กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา แยกออกไป
เป็นสาม
เห็นตัณหาอีก อ้อ อ้ายเจ้ากามตัณหานี้ อยากได้กาม อยากได้รูป
ได้เสียง ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส นั่นเอง เจ้าถึงต้องมาเกิด เออ.. อยากได้รูป
ได้เสียง ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ไปตีรันฟันแทงกันป่นปี้ รบรา ฆ่าฟันกัน
ยับเยินเปิ่นทีเดียว เพราะอยากได้รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
นั่นแหละไม่ใช่เรื่องอะไร เห็นชัด ๆ อย่างนี้ว่า อ้อ.. อ้ายนี่เองเป็นเหตุ
ให้เกิดกามตัณหานี่เอง อ้อนี่อายตนะของกามตัณหาทั้งนั้น ในอบายภูมิทั้ง
๔ เปรต นรก อสุรกาย สัตว์ดิรัจฉาน เหล่านี้
มนุษย์ สวรรค์ ๖ ชั้น นี่กามตัณหาทั้งนั้น อ้ายกามนี่เองเป็นตัว
สำคัญ เป็นเหตุ อ้ายนี้สำคัญนัก ไม่ใช่แต่กามตัณหาฝ่ายเดียว
ไปดูถึงรูปพรหม ๑๖ ชั้น พรหมปาริสัชชา พรหมปุโรหิตา
มหาพรหมา ปริตตาภา อัปปมาณาภา อาภัสสรา ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา
สุภกิณหา เวหัปผลา อสัญญสัตติ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา
รูปพรหม ๑๖ ชั้นนี่เป็น ภวตัณหา อ้ายนี่อยากได้รูปฌานที่เราดำเนิน
มานั่นเอง ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อ้ายนี่เป็นรูปพรหม
อากาสานัญจายตนฌาน วิญญาณัญจายตนฌาน
อากิญจัญญายตนฌาน เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน อ้ายนี่ให้ไปเกิดเป็น
อรูปพรหม
อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ
เนวสัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ อ้ายนี่ติดอ้าย ๘ ดวงนี่เอง
เมื่อไปติดเข้าแล้ว มันชื่นมื่นมันสบายนัก กามภพสู้ไม่ได้ มันสบาย
เหลือเกิน มันสุขเหลือเกิน ปฐมฌานก็สุขเพียงเท่านั้น
ทุติยฌานก็สุขหนักขึ้นไป
ตติยฌานสุขหนักขึ้นไป
อากิญจัญญายตนฌานสุขหนักขึ้นไป
เนวสัญญานาสัญญายตนฌานสุขหนักขึ้นไป มันพิลึกกึกการละ
มันยิ่งใหญ่ไพศาลทีเดียว
ส่วนรูปภพนั้นเป็น ภวตัณหา อ้ายภวตัณหานี่เอง เป็นเหตุให้เกิดใน
รูปภพทั้ง ๑๖ ชั้น นี่ฝ่ายอรูปภพทั้ง ๔ ชั้นนี่วิภวตัณหา เข้าใจว่านี่เอง หมดเกิด
หมดแก่ หมดเจ็บ หมดตาย เสียแล้ว เข้าใจว่านี่เองเป็นนิพพาน
เมื่อไม่พบศาสนาของพระบรมศาสดาจารย์ก็เข้าใจว่า
อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ
เนวสัญญานาสัญญายตนะ นี่เองเป็นนิพพานทีเดียว เข้าใจอย่างนั้น ค้น
คว้าหาเอาเอง
นี่เป็นวิภวตัณหา ไปติดอยู่อ้ายพวกนี้เอง
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา อ้ายสามตัวนี่แหละสำคัญนัก ไป
เห็นหมด เห็นรูปพรรณสัณฐาน ฌานก็เห็น เห็นกามตัณหาก็เห็น
กามตัณหาทั้ง ๑๑ ชั้นนี่เห็น
ภวตัณหาทั้ง ๑๖ ชั้น นั่นก็เห็น
วิภวตัณหาทั้ง ๔ ชั้นน่ะเห็นหมด เห็นปรากฏทีเดียว