่ยงแท้ในรูปนี้ไหม? ไม่พระเจ้าค่ะ
แล้วพระพุทธเจ้าก็ถามต่ออีกว่า เพราะอย่างนั้นควรหรือไม่ควรที่เธอจะต้องเข้าใจว่า รูปนี้เป็นของเรา นี่เป็นตัวตนของเรา นี่เป็นเรา
นี่เรื่องของรูป แต่ปัญหาก็คือว่า คําว่ารูปที่พูดกันอยู่นี้ มันเป็นเรื่องที่กระแทกกระทันจิตใจของคนที่ฟังอยู่มาก เพราะเขาเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องของคําพูดของภาษานั้น ก็เหมือนกับเราที่นั่งกันอยู่นี้ รู้ไหมว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนไม่มีอยู่จริง รู้ไหม ทําไมมันจึงต้องเสื่อม ทําไมมันจึงต้องแก่ ทําไมมันจึงต้องเป็นไปเพื่อความเสื่อม เพราะมันไม่มีอยู่จริง เพราะมันเป็นอนัตตาใช่ไหม มันไม่อยู่ในอํานาจการบังคับบัญชาควบคุมของใครได้เลย และในที่สุดก็เสื่อมไป เสื่อมไป เสื่อมไป รูปเป็นอย่างนั้น ในส่วนของนาม คือ ความรู้สึกนึกคิดที่มีอยู่กับชีวิต เวทนา คือ ความสุข ความทุกข์ ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมด ความรู้สึกต่างๆ
พระพุทธเจ้าถามว่า เวทนานี้มันเป็นอนัตตา คือ ไม่มีอยู่จริง ก็เหมือนเดิม ที่มันไม่มีอยู่จริงเพราะมันเป็นไปเพื่อความเสื่อม สิ่งใดที่มันเป็นไปเพื่อความเสื่อม พิบัติสูญสิ้น ควรไหมที่เราจะไปถือสิ่งนั้นว่าเป็นของเรา? มันก็ไม่ควร
อนัตตลักขณสูตรเป็นเรื่องการเตรียมประกาศให้รู้เลยว่า รูปนามกายใจหรือชีวิตนี้ไม่มีอยู่จริง ที่มีอยู่เพราะอํานาจของอวิชชา แล้วทําให้เราเชื่อ ทําให้เรารู้สึกได้ รู้จักได้ จําได้ และเชื่อไปว่ามีอยู่จริง ซึ่งการเข้าใจในเรื่องนี้จะต้องรู้เห็นได้ด้วยจิตที่ตั้งมั่น จิตที่ตั้งมั่นนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับการรู้ความเป็นจริงในเรื่องนี้ จึงจะกระจ่างแจ้ง
ถ้าใช้ลําดับของความคิด คิดตามก็เข้าใจได้ แต่มันเป็นคนละเรื่องกัน คือที่พูดมาน่ะถูก แต่กูก็ว่าของกูอย่างนี้แหละ ถ้าไม่มีจิตที่เข้าไปสู่ฐานที่ตั้งอันเป็นตัวจิตอิสระ พอฟังเรื่องนี้ปั๊บก็คิดตาม มันก็ โอเค เข้าใจแล้ว คือ ถ้าเป็นข้อสอบก็ตอบถูก แต่เสร็จแล้ว กูก็ว่าของกูเป็นอย่างนี้แหละ มันไม่ใช่เรื่องของการที่จะทําให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันได้#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #มรรค