
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 21-24 มี.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารทําไมถึงบ่มความตั้งมั่น เพราะถ้าเราไม่มีความตั้งมั่นเราจะแน่วแน่อยู่กับปัจจุบันยาก เรียกว่าไม่ได้ สาเหตุที่ไม่ได้เพราะอะไร? เราก็ต้องดูที่เราหลุดออกจากความตั้งมั่น เวลาเราจะหลุดออกจากความตั้งมั่น มันหลุดเพราะจิตมีเครื่องผูก เป็นเครื่องผูกที่ถูกสะสมมาจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม หรือ อวิชชา โมหะ อุปธินั่นแหละ และ เครื่องผูกมันจะแปรตัวเป็น ๗ สถานะ มันผูกอยู่
เครื่องผูก ๗ ประการ
๑. อนฺนยสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความยินดี คือ มันผูกจิตให้พื้นจิตมีความยินดีเป็นเบื้องต้น
๒. ปฏิฆสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความยินร้าย
๓. ทิฏฺฐิสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความเห็นผิด
๔. วิจิกิจฺฉาสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความสงสัย มันสงสัยอยู่ตลอด สังเกตไหม
๕. มานสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ มานะ คือ การถือตัวถือตน ในหลายลักษณะนะ ถือว่าถูก ถือว่าผิด ถือว่าดีกว่า ถือว่าแย่กว่า ถือว่าเห็นกว่า ถือว่าดีแล้ว ถือว่าเลวกว่า ที่ถือไว้นี้ ถือตัวถือตนนี้ ถือไว้หลายแบบที่มันผูกไว้อีกเส้นหนึ่ง
๖. ภวราคสงฺโยชนานิ คือ ตัวที่ข้องอยู่ในภพ คือ มันติดอยู่ในสถานะที่มันเป็น การที่มันติดอยู่ในสถานะที่มันเป็นนี่แหละ เรียกว่า ข้อง ภวราคะ ก็คือว่ามันข้องอยู่ มันติดข้องอยู่ในภพ ภพคือภาวะที่มันเป็น ข้องอยู่ในภพ คือ ข้องอยู่ในสิ่งที่มี ข้องอยู่ในสิ่งที่เป็น ผูกอีกเส้นหนึ่ง
๗. อวิชฺชาสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ อวิชชา เครื่องผูกคือความไม่รู้ คือ ความที่จิตไม่มีความรู้ ไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ไม่รู้ในรูป ในนาม ในขันธ์ ในธาตุ ในอายตนะ ในอินทรีย์ ในอริยสัจ ในปฏิจจสมุปบาท คือ มันไม่รู้ มันผูกอยู่
เป็นเครื่องผูกอยู่ อํานาจของอวิชชา ตัณหา อุปาทาน มันสร้างเครื่องผูกอยู่ที่จิต
พอขณะจิตหนึ่ง มันสงบนิ่ง พอเข้าปุ๊บ ความแน่วแน่มันมีไม่พอ เพราะความตั้งมั่นยังไม่ถึง มันก็จะไป ไปแล้ว หลุดแล้ว พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า
ให้รู้ลมไปก่อน รู้ลมเป็นตัวแรก เพื่อที่จะไม่ให้ตัวผูกมันดึงจิตออกไป
พอรู้ลมเป็นตัวแรก พอรู้ลมไป รู้ลมไป เพื่อที่จะให้มันมีความตั้งมั่นอยู่
