
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 6-9 ก.ค. 66 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหาร
สิ่งที่ผู้ปฏิบัติต้องมี คือ ฉันทะ สำคัญมากที่สุด เพราะถ้าไม่มีฉันทะ ความเพียรจะเป็นเพียระภาระ ไม่ได้เป็นเพียรแผดเผา เป็นความฝืนใจ กล้ำกลืนทนในการทำความเพียร แล้วจะฝ่าไม่ไหว
สัพเพ ธัมมา ฉันทมูลกา ฉันทะเป็นมูลของธรรมทั้งหมด
บุญจะมีได้ต้องฉันทะ ในการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เราต้องปลูกฉันทะ ให้ฉันทะมีกำลัง ในพระรัตนตรัย ในการรู้กาย ในการภาวนา มันเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเนื้อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ฉันทะเป็นธรรมที่เราต้องปลูกสร้างขึ้นมา
ตัวที่จะทำให้ฉันทะเกิดขึ้น คือ ความรู้ความเข้าใจ มีสภาวะมารองรับความเข้าใจ
ฉันทะที่สร้างก็มีได้ โดยการปรับมูลฐานทั้งหมดให้เป็นฐานของฉันทะ เช่น นั่ง ท่าไม่สบายก็ปรับให้สบาย ให้เกิดสัปปายะ แม้แต่การวางผู้รู้ที่นิมิต แค่วางไว้ที่นิมิต ถ้าไม่เป็นฉันทะก็เหวิ่นๆแหว่งๆ ตัวผู้รู้ที่เหวิ่นๆแหว่งๆรู้สิ่งที่ปรากฏได้แต่แบบเหวิ่นๆแหว่งๆ ผลที่ปรากฏก็มีความตั้งมั่นแบบเหวิ่นๆแหว่งๆ บ่มสติขึ้นมา ตัวผู้รู้ที่โตขึ้นมาก็โตมาแบบเหวิ่นๆแหว่ง คือไม่เต็มรอบของมัน ถ้าไม่เต็มรอบ ตัวที่จะเข้าไปอยู่ในผู้รู้คือความคิด ตัวที่จะถูกทำลายคือฉันทะ กำลังจะค่อยๆมอดลงไปเรื่อยๆ ความคิดที่เข้าไปรุกคืบในพื้นที่ของจิตจะค่อยๆกลบตัวฉันทะออกไป เหมือนตะเกียงที่ค่อยๆหรี่ลงทั้งๆทีน้ำมันและไส้ยังมีตัวที่จะทำให้เราเข้าสู่ฉันทะได้ง่ายขึ้นคือรู้ที่เป็นอิสระและเป็นธรรมชาติที่ตั้งขึ้นที่นิมิต อาศัยนิมิต ทรงตัวอยู่กับความนิ่ง รู้ตัวนั้นจะมีฉันทะเป็นฐาน
ถ้าไม่มีฉันทะอยู่ รู้นั้นจะไม่สามารถเป็นอิสระได้ 100% ไม่เป็นธรรมชาติได้ 100%
ความเป็นธรรมชาติและความเป็นอิสระของรู้ จะมีฉันทะเป็นฐานตามกำลังของรู้ที่มี
รู้เป็นธรรมชาติเท่าไร เป็นอิสระเท่าไร ตัวฉันทะก็จะมีกำลังเท่านั้น แล้วก็ผูกอยู่กับตัวนิ่ง ตัวอุเบกขา
ฉันทะที่อยู่ จะทำให้ศรัทธา ความเพียรมีกำลังเท่ากับฉันทะที่มี
ถ้าเราไม่ใส่ฉันทะ การรู้อยู่กับกิจอันเป็นปัจจุบันนั้นจะแน่วแน่ไม่ได้
ตัวหนึ่งที่จะสร้างฉันทะคือการดูให้ถึงในกิจนั้นว่าเราได้อะไร ในงานภาวนาดูไปถึงรูปถึงนาม รูปนามของเรามันกำลังอยู่ในกลไกของความแปรปรวน กัดกร่อน ย่อยยับ ผุพัง แตกสลาย แล้วตัวนี้มันทำตลอดเวลา การมองรูปนามมองชีวิตนี้ มองให้เห็นว่ามันกำลังจะแตกดับ มีภัยเข้ามาคุกคามรุกคืบพื้นที่ชีวิตของเราเพื่อให้ชีวิตนี้แตกสลายอยู่ตลอดเวลา
การปลูกฉันทะต้องปลูกในขณะจิตที่เป็นปัจจุบันเท่านั้น ถ้าไม่เป็นปัจจุบันมันเป็นขณะจิตที่ปรุงแต่งออกไป อันนั้นไม่ใช่ฉันทะ แล้วมันยังทำลายฉันทะด้วย เรืยก ฉันทราคะ จิตที่ถูกปรุงแต่งจะไม่ง่วง ไม่หลับ เพราะมีเหตุปัจจัยข้างนอกถูกดึงเข้ามา และปรุงแต่งด้วยอำนาจของราคะ ฉันทะจึงตั้งขึ้นได้ในขณะจิตที่เป็นปัจจุบันเท่านั้นฉะนั้นอย่าปลูกฉันทะในอิริยาบทที่อ่อนแอ จะทำให้ฉันทะกลายเป็นเหยื่อของนิวรณ์ ต้องปลูกฉันทะในอิริยาบทที่เข้มแข็ง ที่เหมาะที่ควร
