
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-8 ก.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
เมื่อใดที่มันแยกรูปแยกนามด้วยจิตที่มีความตั้งมั่นนั้นได้ เมื่อนั้นเขาเรียกว่า ปัญญาหยั่งลงจิต แล้วความจริงของรูปนาม หรือความจริงของขันธ์ ๕ ก็จะปรากฏในรูปนามที่จิตแยกและเห็นนั้น และความจริงปรากฏอยู่ในรูปนามนั้น มันก็จะมีปัญญาหยั่งลงไปเรื่อยๆ จิตเห็น นี่เป็นสัญญา นี่เป็นเวทนา นี่เป็นสังขาร นี่เป็นวิญญาณ
ในขณะที่เราเดินจงกรมอยู่ หรือเรานั่งสมาธิรู้ลมอยู่ แล้วมันมีสิ่งกระทบ แล้วมันเกิดการรู้ในสิ่งกระทบ พอรู้ปั๊บ ถ้าจิตมันสามารถเห็นได้ตอนนั้น ว่าเป็นวิญญาณ มันเห็นได้ตอนนั้นอย่างรวดเร็วเลย มันเห็นว่าอ๋อ วิญญาณ เห็นไปก่อน เห็นเป็นวิญญาณ แล้วก็พอนั่งรู้ไปเรื่อยๆ จิตก็เกิดความคิดนึกหรืออารมณ์ ความนึกโผล่ขึ้นมาในขณะที่จิตรู้ จิตตั้งมั่นแล้วก็รู้อยู่กับอารมณ์อันเดียวอย่างนั้น มันมีนึกโผล่ขึ้นมา โผล่มาปั๊บ อ๋อนี่สัญญา เพราะจิตยังไม่ไหลออกไปใช่ไหม พอนึกมันโผล่ขึ้นมาแล้ว จิตไหลออกไปเข้าไปสู่ความคิดนึกนั้น รู้เลยว่าอ๋อนี่คือสังขาร รู้ด้วยอะไร? รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นที่มีสติกําลังรู้อยู่นี่ การรู้อย่างนี้แหละ รู้ดังกล่าวนี้ เป็นตัวที่จะทําให้เกิดการแยกรูปนามของจิตเอง
ตัวจิตที่มันรู้ว่านี่เป็นสัญญา นี่เป็นสังขาร นี่เป็นวิญญาณ แล้วต่อไปมันก็จะรู้ ถ้ามันรู้อย่างนี้เรื่อยๆ บ่อยๆ แยกจนชํานาญแล้ว ชัดเจนต่อจิตแล้ว ต่อไปจิตจะเห็นปัญญาอีกตัวหนึ่งว่า สัญญานี่เป็นอนิจจัง เพราะมันเห็นสัญญาเกิดดับ เห็นวิญญาณเป็นอนิจจัง เพราะมันเห็นวิญญาณเกิดดับ แล้วมันก็เกิดดับจริงๆ เพราะวิญญาณที่มันเกิดทั้งหมด ที่เรานั่งอยู่นี่มันเกิดไม่รู้เท่าไรแล้ววันนี้ มันมีอยู่ไหนล่ะ มันดับไปหมดแล้ว แต่อันนี้เรียกว่า เราตามดูตามเห็นมัน ใช่ไหม? แต่ถ้าจิตมันเห็น ถ้าจิตมันแยกชัดออกมาจนชํานาญแล้ว นี่เวทนา นี่สัญญา นี่สังขาร นี่วิญญาณ จิตมันเห็นอยู่เรื่อยๆ
ในขณะที่มันเห็นอยู่นั้น มันตั้งมั่นอยู่ มันรู้ลมอยู่ หรือเดินมันรู้เท้าอยู่ มันรู้กายที่เคลื่อนไหวอยู่ แต่ว่ามันมีขันธ์ทํางานขึ้นมา มันก็เห็น เห็นเวทนา เห็นสัญญา เห็นสังขาร เห็นวิญญาณ เห็นมันก็อ๋อไปเรื่อยๆ การเห็นแล้วมันอ๋อไปเรื่อยๆของจิต นั่นคือการแยก ท่านเรียก นามรูปปริจเฉทญาณ คือ การแยก พอมันแยกด้วยจิต จิตเห็นการแยกอย่างนี้ แต่ถ้าเราไปเปิดหนังสือเราจําได้ ท่อง นามรูปปริจเฉทญาณ ภยตูปัฏฐานญาณ สัมมสนญาณ ภังคานุปัสสนาญาณ ท่องไปเรื่อย อันนี้ก็ได้นะ แต่มันไม่ใช่จิตเห็น มันคิดเอา แต่อาการเห็นด้วยคิดอย่างนี้ก็เติมปัญญาให้กับมันเหมือนกัน