พอมีความตั้งมั่นที่มีกําลัง ตัวผูกก็จะรัดรึงไม่ได้ จิตก็จะหลุดออกน้อย
พอจิตหลุดออกน้อย ตัวสติที่บริสุทธิ์ก็จะเกิดบ่อย
สติบริสุทธิ์เกิดบ่อย ความตั้งมั่นก็จะมีกําลังขึ้น
พอความตั้งมั่นมีกําลังที่มีสติแลอยู่ มีกําลังเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ตัวผูกที่มีอยู่ทําอะไรไม่ได้
มันจะผูกแล้วก็ลากดึงจิตไป คือ จิตมันอ่อนกําลัง มันผูกรัดอยู่ นึกภาพที่เรายืนอยู่ แล้วมีเชือก ๗ เส้นรัดอยู่ เราจะเป็นอิสระไหม? ไม่เป็นอิสระเลย มันไม่มีช่องทางอื่นเลยที่จะสู้กับมันได้ มีอยู่ช่องเดียว คือ ช่องที่บ่มด้วยสติบริสุทธิ์ นิ่งรู้เฉยอยู่ แล้วก็ดูอาการกายอาการใจที่เป็นธรรมชาติเท่านั้น
เพราะฉะนั้นเราจึงต้องดูลมไปก่อน ดูลมที่เป็นธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติของลม ด้วยสติบริสุทธิ์ ก็เกิดมาจากที่นิ่งรู้เฉยอยู่นั่นแหละ บ่มความตั้งมั่นให้มีกําลังขึ้นมา เพื่อมีสติที่แลอยู่
ถ้ามันหลุดออกไป ก็กลับมาดูลม มันหลุดออกไป ก็กลับมาดูลม หลุดออกไป ก็กลับมาสู่ฐาน นิ่งรู้เฉยอยู่ที่ฐาน หลุดออกไป ก็กลับมาสู่ฐาน พอสู่ฐานนี่แน่นอนที่สุด คือ มันดูลม ตัวนี้เป็นตัวที่บอกว่าเป็นช่องเดียว ถ้ามิเช่นนั้น เชือก ๗ เส้นที่มันผูกรัดอยู่ มันก็จะดึงออกไปทันที พวกอื่นๆที่จะตามมา นั่นหลังจากที่มันปรุงไปแล้ว แต่ตัวหลักที่จะกระชากลากจิตออกไป คือ ตัวนี้
ยตฺถ กามนิปาตินํ ธรรมชาติจิต จะไหลลงไปสู่สิ่งที่มันชอบอยู่เสมอ
เพราะว่ามี อนฺนยสงฺโยชนานิ มันผูกอยู่ ลองถามตนเองดูสิ ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะหาสิ่งที่เราชอบถูกไหม? ทุก บริบทเลยจะหาแต่สิ่งที่มันชอบ และมันจะมีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ด้วยเสมอ ชอบอะไรจะมีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่เสมอ ๒ เส้นนี้ มันจึงผูกติดกัน
ตัวที่มันผูกอยู่ มันมีหน้าที่ที่จะลากจิตที่อ่อนแอลงไป จิตที่อ่อนแอ คือ จิตที่ไม่มีความตั้งมั่น
แล้วเราก็บอกว่า เราก็พยายามแล้วพยายามอีก ทําไมมันไม่ได้ นี่อยู่ในเส้นไหนแล้ว? ปฏิฆสงฺโยชนานิ
พอรู้ได้ชัด อนฺนยสงฺโยชนานิ เอาไปกิน พอมันกําลังเรื่อยๆ เรียบๆ เรียงๆดีแล้ว เอ๊ะ ทําไมเมื่อวานมันดีกว่านี้ ทําไมวันนี้มันไม่ดี วิจิกิจฺฉาสงฺโยชนานิ เอาไปกิน
ไม่ได้เอาใหม่ ต้องเอาให้ดีกว่า ต้องให้ได้เหมือนเมื่อวาน นั่นกําลังดูว่าตัวเองเป็นอย่างไร? แย่กว่าใช่ไหม? แล้วต้องเอาให้มันดีกว่า ต้องเอาให้ได้เหมือนเมื่อวาน แสดงว่า ตอนนี้มันแย่อยู่ นั่นเรียกว่า มานสงฺโยชนานิ