เมื่อจิตที่อยู่ในสภาวะอันเป็นปัจจุบันแล้วมีฉันทะ ตัวผู้รู้จะเข้าหาสิ่งที่ถูกรู้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าไม่อยู่กับปัจจุบัน เหมือนถูกรั้งไว้ กำลังของรู้ก็อ่อนลง แผ่วลง
การภาวนาจะหึกเฮืมได้ด้วยกำลังของฉันทะ
ตรงเข้าสู่รูปนามแท้ๆ ให้ทะลุกองของสักกายะ ด้วยวิธีดำรงสติอยู่เฉพาะหน้า ทั้งยืนและนั่งให้ได้ก่อน เมื่อดำรงสติอยู่เฉพาะหน้าแล้ว ยังไม่ค่อยเข้า ยังไม่ค่อยรู้สึกดีชัด ก็ใช้เทคนิคหลับตาสงบกายให้ตัวผู้รู้ทรงอยู่ที่นิมิตมีฉันทะเป็นฐาน พอรู้ตั้งขึ้นลืมตาแต่ไม่โฟกัส มีตัวดูผู้รู้อยู่ที่นิมิต ว่าผู้รู้อยู่กับความนิ่ง ตัวรู้จะเริ่มรู้ลม รู้สภาวะ รู้ได้ในทุกอิริยาบทที่ปรากฏตามความเป็นจริง พอตัวรู้ดูอาการของกายไปจนนิ่งพอมากแล้ว จะดูความรู้สึกนึกคิดก็แค่รู้มัน ถ้าตัวรู้อยู่ที่นิมิตมีกำลังอย่างบริสุทธิ์ตัวนามที่เกิด เกิดตามเหตุตามปัจจัย ตัวรู้ทำหน้าที่แค่รู้เหมือนรู้ลมกระทบ รู้อิริยาบท ถ้ารู้อยู่กับนิ่ง นิ่งรู้ได้สักพัก จะสามารถรู้ความรู้สึกนึกคิด ให้ถอดชื่ออาการนั้นออก ดูอาการของนามที่เกิดขึ้น รู้อยู่เฉพาะตัว เป็นปัจจัตตัง#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 6-9 ก.ค. 66 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหาร
สิ่งที่ผู้ปฏิบัติต้องมี คือ ฉันทะ สำคัญมากที่สุด เพราะถ้าไม่มีฉันทะ ความเพียรจะเป็นเพียระภาระ ไม่ได้เป็นเพียรแผดเผา เป็นความฝืนใจ กล้ำกลืนทนในการทำความเพียร แล้วจะฝ่าไม่ไหว
สัพเพ ธัมมา ฉันทมูลกา ฉันทะเป็นมูลของธรรมทั้งหมด
บุญจะมีได้ต้องฉันทะ ในการปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน เราต้องปลูกฉันทะ ให้ฉันทะมีกำลัง ในพระรัตนตรัย ในการรู้กาย ในการภาวนา มันเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเนื้อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ฉันทะเป็นธรรมที่เราต้องปลูกสร้างขึ้นมา
ตัวที่จะทำให้ฉันทะเกิดขึ้น คือ ความรู้ความเข้าใจ มีสภาวะมารองรับความเข้าใจ
ฉันทะที่สร้างก็มีได้ โดยการปรับมูลฐานทั้งหมดให้เป็นฐานของฉันทะ เช่น นั่ง ท่าไม่สบายก็ปรับให้สบาย ให้เกิดสัปปายะ แม้แต่การวางผู้รู้ที่นิมิต แค่วางไว้ที่นิมิต ถ้าไม่เป็นฉันทะก็เหวิ่นๆแหว่งๆ ตัวผู้รู้ที่เหวิ่นๆแหว่งๆรู้สิ่งที่ปรากฏได้แต่แบบเหวิ่นๆแหว่งๆ ผลที่ปรากฏก็มีความตั้งมั่นแบบเหวิ่นๆแหว่งๆ บ่มสติขึ้นมา ตัวผู้รู้ที่โตขึ้นมาก็โตมาแบบเหวิ่นๆแหว่ง คือไม่เต็มรอบของมัน ถ้าไม่เต็มรอบ ตัวที่จะเข้าไปอยู่ในผู้รู้คือความคิด ตัวที่จะถูกทำลายคือฉันทะ กำลังจะค่อยๆมอดลงไปเรื่อยๆ ความคิดที่เข้าไปรุกคืบในพื้นที่ของจิตจะค่อยๆกลบตัวฉันทะออกไป เหมือนตะเกียงที่ค่อยๆหรี่ลงทั้งๆทีน้ำมันและไส้ยังมีตัวที่จะทำให้เราเข้าสู่ฉันทะได้ง่ายขึ้นคือรู้ที่เป็นอิสระและเป็นธรรมชาติที่ตั้งขึ้นที่นิมิต อาศัยนิมิต ทรงตัวอยู่กับความนิ่ง รู้ตัวนั้นจะมีฉันทะเป็นฐาน
