
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มี.ค. 68 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
เราก็จะต้องฟังคําของผู้รู้ให้ลงใจ ให้เห็นความเป็นจริงของมันว่า จุดที่มันไปยืนโดยปลอดจากสัญญามีอยู่ และเมื่อยืนจุดนั้นแล้วก็จะถูกรบกวนด้วยสัญญา ผู้ปฏิบัติก็เพียงแค่แน่วแน่ต่อจุดที่ยืนโดยปราศจากสัญญา แม้ถูกรบกวนด้วยสัญญาก็ยังยืนอยู่ในจุดที่ปราศจากสัญญา จุดที่จะยืนอยู่โดยปราศจากสัญญา จุดนั้นคืออะไร? จุดเดียวที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้ คือ สติปัฏฐาน พอเข้าถึงปั๊บมันปราศจากสัญญา
พระพุทธเจ้าบอกว่า
สตฺโต คุหายํ พหุนาภิฉนฺโน ติฏฺฐํ นโร โมหนสฺมึ ปคาโฬฺห
หมายความว่า สัตว์ หลงเข้าไปในสัญญา ติฏฺฐํ นโร โมหนสฺมึ ปคาโฬฺห คือ หยั่งลงสู่ความหลงทุกขณะ ทีนี้ในขณะที่หยั่งลงสู่ความหลงแต่ละขณะนั้น พหุนาภิฉนฺโน หมายความว่า ขนซากอัดยัดเยียดที่เป็นวิบากเข้าไปทับถมที่จิต ก็มันมาจากสัญญานั่นแหละ แล้วก็อัดทับถมเข้าไป อัดทับถมเข้าไป อัดทับถมเข้าไป จนกลายเป็นอัตลักษณ์ ของเรามันเป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่ง เรามันคนนิสัยอย่างนั้น เราเป็นคนอย่างนั้น เราชอบอย่างนั้น เราจะเอาอย่างนั้น เราเป็นอย่างนั้น เราอย่างนั้น เราอย่างนั้น เราอย่างนั้นเยอะแยะไปหมด แต่ละอย่างๆมาจากอะไร? มาจากสัญญาทั้งนั้น
พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า “รูปที่เราไม่เคยเห็นมาแต่ในอดีต แล้วไม่เคยเห็นในปัจจุบัน และไม่มีหมายรู้ว่าจะเห็นในอนาคตเลย มันจะมีรูปตัณหาได้ไหม?” มันจะมีรูปตัณหาในนั้นได้ไหม? นี่ที่เขาเรียกว่าพวงมาลัย เราไม่เคยเห็นมาในอดีต ในปัจจุบันเราก็ไม่เคยเห็น และไม่มีหมายใจว่าจะได้เห็นมันในอนาคต มันจะมีตัณหาในพวงมาลัยไหม? ไม่มี เพราะฉะนั้นตัณหาในรูปที่มันเกิดขึ้น เกิดขึ้น เกิดขึ้น มันมาจากอะไร? มันมาจากสัญญา พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า “เราจะแสดงแก่เธอโดยพิสดารอย่างนี้” คนแก่ถาม “ถ้าอย่างนี้แล้วจะทําอย่างไร?”