แต่เมื่อจิตตั้งมั่นและอยู่กับอารมณ์อันเดียวอยู่อย่างนี้ นึกภาพของสะระสังกัปปะไว้ ตอนนี้เราชํานาญเรื่องสะระสังกัปปะอยู่ ภาพของสะระสังกัปปะ คือ ความคิดที่มันแลบ ที่แลบมานั่นแหละ บางทีมันเป็นสัญญา บางทีเป็นเวทนา บางทีเป็นสังขาร และบางครั้งมันเป็นวิญญาณ ถ้ามันเป็นสัญญา มันรู้เลยอ๋อนี่สัญญา เป็นเวทนา อ๋อนี่เวทนา อ๋อนี่สังขาร อ๋อนี่วิญญาณ มันเห็นไปเรื่อยๆ เห็นแยกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เราไปเห็นนะ จิตมันเห็นในขณะที่เขาตั้งมั่นอยู่ ต้องชัดเจนตรงนี้นะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไปนั่งปั๊บ พยายามที่จะไปเห็น ไปเห็น มันอีก คือจิตมันเห็นจากการที่มันตั้งมั่นอยู่ นี่เป็นขั้นตอนของมัน พอมันเห็นบ่อยๆมันก็จะรู้ความจริงของเวทนา ของสัญญา ของสังขาร ของวิญญาณ ของรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
พระพุทธเจ้าตรัสชัด สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ เธอจงเจริญสมาธิเถิด สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ เพราะเมื่อจิตตั้งมั่นแล้วจะรู้ตามความเป็นจริง การที่มันจะรู้ตามความเป็นจริง คือมันเห็นก่อน ใช่ไหม? มันมี จกฺขุกรณี ก่อน จกฺขุกรณี ญาณกรณี นั่นน่ะ การที่มันเห็น เขาเรียก นามรูปปริจเฉทญาณ คือ ปัญญาที่หยั่งรู้ลงไปในการแยก การกําหนดรูป กําหนดนาม นามรูปปริจเฉทญาณ ปริจฺเฉท แปลว่า กําหนด คือ การกําหนดรูปกําหนดนามของจิต มันจึงจะเป็นญาณ เขาเรียก นามรูปปริจเฉทญาณ ตัวญาณทั้งหมดจะเกิดตรงที่จิต พอมันเห็นแยกไปเรื่อยๆ ต่อไปมันก็จะรู้ความจริงของขันธ์ ๕ ของรูปนามที่จิตมันเห็น ต่อไปมันก็จะเปิดความจริงออกมา
เมื่อสติบริสุทธิ์บ่มจิตให้มันเกิดความตั้งมั่น จิตที่มีความตั้งมั่นนั่นแหละมันจะเห็นก่อน เห็นรูป เห็นเวทนา เห็นสัญญา เห็นสังขาร เห็นวิญญาณก่อน จากนั้นมันเห็นความจริงของรูป ความจริงของเวทนา ความจริงของสัญญา ความจริงของสังขาร มันเห็นของมันเอง มัน คือ จิตที่ตั้งมั่น เราก็ไปจัดการแทรกแซงอะไรกับมันไม่ได้
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน