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #เครื่องร้อยรัด
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 21-24 มี.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารทําไมถึงบ่มความตั้งมั่น เพราะถ้าเราไม่มีความตั้งมั่นเราจะแน่วแน่อยู่กับปัจจุบันยาก เรียกว่าไม่ได้ สาเหตุที่ไม่ได้เพราะอะไร? เราก็ต้องดูที่เราหลุดออกจากความตั้งมั่น เวลาเราจะหลุดออกจากความตั้งมั่น มันหลุดเพราะจิตมีเครื่องผูก เป็นเครื่องผูกที่ถูกสะสมมาจากอวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม หรือ อวิชชา โมหะ อุปธินั่นแหละ และ เครื่องผูกมันจะแปรตัวเป็น ๗ สถานะ มันผูกอยู่
เครื่องผูก ๗ ประการ
๑. อนฺนยสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความยินดี คือ มันผูกจิตให้พื้นจิตมีความยินดีเป็นเบื้องต้น
๒. ปฏิฆสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความยินร้าย
๓. ทิฏฺฐิสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความเห็นผิด
๔. วิจิกิจฺฉาสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ ความสงสัย มันสงสัยอยู่ตลอด สังเกตไหม
๕. มานสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ มานะ คือ การถือตัวถือตน ในหลายลักษณะนะ ถือว่าถูก ถือว่าผิด ถือว่าดีกว่า ถือว่าแย่กว่า ถือว่าเห็นกว่า ถือว่าดีแล้ว ถือว่าเลวกว่า ที่ถือไว้นี้ ถือตัวถือตนนี้ ถือไว้หลายแบบที่มันผูกไว้อีกเส้นหนึ่ง
๖. ภวราคสงฺโยชนานิ คือ ตัวที่ข้องอยู่ในภพ คือ มันติดอยู่ในสถานะที่มันเป็น การที่มันติดอยู่ในสถานะที่มันเป็นนี่แหละ เรียกว่า ข้อง ภวราคะ ก็คือว่ามันข้องอยู่ มันติดข้องอยู่ในภพ ภพคือภาวะที่มันเป็น ข้องอยู่ในภพ คือ ข้องอยู่ในสิ่งที่มี ข้องอยู่ในสิ่งที่เป็น ผูกอีกเส้นหนึ่ง
๗. อวิชฺชาสงฺโยชนานิ เครื่องผูก คือ อวิชชา เครื่องผูกคือความไม่รู้ คือ ความที่จิตไม่มีความรู้ ไม่รู้ในอริยสัจ ๔ ไม่รู้ในรูป ในนาม ในขันธ์ ในธาตุ ในอายตนะ ในอินทรีย์ ในอริยสัจ ในปฏิจจสมุปบาท คือ มันไม่รู้ มันผูกอยู่
เป็นเครื่องผูกอยู่ อํานาจของอวิชชา ตัณหา อุปาทาน มันสร้างเครื่องผูกอยู่ที่จิต
พอขณะจิตหนึ่ง มันสงบนิ่ง พอเข้าปุ๊บ ความแน่วแน่มันมีไม่พอ เพราะความตั้งมั่นยังไม่ถึง มันก็จะไป ไปแล้ว หลุดแล้ว พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า
ให้รู้ลมไปก่อน รู้ลมเป็นตัวแรก เพื่อที่จะไม่ให้ตัวผูกมันดึงจิตออกไป
พอรู้ลมเป็นตัวแรก พอรู้ลมไป รู้ลมไป เพื่อที่จะให้มันมีความตั้งมั่นอยู่