วิธีการของพระพุทธเจ้า เวลาใครถามปัญหา เวลาท่านจะตอบให้จบ เหมือนกันหมด แต่ต้องเข้าใจเรื่องราวมันแล้ว อย่างคนแก่คนนี้แกฟังเสร็จแกก็เข้าใจเรื่องราวนั้นแล้ว “อ๋อ คือ ความกําหนัด รักใคร่ ยินดี ที่มันหยั่งลงไปในแต่ละอย่างๆนี่ มันเกิดขึ้นจากการที่ใจเราไหลเข้าไป แค่นั้นเอง ทีนี้เราจะทําอย่างไร?” เพราะในขณะที่พูดอยู่นี้ หรือขณะที่พวกเราฟังกันอยู่นี่ เราก็เต็มไปด้วยสัญญา แล้วเราจะไปไหน? ตาแก่คนนี้เลยถามพระพุทธเจ้า “แล้วจะทําอย่างไร?” พระพุทธเจ้าเลยตอบเหมือนกันหมด ด้วยการให้สติเกิดจากจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐานนี่แหละ ตัวเดิมๆตัวเดียว
แต่เราจะต้องฟังเรื่องราวอย่างนี้ ที่พูดอย่างนี้ ต้องฟังเรื่องราวแบบนี้บ่อยๆเพื่ออะไร? เพื่อความเข้าใจ พอมันเข้าใจแล้วมันจะไม่อยู่ในอํานาจของสัญญา เมื่อสัญญามารบกวนมันเหมือนกับรู้ทันมันแล้ว เข้าใจไหม? มันรู้ทันมันแล้ว เมื่อสัญญามารบกวน ก็รู้ทันมันแล้ว เผลอหลงไปบ้าง “อ้าว หลงไปแล้วนี่นา” เผลอตกอยู่ในอํานาจของสัญญานั้น อยู่ในอํานาจของตัณหานั้น แต่พอมันส่งผลก็ “อ๋อ” ความรู้ที่มีอยู่เดิมมันก็กลับมา รู้ทันมัน แล้วก็เข้าไปสู่จุดที่พระพุทธเจ้าชี้ได้
ท่านจึงบอกว่า ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับไม่ได้ฟัง อริยานํ อทสฺสาวี หมายความว่า ไม่เคยเจอพระอริยเจ้า ไม่เคยฟังธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้รับคําแนะนําจากพระอริยเจ้า ไม่เคยเจอสัตบุรุษ ไม่เคยฟังธรรมของสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับคําแนะนําจากสัตบุรุษ ปุถุชนนั้นก็จะสั่งสมสัญญา และก็จมอยู่กับทุกข์ แล้วเล่า แล้วเล่า แล้วเล่า ทุกภพทุกชาติไป จะหมุนวนอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้ตลอดชั่วกัปชั่วกัลป์ ออกจากตรงนั้นไม่ได้
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มี.ค. 68 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
เราก็จะต้องฟังคําของผู้รู้ให้ลงใจ ให้เห็นความเป็นจริงของมันว่า จุดที่มันไปยืนโดยปลอดจากสัญญามีอยู่ และเมื่อยืนจุดนั้นแล้วก็จะถูกรบกวนด้วยสัญญา ผู้ปฏิบัติก็เพียงแค่แน่วแน่ต่อจุดที่ยืนโดยปราศจากสัญญา แม้ถูกรบกวนด้วยสัญญาก็ยังยืนอยู่ในจุดที่ปราศจากสัญญา จุดที่จะยืนอยู่โดยปราศจากสัญญา จุดนั้นคืออะไร? จุดเดียวที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้ คือ สติปัฏฐาน พอเข้าถึงปั๊บมันปราศจากสัญญา
พระพุทธเจ้าบอกว่า
สตฺโต คุหายํ พหุนาภิฉนฺโน ติฏฺฐํ นโร โมหนสฺมึ ปคาโฬฺห
หมายความว่า สัตว์ หลงเข้าไปในสัญญา ติฏฺฐํ นโร โมหนสฺมึ ปคาโฬฺห คือ หยั่งลงสู่ความหลงทุกขณะ ทีนี้ในขณะที่หยั่งลงสู่ความหลงแต่ละขณะนั้น พหุนาภิฉนฺโน หมายความว่า ขนซากอัดยัดเยียดที่เป็นวิบากเข้าไปทับถมที่จิต ก็มันมาจากสัญญานั่นแหละ แล้วก็อัดทับถมเข้าไป อัดทับถมเข้าไป อัดทับถมเข้าไป จนกลายเป็นอัตลักษณ์ ของเรามันเป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่ง เรามันคนนิสัยอย่างนั้น เราเป็นคนอย่างนั้น เราชอบอย่างนั้น เราจะเอาอย่างนั้น เราเป็นอย่างนั้น เราอย่างนั้น เราอย่างนั้น เราอย่างนั้นเยอะแยะไปหมด แต่ละอย่างๆมาจากอะไร? มาจากสัญญาทั้งนั้น
พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า “รูปที่เราไม่เคยเห็นมาแต่ในอดีต แล้วไม่เคยเห็นในปัจจุบัน และไม่มีหมายรู้ว่าจะเห็นในอนาคตเลย มันจะมีรูปตัณหาได้ไหม?” มันจะมีรูปตัณหาในนั้นได้ไหม? นี่ที่เขาเรียกว่าพวงมาลัย เราไม่เคยเห็นมาในอดีต ในปัจจุบันเราก็ไม่เคยเห็น และไม่มีหมายใจว่าจะได้เห็นมันในอนาคต มันจะมีตัณหาในพวงมาลัยไหม? ไม่มี เพราะฉะนั้นตัณหาในรูปที่มันเกิดขึ้น เกิดขึ้น เกิดขึ้น มันมาจากอะไร? มันมาจากสัญญา พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า “เราจะแสดงแก่เธอโดยพิสดารอย่างนี้” คนแก่ถาม “ถ้าอย่างนี้แล้วจะทําอย่างไร?”
