
Sign up to save your podcasts
Or


นับตั้งแต่ประเทศไทยทำสนธิสัญญาเบาว์ริง ในปี พ.ศ. 2398 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 ส่งผลให้มีประเทศต่างๆ ทยอยกันเข้ามาขอทำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับไทยอีกหลายสิบประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ในหลวงรัชกาลที่ 4 จึงทรงให้ชาวต่างชาติเข้าเฝ้าหรือเข้าร่วมพระราชพิธี และทำความเคารพด้วยธรรมเนียมของชาติตนได้ จึงทำให้เกิดการปฏิบัติที่แตกต่างขึ้นระหว่างขุนนางชาวไทยที่เข้าเฝ้าด้วยการหมอบคลาน และชาวต่างชาติที่เข้าเฝ้าด้วยการยืนและแสดงความเคารพด้วยการโค้งศีรษะคำนับ
ดังนั้น เมื่อเข้าสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 5 เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติดูถูกประเพณีไทยว่าล้าหลัง พระองค์จึงทรงประกาศให้การเข้าเฝ้าและการแสดงความเคารพ เปลี่ยนมาใช้ตามแบบอย่างค่านิยมตะวันตก
แง่มุมหนึ่งของการหมอบกราบที่สะท้อนถึงความแตกต่าง และการแบ่งแยกชั้นวรรณะ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงต้องการยกเลิกสิ่งเหล่านี้ เพื่อยกระดับของสยามให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนตามบริบทบ้านเมืองในขณะนั้น
แต่การไหว้หรือการกราบนั้น ยังมีอีกแง่มุมหนึ่ง นั่นคือแง่มุมของประเพณีปฏิบัติที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความเคารพ หรือการให้เกียรติกันอีกด้วย
การไหว้หรือการกราบ เป็นประเพณีการแสดงความเคารพที่บุคคลหนึ่งแสดงออกต่อบุคคลหนึ่ง ไม่จำกัดเพียงคนไทยเท่านั้น หากแต่เป็นวัฒนธรรมสากลในแถบเอเชียใต้ที่ยึดถือปฏิบัติกันมานมนาน และวิธีการแสดงออกก็มีหลายระดับ ซึ่งแตกต่างไปตามระดับความสัมพันธ์ เช่น การไหว้ระดับอก สำหรับไหว้บุคคลที่สถานะเท่ากันหรือเป็นการที่ผู้ใหญ่รับไหว้ผู้น้อย หรือการไหว้ที่พนมมือขึ้นระดับศีรษะสำหรับไหว้ผู้ใหญ่
By ฤๅ - Lue Historyนับตั้งแต่ประเทศไทยทำสนธิสัญญาเบาว์ริง ในปี พ.ศ. 2398 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 ส่งผลให้มีประเทศต่างๆ ทยอยกันเข้ามาขอทำสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับไทยอีกหลายสิบประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ในหลวงรัชกาลที่ 4 จึงทรงให้ชาวต่างชาติเข้าเฝ้าหรือเข้าร่วมพระราชพิธี และทำความเคารพด้วยธรรมเนียมของชาติตนได้ จึงทำให้เกิดการปฏิบัติที่แตกต่างขึ้นระหว่างขุนนางชาวไทยที่เข้าเฝ้าด้วยการหมอบคลาน และชาวต่างชาติที่เข้าเฝ้าด้วยการยืนและแสดงความเคารพด้วยการโค้งศีรษะคำนับ
ดังนั้น เมื่อเข้าสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 5 เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวต่างชาติดูถูกประเพณีไทยว่าล้าหลัง พระองค์จึงทรงประกาศให้การเข้าเฝ้าและการแสดงความเคารพ เปลี่ยนมาใช้ตามแบบอย่างค่านิยมตะวันตก
แง่มุมหนึ่งของการหมอบกราบที่สะท้อนถึงความแตกต่าง และการแบ่งแยกชั้นวรรณะ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงต้องการยกเลิกสิ่งเหล่านี้ เพื่อยกระดับของสยามให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนตามบริบทบ้านเมืองในขณะนั้น
แต่การไหว้หรือการกราบนั้น ยังมีอีกแง่มุมหนึ่ง นั่นคือแง่มุมของประเพณีปฏิบัติที่แสดงให้เห็นถึงการให้ความเคารพ หรือการให้เกียรติกันอีกด้วย
การไหว้หรือการกราบ เป็นประเพณีการแสดงความเคารพที่บุคคลหนึ่งแสดงออกต่อบุคคลหนึ่ง ไม่จำกัดเพียงคนไทยเท่านั้น หากแต่เป็นวัฒนธรรมสากลในแถบเอเชียใต้ที่ยึดถือปฏิบัติกันมานมนาน และวิธีการแสดงออกก็มีหลายระดับ ซึ่งแตกต่างไปตามระดับความสัมพันธ์ เช่น การไหว้ระดับอก สำหรับไหว้บุคคลที่สถานะเท่ากันหรือเป็นการที่ผู้ใหญ่รับไหว้ผู้น้อย หรือการไหว้ที่พนมมือขึ้นระดับศีรษะสำหรับไหว้ผู้ใหญ่

81 Listeners