ไต้หวันไฮเทค  -13 เม.ย. 64 -  จิตใต้สำนึกควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ได้

        ในครั้งนี้ขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือ จิตใต้สำนึกของคุณควบคุมพฤติกรรมของคุณอย่างไร How your conscious Mind Rules Your Behavior เขียนโดย เลเนิร์ด มโลดินอฟ (Dr. Leonard Mlodinow) เป็นหนังสือมีผู้แปลเป็นภาษาจีนวางจำหน่ายในไต้หวัน ดร. เลเนิร์ด เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในอเมริกา มีผลงานเขียนในนิตยสารชั้นนำของอเมริกาหลายฉบับ

ในหนังสือจิตใต้สำนึกควบคุมพฤติกรรมของคุณอย่างไร เป็นการสื่อสารให้รู้ว่า ความคิดในทางบวกสามารถที่จะทำให้คนและสิ่งของรอบข้างพัฒนาในทางบวกได้ ในหนังสือ กล่าวถึงสุนัขสามารถเข้าใจสัญญาณทางสังคมของมนุษย์ได้ดีกว่ามนุษย์ด้วยกัน

ภาษาท่าทางของมนุษย์นั้นถือว่าเป็นสัญญาณทางสังคมที่มีบทบาทสำคัญ คนที่ขับรถอยู่บนถนนเจอโชเฟอร์ของรถอีกคันหนึ่งยกนิ้วกลางให้ (ฝรั่งมักจะชอบด่ากันด้วยการยกนิ้วกลางในทำนองให้อวัยวะเพศของผู้ชาย) พฤติกรรมแบบนี้เป็นการสื่อความหมายชัดเจน ด่ากันเจ็บปวดยิ่งกว่าการสื่อสารด้วยคำพูดซะอีก

ภาษาท่าทางไม่สามารถที่จะโกหกคนอื่นได้ ในบางครั้งแฟนสาวอาจจะบอกกับชายหนุ่มว่า อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ชายหนุ่มอาจจะถามย้อนกลับไปเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธว่า ผมมองคุณอย่างไรหรือ ซึ่งในความเป็นจริงไม่สามารถที่จะกลบเกลื่อนพฤติกรรมได้ แฟนสาวรับรู้ได้อยู่ดีว่าชายหนุ่มนั้นมองด้วยสายตาไม่ปกติด 

พฤติกรรมที่เราแสดงออกไปแล้วฝ่ายตรงข้ามรับรู้ได้ ยังมีอีกตัวอย่างหนึ่งคือ สามีพยายามที่จะชมภรรยาว่าทำอาหารอร่อยอย่างยิ่ง แต่ภรรยายังคงถามสามีว่าคุณคิดว่าอาหารฉันไม่อร่อยหรือ นี่เป็นอีกตัวอย่างที่บ่งชี้ว่าคำพูดของสามีนั้นไม่ตรงกับกริยาท่าทาง แม้ปากจะบอกว่าชอบแต่ภรรยาดูได้จากกริยาท่าทางว่าสามีไม่ชอบอาหารที่เธอปรุง

การสื่อสารด้วยภาษาคำพูดของมนุษย์ นับว่าเป็นสิ่งที่มีความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง จนนักวิทยาศาสตร์ต่างยอมรับว่ามนุษย์เรานั้นเป็นสัตว์ชั้นสูงที่สามารถสื่อสารกันด้วยคำพูดอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ว่าได้บางครั้งการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูดกลับมีความชัดเจนมากกว่า หรือแม้จะทำให้เราต้องขายหน้าด้วยซ้ำไป โดยทั่วไปนั้นภาษาท่าทางมักจะเกิดขึ้นโดยที่เราควบคุมไม่ได้หรือว่าเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว สะท้อนออกถึงความคิดความต้องการของเราอย่างแท้จริง แต่พวกเรามักจะละเลยไม่ใส่ใจต่อมือ ต่อร่างกาย ต่อสีหน้าที่สะท้อนออกไป จนทำให้ผู้อื่นสามารถอ่านใจเราได้อย่างชัดเจน