วิธีการของพระพุทธเจ้า เวลาใครถามปัญหา เวลาท่านจะตอบให้จบ เหมือนกันหมด แต่ต้องเข้าใจเรื่องราวมันแล้ว อย่างคนแก่คนนี้แกฟังเสร็จแกก็เข้าใจเรื่องราวนั้นแล้ว “อ๋อ คือ ความกําหนัด รักใคร่ ยินดี ที่มันหยั่งลงไปในแต่ละอย่างๆนี่ มันเกิดขึ้นจากการที่ใจเราไหลเข้าไป แค่นั้นเอง ทีนี้เราจะทําอย่างไร?” เพราะในขณะที่พูดอยู่นี้ หรือขณะที่พวกเราฟังกันอยู่นี่ เราก็เต็มไปด้วยสัญญา แล้วเราจะไปไหน? ตาแก่คนนี้เลยถามพระพุทธเจ้า “แล้วจะทําอย่างไร?” พระพุทธเจ้าเลยตอบเหมือนกันหมด ด้วยการให้สติเกิดจากจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐานนี่แหละ ตัวเดิมๆตัวเดียว
แต่เราจะต้องฟังเรื่องราวอย่างนี้ ที่พูดอย่างนี้ ต้องฟังเรื่องราวแบบนี้บ่อยๆเพื่ออะไร? เพื่อความเข้าใจ พอมันเข้าใจแล้วมันจะไม่อยู่ในอํานาจของสัญญา เมื่อสัญญามารบกวนมันเหมือนกับรู้ทันมันแล้ว เข้าใจไหม? มันรู้ทันมันแล้ว เมื่อสัญญามารบกวน ก็รู้ทันมันแล้ว เผลอหลงไปบ้าง “อ้าว หลงไปแล้วนี่นา” เผลอตกอยู่ในอํานาจของสัญญานั้น อยู่ในอํานาจของตัณหานั้น แต่พอมันส่งผลก็ “อ๋อ” ความรู้ที่มีอยู่เดิมมันก็กลับมา รู้ทันมัน แล้วก็เข้าไปสู่จุดที่พระพุทธเจ้าชี้ได้
ท่านจึงบอกว่า ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับไม่ได้ฟัง อริยานํ อทสฺสาวี หมายความว่า ไม่เคยเจอพระอริยเจ้า ไม่เคยฟังธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้รับคําแนะนําจากพระอริยเจ้า ไม่เคยเจอสัตบุรุษ ไม่เคยฟังธรรมของสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับคําแนะนําจากสัตบุรุษ ปุถุชนนั้นก็จะสั่งสมสัญญา และก็จมอยู่กับทุกข์ แล้วเล่า แล้วเล่า แล้วเล่า ทุกภพทุกชาติไป จะหมุนวนอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้ตลอดชั่วกัปชั่วกัลป์ ออกจากตรงนั้นไม่ได้
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร