เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรูปแบบชีวิตของผู้คน ทำให้การศึกษา การรักษาพยาบาล คมนาคม บันเทิง มีการพัฒนาแบบพลิกโฉม ในยุคการสื่อสารเทคโนโลยีเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว คลื่นความถี่และความเร็วในการส่งข้อมูลยกระดับขึ้นมาก ตั้งแต่ยุค 1G เป็นการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบธรรมดามา มาถึงระบบ 4G มีบริการเชื่อมต่อคลาวด์ ทำให้เครื่องมือถือธรรมดากลายเป็นอุปกรณ์สื่อสารอัจฉริยะจัดการงานต่างๆ ได้หลากหลายมากมาย ปัจจุบันมาถึงยุคเทคโนโลยี 5G อาศัยจุดเด่นความเร็วสูง ช่วงคลื่นกว้าง ความหน่วงต่ำ และมีเทคโนโลยีเสริม เช่น Big Data, AI, IoT ทำให้การส่งข้อมูลภาพและเสียงราบรื่นแบบฉับพลัน จึงมีการประยุกต์ใช้กว้างขวางทางด้านการแพทย์อัจฉริยะ โรงงานอัจฉริยะ การขับขี่อัตโนมัติ ยานยนต์ไร้คนขับ เมืองอัจฉริยะ ฯลฯ สามารถสร้างสร้างมูลค่าเพิ่มให้อุปกรณ์ เครื่องใช้ต่างๆ ประเทศต่างๆ จึงพยายามพัฒนาเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมของตน ไต้หวันได้กำหนดเป้าหมายประเทศดิจิทัล เป็นนโยบายสำคัญ มีการทุ่มงบประมาณนับหมื่นล้านเหรียญไต้หวัน กำหนดโครงการแผนปฏิบัติการ 5G ตั้งแต่ตุลาคมปี 2019 พยายามผ่อนคลายกฎระเบียบ ส่งเสริมการสร้างสรรค์นวตกรรม เพิ่มการพัฒนาอุตสาหกรรมในแนวลึก

ผู้ให้บริการคลื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือแม่ข่ายบริษัทเครื่องมือถือ ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมอัจฉริยะ บริษัทจงหัว เทเลคอม (อดีตองค์การโทรศัพท์) แถลงกลางเดือนกรกฎาคม 2565 ว่า ได้ร่วมมือกับบริษัทเดลต้าจัดตั้งสายการผลิตอัจฉริยะ 5G ในโรงงานที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมกุยซัน นครเถาหยวน

จงหัว เทเลคอม ติดตั้งสถานีรับ-ส่งสัญญาน 5G และ MEC ( Multi-access edge computing) เชื่อมโยงกับคลาวด์ ร่วมมือกับบริษัทเดลต้า สร้างสายการผลิตอัจฉริยะ มีการพัฒนาบริการหลากหลาย เช่น AGV(AGV หรือ Automatic Guided Vehicle คือ รถขนถ่ายสินค้าและวัสดุอัตโนมัติในโรงงาน เป็นหุ่นยนต์ประเภทหนึ่งที่มาช่วยงานด้านการขนถ่าย เคลื่อนย้าย และลำเลียง จึงเป็นระบบอัตโนมัติ ประหยัดแรงงานคน เพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยสนับสนุนงานด้านโลจิสติกส์ภายในโรงงาน คลังสินค้า รวมถึงสายการผลิต รองรับอุตสาหกรรมยุค 4.0 ได้เป็นอย่างดี

ยังมีการใช้เทคโนโลยีด้าน AR เช่น จอภาพ AR, แว่นตา AR ช่วยในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์, ระบบ VR สำหรับการตรวจสอบและการฝึกอบรม และ AR ควบคุมทางไกล ยกระดับเป็นสายการผลิตอัตโนมัติ เป็นโรงงานอัจฉริยะ