พอมีความตั้งมั่นที่มีกําลัง ตัวผูกก็จะรัดรึงไม่ได้ จิตก็จะหลุดออกน้อย
พอจิตหลุดออกน้อย ตัวสติที่บริสุทธิ์ก็จะเกิดบ่อย
สติบริสุทธิ์เกิดบ่อย ความตั้งมั่นก็จะมีกําลังขึ้น
พอความตั้งมั่นมีกําลังที่มีสติแลอยู่ มีกําลังเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ตัวผูกที่มีอยู่ทําอะไรไม่ได้
มันจะผูกแล้วก็ลากดึงจิตไป คือ จิตมันอ่อนกําลัง มันผูกรัดอยู่ นึกภาพที่เรายืนอยู่ แล้วมีเชือก ๗ เส้นรัดอยู่ เราจะเป็นอิสระไหม? ไม่เป็นอิสระเลย มันไม่มีช่องทางอื่นเลยที่จะสู้กับมันได้ มีอยู่ช่องเดียว คือ ช่องที่บ่มด้วยสติบริสุทธิ์ นิ่งรู้เฉยอยู่ แล้วก็ดูอาการกายอาการใจที่เป็นธรรมชาติเท่านั้น
เพราะฉะนั้นเราจึงต้องดูลมไปก่อน ดูลมที่เป็นธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติของลม ด้วยสติบริสุทธิ์ ก็เกิดมาจากที่นิ่งรู้เฉยอยู่นั่นแหละ บ่มความตั้งมั่นให้มีกําลังขึ้นมา เพื่อมีสติที่แลอยู่
ถ้ามันหลุดออกไป ก็กลับมาดูลม มันหลุดออกไป ก็กลับมาดูลม หลุดออกไป ก็กลับมาสู่ฐาน นิ่งรู้เฉยอยู่ที่ฐาน หลุดออกไป ก็กลับมาสู่ฐาน พอสู่ฐานนี่แน่นอนที่สุด คือ มันดูลม ตัวนี้เป็นตัวที่บอกว่าเป็นช่องเดียว ถ้ามิเช่นนั้น เชือก ๗ เส้นที่มันผูกรัดอยู่ มันก็จะดึงออกไปทันที พวกอื่นๆที่จะตามมา นั่นหลังจากที่มันปรุงไปแล้ว แต่ตัวหลักที่จะกระชากลากจิตออกไป คือ ตัวนี้
ยตฺถ กามนิปาตินํ ธรรมชาติจิต จะไหลลงไปสู่สิ่งที่มันชอบอยู่เสมอ
เพราะว่ามี อนฺนยสงฺโยชนานิ มันผูกอยู่ ลองถามตนเองดูสิ ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะหาสิ่งที่เราชอบถูกไหม? ทุก บริบทเลยจะหาแต่สิ่งที่มันชอบ และมันจะมีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ด้วยเสมอ ชอบอะไรจะมีสิ่งที่ไม่ชอบอยู่เสมอ ๒ เส้นนี้ มันจึงผูกติดกัน
ตัวที่มันผูกอยู่ มันมีหน้าที่ที่จะลากจิตที่อ่อนแอลงไป จิตที่อ่อนแอ คือ จิตที่ไม่มีความตั้งมั่น
แล้วเราก็บอกว่า เราก็พยายามแล้วพยายามอีก ทําไมมันไม่ได้ นี่อยู่ในเส้นไหนแล้ว? ปฏิฆสงฺโยชนานิ
พอรู้ได้ชัด อนฺนยสงฺโยชนานิ เอาไปกิน พอมันกําลังเรื่อยๆ เรียบๆ เรียงๆดีแล้ว เอ๊ะ ทําไมเมื่อวานมันดีกว่านี้ ทําไมวันนี้มันไม่ดี วิจิกิจฺฉาสงฺโยชนานิ เอาไปกิน
ไม่ได้เอาใหม่ ต้องเอาให้ดีกว่า ต้องให้ได้เหมือนเมื่อวาน นั่นกําลังดูว่าตัวเองเป็นอย่างไร? แย่กว่าใช่ไหม? แล้วต้องเอาให้มันดีกว่า ต้องเอาให้ได้เหมือนเมื่อวาน แสดงว่า ตอนนี้มันแย่อยู่ นั่นเรียกว่า มานสงฺโยชนานิ
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #เครื่องร้อยรัด