
Sign up to save your podcasts
Or
ที่มาของบทเพลงนี้เป็นคำที่หลวงพ่ออำนาจใช้บริกรรมก่อนเริ่มภาวนา เพื่อให้มีมุมมองที่ถูกต้องในการเห็นความจริงของขันธ์๕ โดยเฉพาะเรื่องของเวทนา ซึ่งสรรพชีวิตล้วนเกิดมาครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพื่ออยากได้สุข และพ้นไปจากทุกข์ โดยไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วไม่มีตัวตนใครเป็นผู้ได้รับสุข-ทุกขเวทนานั้น แต่เกิดจากผัสสะ๖ (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสกาย ธรรมารมณ์) ด้วยความไม่รู้ในกระบวนการเหตุปัจจัยนี้เองจึงผลักดันให้จิตก่อทุกข์ซ้ำเติม ปกปิดสันติภาพเดิมภายในที่มีอยู่แล้วในจิตทุกดวง ที่มีความเสมอภาคและไม่เคยสูญหายไปไหน...
---
ในอดีต... เราเป็นใคร
ในอนาคต... เราจะไปเป็นใคร
ปัจจุบัน... เราเป็นใคร
หากเข้าใจ จบเรื่อง ต้องทุกข์ใจ
ในอดีต... ทุกข์มาจากใครทำ
ในอนาคต... ใครจะทำให้เราทุกข์
ปัจจุบัน... เวทนา เป็นของใคร
หากเข้าใจ ดับเย็น เป็นนิพพาน
หากทำได้ ไม่เผลอเพลิน เห็นนิพพาน
---
ที่มาของบทเพลงนี้เป็นคำที่หลวงพ่ออำนาจใช้บริกรรมก่อนเริ่มภาวนา เพื่อให้มีมุมมองที่ถูกต้องในการเห็นความจริงของขันธ์๕ โดยเฉพาะเรื่องของเวทนา ซึ่งสรรพชีวิตล้วนเกิดมาครั้งแล้วครั้งเล่าก็เพื่ออยากได้สุข และพ้นไปจากทุกข์ โดยไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วไม่มีตัวตนใครเป็นผู้ได้รับสุข-ทุกขเวทนานั้น แต่เกิดจากผัสสะ๖ (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสกาย ธรรมารมณ์) ด้วยความไม่รู้ในกระบวนการเหตุปัจจัยนี้เองจึงผลักดันให้จิตก่อทุกข์ซ้ำเติม ปกปิดสันติภาพเดิมภายในที่มีอยู่แล้วในจิตทุกดวง ที่มีความเสมอภาคและไม่เคยสูญหายไปไหน...
---
ในอดีต... เราเป็นใคร
ในอนาคต... เราจะไปเป็นใคร
ปัจจุบัน... เราเป็นใคร
หากเข้าใจ จบเรื่อง ต้องทุกข์ใจ
ในอดีต... ทุกข์มาจากใครทำ
ในอนาคต... ใครจะทำให้เราทุกข์
ปัจจุบัน... เวทนา เป็นของใคร
หากเข้าใจ ดับเย็น เป็นนิพพาน
หากทำได้ ไม่เผลอเพลิน เห็นนิพพาน
---