ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)

บุญในทางพระพุทธศาสนา วัดบุปผารามวรวิหาร 23 เม.ย. 66


Listen Later

พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร เทศน์เรื่องบุญในทางพระพุทธศาสนาแก่คณะแม่ชีและผู้ปฏิบัติธรรม ในงานทำบุญประจำปีของคณะผู้ปฏิบัติธรรม วัดบุปผารามวรวิหาร วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2566


บุญในทางพระพุทธศาสนา ต้องเป็นบุญที่เป็นไปในฝักฝ่ายของในโลกุตตระเท่านั้น


บุญกิริยาวัตถุ 10 บุญเหล่านี้ต้องเป็นไปในฝักฝ่ายของในโลกุตตระเท่านั้น

บุญที่เป็นไปในฝักฝ่ายของในโลกุตตระคือ บุญที่เป็นไปเพื่อการซักฟอก การขัดเกลาจิตใจเท่านั้นอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องทาน เมื่อผู้ทำ ทำทานแล้วมันจะขัดเกลา ซักฟอกจิตใจของเราให้ปราศจาก โลภะ อภิชชา คือความอยาก ความปรารถนา ที่มากกว่าความโลภแบบปกติถึงขนาดที่ทำให้เกิดทุจริตต่างๆ ทั้งโลภะและอภิชชานี้ มันยึดครองจิตใจของเราอยู่ ผู้ที่ทำทาน แล้วทานนั้นมาซักฟอกจิตใจ คือ ซักฟอกโลภะและอภิชชาออกไปจากใจ อย่างนี้เรียกเป็นไปในฝักฝ่ายของในโลกุตตระ เป็นบุญในทางพระพุทธศาสนา แต่ถ้าบุญใดที่เราทำแล้ว เราตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ บุญนั้นไม่เป็นไปในฝักฝ่ายของในโลกุตตระศีลช่วยขัดเกลาความโกรธและพยาบาท เพราะในข้อห้ามของศีลนั้น เป็นการควบคุมระวังกายวาจาให้ปกติ ไม่เบียดเบียน ประทุษร้ายใครทั้งผู้อื่นและตนเอง แม้นเมื่อใดที่จิตมีการกำเริบด้วยอำนาจของความโกรธและพยาบาท แต่เมื่อมีเจตนาที่จะไปล่วงละเมิดต่อผู้อื่น อำนาจของศีลยับยั้งหยุดเจตนาอันนั้นไว้ให้สงบระงับไป ศีลนี้เรียกว่าเป็นไปในฝักฝ่ายของในโลกุตตระ เพราะซักฟอกใจไม่ให้อยู่ในอำนาจของความโกรธและพยาบาท ภาวนาคือการพัฒนาสติ สมาธิและปัญญา เป็นการเจริญปัญญาโดยตรง เป็นการขัดเกลาจิตให้ความโง่ ความไม่รู้ทั้งหลายพินาศไป ให้จิตทรงตัวอยู่กับปัญญา คือ ความรู้จริง ความเห็นจริง ตามความเป็นจริงของสรรพสิ่ง ซึ่ง 3 ประการนี้เป็นบุญในทางพระพุทธศาสนา การฟังธรรมก็ถือเป็นบุญในส่วนของการภาวนานี้พื้นใจเดิมของคนเราถูกโมหะห้อมล้อมหุ้มห่อไว้ คือ ความหลง ความหลงจึงเป็นกำแพงหุ้มห่อใจ ทำให้เราเข้าใจตรงกันข้ามกับความเป็นจริง

ถ้าสิ่งที่เป็นอนิจจัง โมหะที่ห้อมล้อมใจทำให้เราเข้าใจว่ามันเป็นนิจจัง สิ่งนี้มันเป็นทุกขัง โมหะที่ห้อมล้อมใจเราอยู่ปรุงว่ามันเป็นสุขขัง สิ่งนี้เป็นอนัตตา แต่โมหะที่ห้อมล้อมใจเราอยู่ ทำให้เรามองเป็นนัตตา

เมื่อความหลงทำให้เราเข้าไปยึดในสิ่งต่างๆ ทำให้การกระทำต่างๆมีเจตนาอันประกอบไปด้วยความหลง จึงเป็นอุปาทิ สั่งสมพฤติกรรม กลายเป็นกำแพงอีกชั้นที่เราแต่ละคนมีนิสัยสันดานที่แตกต่างกัน กำแพง 2 ชั้นนี้ (โมหะ และ อุปาทิ) เหมือนถูกแวดล้อมด้วยความมืด ทำให้ทุกสิ่งปรากฏว่าเที่ยงเสมอ

พระพุทธศาสนาที่พระพุทธเจ้าแสดงก็คือการทำลายกำแพงที่ห้อมล้อมอยู่นั่นเอง

วิธีการตรวจสอบว่าเราเดินทางมาถูกต้องหรือยัง พระพุทธเจ้าตรัสไว้ให้ดู 4 เรื่อง

  1. เมื่อเราทำลายกำแพงนั้นลงแล้ว ชีวิตปกติ ชีวิตประจำวันของเรา เราจะไม่อยู่ด้วยอำนาจของความเพ่งเล็ง คือ ความโลภมีอยู่ ความอยากมีอยู่ แต่ความอยากชนิดที่จะไปฝืนศีลธรรมไม่มี
  2. อยู่ด้วยความไม่พยาบาท ไม่หงุดหงิดง่าย
  3. มีสติ เมื่อโดนกระทบจากสิ่งที่ชอบไม่ชอบ สติจะกั้นใจไม่ให้ไหลไปสู่กระแสของอารมณ์ง่ายๆ จึงมีระยะให้ปัญญาพินิจพิจารณา และเลือกทำในสิ่งที่ถูก
  4. มีจิตตั้งมั่นในอารมณ์อันเดียวอันเป็นภายในเกิดขึ้น คือในกายกับใจนี้ เราต้องฝึกให้ตัวรู้หรือสติเราหยุดอยู่กับอารมณ์อันเดียว

ตัวรู้ต้องประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ คนปฏิบัติไม่ว่าปฏิบัติแบบไหน ต้องตรวจสอบว่าตัวรู้ของตนนั้นเป็นสัญญา(รู้ด้วยเรา) หรือ สติสัมปชัญญะ (ระลึกรู้)

ความตั้งมั่นมีองค์ประกอบ 7 ประการ มหาจัตตารีสกสูตร

  1. สัมมาทิฏฐิ(เห็นชอบ)
  2. สัมมาสังกัปปะ(ดำริชอบ)
  3. สัมมาวาจา(เจรจาชอบ)
  4. สัมมากัมมันตะ(กระทำชอบ)
  5. สัมมาอาชีวะ(เลี้ยงชีพชอบ)
  6. สัมมาวายามะ(พยายามชอบ)
  7. สัมมาสติ(ระลึกชอบ)

ผู้ใดที่หยุดอารมณ์อันเดียวนั้นให้เป็นภายในได้ ผู้นั้นเอากายใจนี้เป็นที่ทำการของมรรค


#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)