
Sign up to save your podcasts
Or
ไต้หวันไฮเทค -25 ส.ค. 63- ไต้หวันพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะ ผลสำเร็จน่าพอใจ
ข้อมูลสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (International Federation of Robotics – IFR) ชี้ว่าในภาวะการระบาดโควิด-19 กิจการต่างๆ พากันทบทวนการประเมินความเสี่ยงการบริหารห่วงโซ่การผลิต มีการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกิจการมากขึ้น เพื่อช่วยฟื้นฟูการผลิต พัฒนาระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติและการผลิตอัจฉริยะ คาดว่าปี 2020 - 2022 จะมีหุ่นยนต์ 4 ล้านตัวเข้าสู่ภาคการผลิตของโลก เป็นการช่วยผู้ประกอบการรับมือต่อความท้าทายของตลาดและการพัฒนาเศรษฐกิจ
หูจู๋เซิง (胡竹生) ผู้อำนวยการสำนักวิจัยระบบเครื่องกลและเครื่องกลไฟฟ้า สถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของไต้หวัน (Industrial Technology Research Institute – ITRI) บอกว่า ยุคผ่านพ้นการระบาดโควิด-19 ผู้ประกอบการมีแนวโน้วกระจายฐานการผลิตออกไปหลายแห่ง มุ่งสู่การผลิตอัจฉริยะการผลิตอัตโนมัติ ลดการพึ่งพากำลังคน ปรับตัวตอบสนอความต้องการลูกค้าเฉพาะราย
เพื่อรับมือกับห่วงโซ่การผลิตที่ก่อตัวขึ้นใหม่ จะเน้นการผลิตรูปแบบหลากหลายในปริมาณน้อย และแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน มีแนวโน้มการวิจัยพัฒนาข้ามแขนงประสานเครื่องจักร ICT และไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์ พัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัจฉริยะอเนกประสงค์ หุ่นยนต์ประสานกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ระบบ 5G ระบบคลาวด์ เป็นต้น ยกระดับเข้าสู่การผลิตดิจิตอลและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ITRI เปิดเผยความสำเร็จหุ่นยนต์อัจฉริยะหลายรายการ ได้แก่ การประยุกต์ AI จำแนกฉลาก ทำการเก็บข้อมูลและจำแนกฉลากป้ายโดยอัตโนมัติ ทำการฝึกฝน AI ให้จำแนกรูปภาพ เพื่อให้ AI หยิบชิ้นส่วนหรือวัสดุได้ถูกต้อง เทียบกับการทำงานโดยคนงาน 25 ชิ้น ต่อ ชั่วโมงซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุด หุ่นยนต์ AI จะทำได้มากถึง 1 หมื่นชิ้น ต่อ ชั่วโมง เร็วกว่าถึง 400 เท่า
ITRI ยังได้พัฒนาระบบการบดโม่อัตโนมัติ ที่มีความคลาดเคลื่อนเพียง 1 ม.ม. และแม่นยำสูงถึง 80% และการพัฒนาแขนกล 7 แกน ความแม่นยำสูง น้ำหนักแขนกลเพียง 15 ก.ก. สัดส่วนรับน้ำหนัก 0.3 หากประสานกับ AI และตัวหยิบจับจำแนกภาพได้ หุ่นยนต์จะมีความสามารถในการจำแนกสิ่งของ หยิบจับสิ่งของได้แม่นยำ หุ่นยนต์แขนกลจะทำงานหลากหลายมากขึ้น ทั้งในอุตสาหกรรมเบาหรือแม้แต่การทำงานภาคบริการในโรงพยาบาลหรือการดูแลผู้เจ็บป่วย
ผลสำเร็จการวิจัยพัฒนาหุ่นยนต์ของ ITRI จัดแสดงในงานแสดงสินค้าหุ่นยนต์และการผลิตอัจฉริยะ (TAIROS) ที่อาคารแสดงสินค้าหนันกั่ง กรุงไทเป เริ่ม 19 -22 สิงหาคม 2563