ถ้าไม่มีฉันทะอยู่ รู้นั้นจะไม่สามารถเป็นอิสระได้ 100% ไม่เป็นธรรมชาติได้ 100%
ความเป็นธรรมชาติและความเป็นอิสระของรู้ จะมีฉันทะเป็นฐานตามกำลังของรู้ที่มี
รู้เป็นธรรมชาติเท่าไร เป็นอิสระเท่าไร ตัวฉันทะก็จะมีกำลังเท่านั้น แล้วก็ผูกอยู่กับตัวนิ่ง ตัวอุเบกขา
ฉันทะที่อยู่ จะทำให้ศรัทธา ความเพียรมีกำลังเท่ากับฉันทะที่มี
ถ้าเราไม่ใส่ฉันทะ การรู้อยู่กับกิจอันเป็นปัจจุบันนั้นจะแน่วแน่ไม่ได้
ตัวหนึ่งที่จะสร้างฉันทะคือการดูให้ถึงในกิจนั้นว่าเราได้อะไร ในงานภาวนาดูไปถึงรูปถึงนาม รูปนามของเรามันกำลังอยู่ในกลไกของความแปรปรวน กัดกร่อน ย่อยยับ ผุพัง แตกสลาย แล้วตัวนี้มันทำตลอดเวลา การมองรูปนามมองชีวิตนี้ มองให้เห็นว่ามันกำลังจะแตกดับ มีภัยเข้ามาคุกคามรุกคืบพื้นที่ชีวิตของเราเพื่อให้ชีวิตนี้แตกสลายอยู่ตลอดเวลา
การปลูกฉันทะต้องปลูกในขณะจิตที่เป็นปัจจุบันเท่านั้น ถ้าไม่เป็นปัจจุบันมันเป็นขณะจิตที่ปรุงแต่งออกไป อันนั้นไม่ใช่ฉันทะ แล้วมันยังทำลายฉันทะด้วย เรืยก ฉันทราคะ จิตที่ถูกปรุงแต่งจะไม่ง่วง ไม่หลับ เพราะมีเหตุปัจจัยข้างนอกถูกดึงเข้ามา และปรุงแต่งด้วยอำนาจของราคะ ฉันทะจึงตั้งขึ้นได้ในขณะจิตที่เป็นปัจจุบันเท่านั้นฉะนั้นอย่าปลูกฉันทะในอิริยาบทที่อ่อนแอ จะทำให้ฉันทะกลายเป็นเหยื่อของนิวรณ์ ต้องปลูกฉันทะในอิริยาบทที่เข้มแข็ง ที่เหมาะที่ควร
เมื่อจิตที่อยู่ในสภาวะอันเป็นปัจจุบันแล้วมีฉันทะ ตัวผู้รู้จะเข้าหาสิ่งที่ถูกรู้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าไม่อยู่กับปัจจุบัน เหมือนถูกรั้งไว้ กำลังของรู้ก็อ่อนลง แผ่วลง
การภาวนาจะหึกเฮืมได้ด้วยกำลังของฉันทะ
ตรงเข้าสู่รูปนามแท้ๆ ให้ทะลุกองของสักกายะ ด้วยวิธีดำรงสติอยู่เฉพาะหน้า ทั้งยืนและนั่งให้ได้ก่อน เมื่อดำรงสติอยู่เฉพาะหน้าแล้ว ยังไม่ค่อยเข้า ยังไม่ค่อยรู้สึกดีชัด ก็ใช้เทคนิคหลับตาสงบกายให้ตัวผู้รู้ทรงอยู่ที่นิมิตมีฉันทะเป็นฐาน พอรู้ตั้งขึ้นลืมตาแต่ไม่โฟกัส มีตัวดูผู้รู้อยู่ที่นิมิต ว่าผู้รู้อยู่กับความนิ่ง ตัวรู้จะเริ่มรู้ลม รู้สภาวะ รู้ได้ในทุกอิริยาบทที่ปรากฏตามความเป็นจริง พอตัวรู้ดูอาการของกายไปจนนิ่งพอมากแล้ว จะดูความรู้สึกนึกคิดก็แค่รู้มัน ถ้าตัวรู้อยู่ที่นิมิตมีกำลังอย่างบริสุทธิ์ตัวนามที่เกิด เกิดตามเหตุตามปัจจัย ตัวรู้ทำหน้าที่แค่รู้เหมือนรู้ลมกระทบ รู้อิริยาบท ถ้ารู้อยู่กับนิ่ง นิ่งรู้ได้สักพัก จะสามารถรู้ความรู้สึกนึกคิด ให้ถอดชื่ออาการนั้นออก ดูอาการของนามที่เกิดขึ้น รู้อยู่เฉพาะตัว เป็นปัจจัตตัง#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน