
Sign up to save your podcasts
Or
ไต้หวันไฮเทค - 27 ส.ค. 62- โรงพยาบาลฉางเกิง ของไต้หวันรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวได้ผลดี ต่างประเทศขอดูงาน
ภาวะหัวใจล้มเหลวพบมากในหมู่ผู้สูงวัย มักจะมีอาการหอบ แน่นหน้าอก บวมน้ำ การดูแลผู้ป่วยประเภทนี้มักทำให้คนในครอบครัวมีความเครียดหนัก โรงพยาบาลฉางเกิงของไต้หวันพัฒนาวิธีดูแลข้ามแผนก สอนให้ผู้ป่วยเรียนรู้เทคนิกการดูแลตนเอง จึงลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลซ้ำ หลายประเทศมาขอดูงาน
โรงพยาบาลฉางเกิงแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คณะตัวแทนด้านการแพทย์จากฟิลิปปินส์ จีนแผ่นดินใหญ่
เป็นต้น 20 กว่าคน มาเยี่ยมเยือนเพื่อชมศูนย์รักษาภาวะหัวใจล้มเหลว ขอดูห้องผู้ป่วย ศูนย์ฟื้นฟูหัวใจและคลินิกหัวใจล้มเหลว
ฉู่ป๋อเสี่ยน (褚柏顯) ผู้อำนวยการแผนกอายุรกรรมหัวใจ โรงพยาบาลฉางเกิง บอกว่าเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นโรคที่มีความซับซ้อน การรักษาผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว จะต้องยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง จะต้องดูแลในส่วนของร่างกาย จิตใจ สังคม ต้องมีการประเมินรอบด้าน ดังนั้นโรงพยาบาลฉางเกิงจึงจัดตั้งศูนย์หัวใจล้มเหลวตั้งแต่ปี 2013 ผ่านมา 6 ปีสะสมประสบการณ์มากมายทั้งทางด้านคลินิก และวิชาการ ในขณะเดียวกันได้ผลักดันโครงการบันทึกข้อมูล ภาวะหัวใจล้มเหลวเพื่อเข้าใจสภาพในไต้หวันปัจจุบัน และใช้เป็นข้อมูลเพื่อส่งเสริมการรักษาที่เป็นมาตรฐานของศูนย์หัวใจล้มเหลว
ฉู๋ป๋อเสี่ยนบอกว่า เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ก็จะมีคณะรักษาพยาบาลให้การดูแลทำงานเป็นทีม จัดทำ ขั้นตอนดูแลที่เหมาะสม ตลอดจนให้การพักรักษาที่โรงพยาบาลและเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปเยี่ยมที่บ้านต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวมักจะมีอาการแทรกซ้อน จึงต้องควบคุมด้านด้านอาหาร เครื่องดื่ม
กิจกรรมชีวิตประจำวันซึ่งจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ในขณะที่ผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จะให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคและความรับผิดชอบในการดูแลตนเองของผู้ป่วย ในขณะเดียวกัน เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนในครอบครัวที่ต้องดูแลผู้ป่วย ด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้อัตราการกลับเข้าโรงพยาบาลภายใน 1 เดือน ลดจาก 10% ลดเหลือต่ำกว่า 5%
นายแพทย์ฉู๋ป๋อเสี่ยนบอกว่าที่ผ่านมาเคยพบผู้ป่วยคนหนึ่งอายุ 30 กว่าปีหลังจาก ได้รับการวินิจฉัยมีอาการภาวะหัวใจ
ล้มเหลวไปหาหมอหลายแห่ง หมอบอกว่าไม่มีทางรักษารักษา ทำให้เขารู้สึกผิดหวังมากแต่ทีมแพทย์ของโรง
พยาบาลฉางเกิงดูแลรักษาได้ผลด้วยการทำงานประสานกัน อาการของผู้ป่วยดีขึ้นจนถึงกลับไปทำงานได้ เรียก
ความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ฉู๋ป๋อเสี่ยนเน้นว่า โรคหัวใจล้มเหลว จะต้องกลับไปพบแพทย์ที่คลินิกเป็นระยะ ผู้ป่วยบางส่วนรักษาแล้ว มักเห็นว่าอาการดีขึ้นจึงไม่กลับมารักษาที่คลินิกอีก ผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะมีปัญหาทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลซ้ำ จึงขอเตือนผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว จะต้องทำตามคำแนะนำกลับมาพบแพทย์ตามนัด และออกกำลังกาย ใช้ชีวิตที่ปกติ ไม่นอนดึก ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่รับประทานอาหารรสชาติเค็มเกินไป