#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-8 ก.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
เมื่อใดที่มันแยกรูปแยกนามด้วยจิตที่มีความตั้งมั่นนั้นได้ เมื่อนั้นเขาเรียกว่า ปัญญาหยั่งลงจิต แล้วความจริงของรูปนาม หรือความจริงของขันธ์ ๕ ก็จะปรากฏในรูปนามที่จิตแยกและเห็นนั้น และความจริงปรากฏอยู่ในรูปนามนั้น มันก็จะมีปัญญาหยั่งลงไปเรื่อยๆ จิตเห็น นี่เป็นสัญญา นี่เป็นเวทนา นี่เป็นสังขาร นี่เป็นวิญญาณ
ในขณะที่เราเดินจงกรมอยู่ หรือเรานั่งสมาธิรู้ลมอยู่ แล้วมันมีสิ่งกระทบ แล้วมันเกิดการรู้ในสิ่งกระทบ พอรู้ปั๊บ ถ้าจิตมันสามารถเห็นได้ตอนนั้น ว่าเป็นวิญญาณ มันเห็นได้ตอนนั้นอย่างรวดเร็วเลย มันเห็นว่าอ๋อ วิญญาณ เห็นไปก่อน เห็นเป็นวิญญาณ แล้วก็พอนั่งรู้ไปเรื่อยๆ จิตก็เกิดความคิดนึกหรืออารมณ์ ความนึกโผล่ขึ้นมาในขณะที่จิตรู้ จิตตั้งมั่นแล้วก็รู้อยู่กับอารมณ์อันเดียวอย่างนั้น มันมีนึกโผล่ขึ้นมา โผล่มาปั๊บ อ๋อนี่สัญญา เพราะจิตยังไม่ไหลออกไปใช่ไหม พอนึกมันโผล่ขึ้นมาแล้ว จิตไหลออกไปเข้าไปสู่ความคิดนึกนั้น รู้เลยว่าอ๋อนี่คือสังขาร รู้ด้วยอะไร? รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นที่มีสติกําลังรู้อยู่นี่ การรู้อย่างนี้แหละ รู้ดังกล่าวนี้ เป็นตัวที่จะทําให้เกิดการแยกรูปนามของจิตเอง
ตัวจิตที่มันรู้ว่านี่เป็นสัญญา นี่เป็นสังขาร นี่เป็นวิญญาณ แล้วต่อไปมันก็จะรู้ ถ้ามันรู้อย่างนี้เรื่อยๆ บ่อยๆ แยกจนชํานาญแล้ว ชัดเจนต่อจิตแล้ว ต่อไปจิตจะเห็นปัญญาอีกตัวหนึ่งว่า สัญญานี่เป็นอนิจจัง เพราะมันเห็นสัญญาเกิดดับ เห็นวิญญาณเป็นอนิจจัง เพราะมันเห็นวิญญาณเกิดดับ แล้วมันก็เกิดดับจริงๆ เพราะวิญญาณที่มันเกิดทั้งหมด ที่เรานั่งอยู่นี่มันเกิดไม่รู้เท่าไรแล้ววันนี้ มันมีอยู่ไหนล่ะ มันดับไปหมดแล้ว แต่อันนี้เรียกว่า เราตามดูตามเห็นมัน ใช่ไหม? แต่ถ้าจิตมันเห็น ถ้าจิตมันแยกชัดออกมาจนชํานาญแล้ว นี่เวทนา นี่สัญญา นี่สังขาร นี่วิญญาณ จิตมันเห็นอยู่เรื่อยๆ
ในขณะที่มันเห็นอยู่นั้น มันตั้งมั่นอยู่ มันรู้ลมอยู่ หรือเดินมันรู้เท้าอยู่ มันรู้กายที่เคลื่อนไหวอยู่ แต่ว่ามันมีขันธ์ทํางานขึ้นมา มันก็เห็น เห็นเวทนา เห็นสัญญา เห็นสังขาร เห็นวิญญาณ เห็นมันก็อ๋อไปเรื่อยๆ การเห็นแล้วมันอ๋อไปเรื่อยๆของจิต นั่นคือการแยก ท่านเรียก นามรูปปริจเฉทญาณ คือ การแยก พอมันแยกด้วยจิต จิตเห็นการแยกอย่างนี้ แต่ถ้าเราไปเปิดหนังสือเราจําได้ ท่อง นามรูปปริจเฉทญาณ ภยตูปัฏฐานญาณ สัมมสนญาณ ภังคานุปัสสนาญาณ ท่องไปเรื่อย อันนี้ก็ได้นะ แต่มันไม่ใช่จิตเห็น มันคิดเอา แต่อาการเห็นด้วยคิดอย่างนี้ก็เติมปัญญาให้กับมันเหมือนกัน