ไต้หวันไฮเทค -25 ส.ค. 63- ไต้หวันพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะ ผลสำเร็จน่าพอใจ
ข้อมูลสหพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (International Federation of Robotics – IFR) ชี้ว่าในภาวะการระบาดโควิด-19 กิจการต่างๆ พากันทบทวนการประเมินความเสี่ยงการบริหารห่วงโซ่การผลิต มีการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในกิจการมากขึ้น เพื่อช่วยฟื้นฟูการผลิต พัฒนาระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติและการผลิตอัจฉริยะ คาดว่าปี 2020 - 2022 จะมีหุ่นยนต์ 4 ล้านตัวเข้าสู่ภาคการผลิตของโลก เป็นการช่วยผู้ประกอบการรับมือต่อความท้าทายของตลาดและการพัฒนาเศรษฐกิจ
หูจู๋เซิง (胡竹生) ผู้อำนวยการสำนักวิจัยระบบเครื่องกลและเครื่องกลไฟฟ้า สถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของไต้หวัน (Industrial Technology Research Institute – ITRI) บอกว่า ยุคผ่านพ้นการระบาดโควิด-19 ผู้ประกอบการมีแนวโน้วกระจายฐานการผลิตออกไปหลายแห่ง มุ่งสู่การผลิตอัจฉริยะการผลิตอัตโนมัติ ลดการพึ่งพากำลังคน ปรับตัวตอบสนอความต้องการลูกค้าเฉพาะราย
เพื่อรับมือกับห่วงโซ่การผลิตที่ก่อตัวขึ้นใหม่ จะเน้นการผลิตรูปแบบหลากหลายในปริมาณน้อย และแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน มีแนวโน้มการวิจัยพัฒนาข้ามแขนงประสานเครื่องจักร ICT และไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์ พัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัจฉริยะอเนกประสงค์ หุ่นยนต์ประสานกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ระบบ 5G ระบบคลาวด์ เป็นต้น ยกระดับเข้าสู่การผลิตดิจิตอลและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
ITRI เปิดเผยความสำเร็จหุ่นยนต์อัจฉริยะหลายรายการ ได้แก่ การประยุกต์ AI จำแนกฉลาก ทำการเก็บข้อมูลและจำแนกฉลากป้ายโดยอัตโนมัติ ทำการฝึกฝน AI ให้จำแนกรูปภาพ เพื่อให้ AI หยิบชิ้นส่วนหรือวัสดุได้ถูกต้อง เทียบกับการทำงานโดยคนงาน 25 ชิ้น ต่อ ชั่วโมงซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุด หุ่นยนต์ AI จะทำได้มากถึง 1 หมื่นชิ้น ต่อ ชั่วโมง เร็วกว่าถึง 400 เท่า
ITRI ยังได้พัฒนาระบบการบดโม่อัตโนมัติ ที่มีความคลาดเคลื่อนเพียง 1 ม.ม. และแม่นยำสูงถึง 80% และการพัฒนาแขนกล 7 แกน ความแม่นยำสูง น้ำหนักแขนกลเพียง 15 ก.ก. สัดส่วนรับน้ำหนัก 0.3 หากประสานกับ AI และตัวหยิบจับจำแนกภาพได้ หุ่นยนต์จะมีความสามารถในการจำแนกสิ่งของ หยิบจับสิ่งของได้แม่นยำ หุ่นยนต์แขนกลจะทำงานหลากหลายมากขึ้น ทั้งในอุตสาหกรรมเบาหรือแม้แต่การทำงานภาคบริการในโรงพยาบาลหรือการดูแลผู้เจ็บป่วย
ผลสำเร็จการวิจัยพัฒนาหุ่นยนต์ของ ITRI จัดแสดงในงานแสดงสินค้าหุ่นยนต์และการผลิตอัจฉริยะ (TAIROS) ที่อาคารแสดงสินค้าหนันกั่ง กรุงไทเป เริ่ม 19 -22 สิงหาคม 2563