ไต้หวันไฮเทค - 27 ส.ค. 62- โรงพยาบาลฉางเกิง ของไต้หวันรักษาภาวะหัวใจล้มเหลวได้ผลดี ต่างประเทศขอดูงาน
ภาวะหัวใจล้มเหลวพบมากในหมู่ผู้สูงวัย มักจะมีอาการหอบ แน่นหน้าอก บวมน้ำ การดูแลผู้ป่วยประเภทนี้มักทำให้คนในครอบครัวมีความเครียดหนัก โรงพยาบาลฉางเกิงของไต้หวันพัฒนาวิธีดูแลข้ามแผนก สอนให้ผู้ป่วยเรียนรู้เทคนิกการดูแลตนเอง จึงลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลซ้ำ หลายประเทศมาขอดูงาน
โรงพยาบาลฉางเกิงแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คณะตัวแทนด้านการแพทย์จากฟิลิปปินส์ จีนแผ่นดินใหญ่
เป็นต้น 20 กว่าคน มาเยี่ยมเยือนเพื่อชมศูนย์รักษาภาวะหัวใจล้มเหลว ขอดูห้องผู้ป่วย ศูนย์ฟื้นฟูหัวใจและคลินิกหัวใจล้มเหลว
ฉู่ป๋อเสี่ยน (褚柏顯) ผู้อำนวยการแผนกอายุรกรรมหัวใจ โรงพยาบาลฉางเกิง บอกว่าเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นโรคที่มีความซับซ้อน การรักษาผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว จะต้องยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง จะต้องดูแลในส่วนของร่างกาย จิตใจ สังคม ต้องมีการประเมินรอบด้าน ดังนั้นโรงพยาบาลฉางเกิงจึงจัดตั้งศูนย์หัวใจล้มเหลวตั้งแต่ปี 2013 ผ่านมา 6 ปีสะสมประสบการณ์มากมายทั้งทางด้านคลินิก และวิชาการ ในขณะเดียวกันได้ผลักดันโครงการบันทึกข้อมูล ภาวะหัวใจล้มเหลวเพื่อเข้าใจสภาพในไต้หวันปัจจุบัน และใช้เป็นข้อมูลเพื่อส่งเสริมการรักษาที่เป็นมาตรฐานของศูนย์หัวใจล้มเหลว
ฉู๋ป๋อเสี่ยนบอกว่า เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคหัวใจล้มเหลว ก็จะมีคณะรักษาพยาบาลให้การดูแลทำงานเป็นทีม จัดทำ ขั้นตอนดูแลที่เหมาะสม ตลอดจนให้การพักรักษาที่โรงพยาบาลและเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไปเยี่ยมที่บ้านต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวมักจะมีอาการแทรกซ้อน จึงต้องควบคุมด้านด้านอาหาร เครื่องดื่ม
กิจกรรมชีวิตประจำวันซึ่งจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ในขณะที่ผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จะให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคและความรับผิดชอบในการดูแลตนเองของผู้ป่วย ในขณะเดียวกัน เป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและคนในครอบครัวที่ต้องดูแลผู้ป่วย ด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้อัตราการกลับเข้าโรงพยาบาลภายใน 1 เดือน ลดจาก 10% ลดเหลือต่ำกว่า 5%
นายแพทย์ฉู๋ป๋อเสี่ยนบอกว่าที่ผ่านมาเคยพบผู้ป่วยคนหนึ่งอายุ 30 กว่าปีหลังจาก ได้รับการวินิจฉัยมีอาการภาวะหัวใจ
ล้มเหลวไปหาหมอหลายแห่ง หมอบอกว่าไม่มีทางรักษารักษา ทำให้เขารู้สึกผิดหวังมากแต่ทีมแพทย์ของโรง
พยาบาลฉางเกิงดูแลรักษาได้ผลด้วยการทำงานประสานกัน อาการของผู้ป่วยดีขึ้นจนถึงกลับไปทำงานได้ เรียก
ความเชื่อมั่นกลับคืนมา
ฉู๋ป๋อเสี่ยนเน้นว่า โรคหัวใจล้มเหลว จะต้องกลับไปพบแพทย์ที่คลินิกเป็นระยะ ผู้ป่วยบางส่วนรักษาแล้ว มักเห็นว่าอาการดีขึ้นจึงไม่กลับมารักษาที่คลินิกอีก ผ่านไปช่วงหนึ่งก็จะมีปัญหาทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลซ้ำ จึงขอเตือนผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว จะต้องทำตามคำแนะนำกลับมาพบแพทย์ตามนัด และออกกำลังกาย ใช้ชีวิตที่ปกติ ไม่นอนดึก ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ไม่รับประทานอาหารรสชาติเค็มเกินไป