การสื่อสารระหว่างคนกับสัตว์สะท้อนออกถึงพลังแห่งภาษาที่ไม่ต้องใช้คำพูด เป็นการสื่อสารด้วยท่าทาง นักวิจัยคนหนึ่งได้เปิดเผยผลงานการวิจัยเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอก เขากล่าวว่าหากเราฝึกหัดสุนัขจิ้งจอกให้ดีสุนัขจิ้งจอกนั้นจะสามารถตอบสนองท่าทางของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำ ถ้าคุณลองสวมวิญญาณของสุนัขจิ้งจอกเข้าไปอยู่ในกลุ่มสุนัขจิ้งจอกด้วยกัน คุณจะรู้ว่าหากสุนัขตัวหนึ่งทำหูสูงชัน หางตั้งชี้แสดงว่ามันกำลังต้องการแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ ถ้าหากว่าหูของมันลู่ไปข้างหลังและหรี่ตาแสดงว่ามันกำลังคลางแคลงสงสัย และถ้าหู่ตกลงมา หางลีบแนบระหว่างขา แปลว่ามันกำลังหวาดกลัว 

นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ทำการศึกษาอย่างจริงจังเกี่ยวกับพฤติกรรมของสุนัขจิ้งจอก แต่พฤติกรรมเบื้องต้นเหล่านี้เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าสุนัขจิ้งจอกมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ดี อย่างไรก็ตามสุนัขจิ้งจอกไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนของมนุษย์ เราจึงประยุกต์การเรียนรู้ของสุนัขจิ้งจอกกับสัตว์ในตระกูลเดียวกันซึ่งก็คือสุนัขบ้านได้ เพื่อใช้ในการฝึกสุนัขบ้านให้เข้าใจมนุษย์มากขึ้นได้

นักจิตวิทยาได้ทำการทดลองเพิ่มขึ้น ในกลุ่มนักศึกษาที่เลือกเรียนวิชาจิตวิทยา แต่ละคนจะได้รับหนูคนละ 5 ตัว และกล่องที่เป็นทางเขาวงกตรูปตัวที ในเขาวงกตจะมีโซนที่เป็นสีขาวและสีเทา บรรดาหนูจะต้องพยายามเรียนรู้หาทางเข้าไปในโซนสีเทา เมื่อไปถึงจะได้รับรางวัล นักศึกษาจะทำการทดลองโดยเปิดโอกาสให้หนูวิ่งในเขาวงกตวันละ 10 ครั้ง และทำการจดบันทึกพฤติกรรมของหนู

การทดลองในครั้งนี้ไม่ได้มุ่งที่หนูแต่เป็นการมุ่งที่ตัวนักศึกษา นักจิตวิทยาแบ่งนักศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้รับการบอกเล่าว่า หนูที่พวกเขาได้รับไป เป็นหนูพันธ์พิเศษที่นักวิทยาศาสตร์เพาะพันธุ์ให้มีความเก่งในการค้นทางทางราวกับ Vasco Da Goma (นักสำรวจชาวโปรตุเกสที่เดินทางจากยุโรปไปยังอินเดียเป็นคนแรก) นักศึกษาอีกครึ่งหนึ่งจะได้รับการบอกกล่าวว่า หนูที่พวกเขาได้รับไปเป็นหนูโง่ที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องทิศทาง ซึ่งในความเป็นจริงนั้นหนูเหล่านี้ เป็นหนูพันธุ์เดียวกันแบบเดียวกัน จุดสำคัญก็คือว่าเป็นการทดลองความรู้สึกของนักเรียนนักศึกษา 2 กลุ่ม เมื่อได้รับข้อมูลในทางบวกและทางลบจะมีผลต่อพฤติกรรมของหนูอย่างไร

        ผลสรุปคือความคิดหรือความคาดหวังในทางบวกจะส่งผลที่ดีต่อบุคคลหรือสิ่งต่าง ๆ รอบข้างในทางบวก ส่วนความคิดในทางลบหรือความคาดหวังในทางลบจะส่งผลลบต่อสิ่งต่างๆ รอบข้าง ดังนั้น หากเราต้องการให้เกิดสิ่งที่ดีๆ เราก็ควรจะคิดดีพูดดีทำดีบ่อยๆ