แต่เมื่อจิตตั้งมั่นและอยู่กับอารมณ์อันเดียวอยู่อย่างนี้ นึกภาพของสะระสังกัปปะไว้ ตอนนี้เราชํานาญเรื่องสะระสังกัปปะอยู่ ภาพของสะระสังกัปปะ คือ ความคิดที่มันแลบ ที่แลบมานั่นแหละ บางทีมันเป็นสัญญา บางทีเป็นเวทนา บางทีเป็นสังขาร และบางครั้งมันเป็นวิญญาณ ถ้ามันเป็นสัญญา มันรู้เลยอ๋อนี่สัญญา เป็นเวทนา อ๋อนี่เวทนา อ๋อนี่สังขาร อ๋อนี่วิญญาณ มันเห็นไปเรื่อยๆ เห็นแยกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เราไปเห็นนะ จิตมันเห็นในขณะที่เขาตั้งมั่นอยู่ ต้องชัดเจนตรงนี้นะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไปนั่งปั๊บ พยายามที่จะไปเห็น ไปเห็น มันอีก คือจิตมันเห็นจากการที่มันตั้งมั่นอยู่ นี่เป็นขั้นตอนของมัน พอมันเห็นบ่อยๆมันก็จะรู้ความจริงของเวทนา ของสัญญา ของสังขาร ของวิญญาณ ของรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
พระพุทธเจ้าตรัสชัด สมาธึ ภิกฺขเว ภาเวถ เธอจงเจริญสมาธิเถิด สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ เพราะเมื่อจิตตั้งมั่นแล้วจะรู้ตามความเป็นจริง การที่มันจะรู้ตามความเป็นจริง คือมันเห็นก่อน ใช่ไหม? มันมี จกฺขุกรณี ก่อน จกฺขุกรณี ญาณกรณี นั่นน่ะ การที่มันเห็น เขาเรียก นามรูปปริจเฉทญาณ คือ ปัญญาที่หยั่งรู้ลงไปในการแยก การกําหนดรูป กําหนดนาม นามรูปปริจเฉทญาณ ปริจฺเฉท แปลว่า กําหนด คือ การกําหนดรูปกําหนดนามของจิต มันจึงจะเป็นญาณ เขาเรียก นามรูปปริจเฉทญาณ ตัวญาณทั้งหมดจะเกิดตรงที่จิต พอมันเห็นแยกไปเรื่อยๆ ต่อไปมันก็จะรู้ความจริงของขันธ์ ๕ ของรูปนามที่จิตมันเห็น ต่อไปมันก็จะเปิดความจริงออกมา
เมื่อสติบริสุทธิ์บ่มจิตให้มันเกิดความตั้งมั่น จิตที่มีความตั้งมั่นนั่นแหละมันจะเห็นก่อน เห็นรูป เห็นเวทนา เห็นสัญญา เห็นสังขาร เห็นวิญญาณก่อน จากนั้นมันเห็นความจริงของรูป ความจริงของเวทนา ความจริงของสัญญา ความจริงของสังขาร มันเห็นของมันเอง มัน คือ จิตที่ตั้งมั่น เราก็ไปจัดการแทรกแซงอะไรกับมันไม่ได้
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน
#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร