
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-10 ธ.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
ไม่อยากให้คนฟังเสียเวลาอีก เข้าใจลงใจกับความเป็นจริงของชีวิต ของการปฏิบัติ ของคําว่าพุทธศาสนา กับของคําว่าอัตตาตัวตน ความหลุดพ้นมันจะต้องไปตั้งต้นตรงไหน? อะไรเป็นแก่น อะไรเป็นสาระ และสิ่งที่พูด สิ่งที่แสดง สิ่งที่บรรยายทั้งหมดมีอยู่ในกายใจนี้ ไม่เอามาจากที่อื่น ไม่ใช่อยู่เรื่องนอก
พุทธศาสนาคืออะไร?
พุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ละอย่างมุ่งเน้นเข้าถึงกายใจแท้ๆ รู้จักรูปนามแท้ๆ กายใจแท้ๆ จิตต้องสัมผัสกับสภาวะที่เป็นจิตตสังขาร สภาวะที่เป็นความคิด แต่เดิมมันลูบคลําแต่ความเป็นเรา นี่เรียกว่า “สักกายทิฏฐิ”
เห็นรู้เห็นนามที่ถูกร้อยรัดอยู่ ถ้าไม่เข้าถึงกายใจแท้ๆก็จะเป็นเราอยู่ตลอดเวลา สนใจแต่เรื่องสักกายทิฏฐิ เจริญรุ่งเรืองในเรื่องของโลก ไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา
จะต้องรู้จักกายใจนี้ที่แท้จริงว่าเป็นรูปเป็นนาม จิตต้องรู้และสัมผัสก่อน เพราะเครื่องร้อยรัดมันรัดหนาแน่นมาก ตัวที่ทำให้เรายินดีในการเกิดตาย คือสังโยชน์ ใจต้องรู้ไม่ใช่คิดเอาเอง เมื่อเห็นรูปนาม จึงจะเห็นความเป็นจริงของรูปนาม รู้โดยประจักษ์ว่ารูปนามนี้ไม่เที่ยง โดยเฉพาะความตาม เมื่อใดใจประจักษ์ด้วยใจว่าชีวิตนี้ต้องตายแน่ๆ เห็นรูปนามความเป็นจริง เป็นอนัตตา
การยืนอยู่ในจุดที่พระพุทธเจ้าชี้ อย่างมั่นคง แน่วแน่ ไม่มีเงื่อนไข ด้วยความศรัทธา ด้วยความเพียร และด้วยการศึกษาเพิ่มเติม มันจึงเป็นจุดๆเดียวที่จะทําให้เข้าสู่ช่องทางนี้ เพราะอะไร? เพราะว่าตัวที่มันจะทําให้เราเข้าถึง มันคือตัวที่เป็นตัวความเพียรที่มันมีกําลังของ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา สมฺปชาโน คือว่า มันมีความรู้ตัวในความเพียรอยู่ มันมี อาตาปี ก็คือ มีสติในความเพียรอยู่ ความเพียรที่มีสติ มีความรู้สึกตัว มันไม่มีสิ่งใดที่จะเข้ามาทําให้ความเพียรที่มีสติและมีความรู้สึกตัวนั้น เกิดขึ้นอย่างครบบริบูรณ์ได้ นอกเหนือจากการที่ให้จิตนิ่งอยู่ในฐานแล้วมีสติบริสุทธิ์ตรงต่อกายในกาย ถ้ามีจิตนิ่งอยู่ที่ฐาน มีสติบริสุทธิ์รู้กายในกาย ในขณะที่เพียรรู้มันจะมี อาตาปี สมฺปชาโน สติมา อยู่เนืองๆ ถ้ามันไม่หลุดจากฐานมันก็จะมีอยู่ตลอด แล้วไม่ต้องไปเอาเหตุผลอะไรมาอธิบายในระหว่างนั้น หลังจากปฏิบัติแล้วก็ไม่ต้องเอาเหตุผลอะไรมาพูด ก่อนปฏิบัติก็ไม่ต้องเอาเหตุผลอะไรมาพูด สําคัญที่ปรารภความเพียร ยกเข้าสู่ฐานรู้ลมหายใจ รู้ลมหายใจ ยกเข้าสู่ฐาน รู้กายในกาย ในขณะที่มันรู้อย่างนั้น มันมีกําลัง อาตาปี สมฺปชาโน สติมา
เมื่อมันเห็นตรงลงไปว่ารูปนามกายใจนี้มันเป็นอนัตตา เป็นความเห็นฉิวเฉียด สักกายทิฏฐิมันจะไม่เกิด เรื่องของความตายที่มันจะเกิดขึ้นต่อหน้ามันจะไม่เซอร์ไพรส์อีกต่อไป แค่นั้นเอง และพอมันเห็นอย่างนั้นนะ กําลังของมันเป็นอย่างไร? มันจะไม่เกิดความสงสัยต่อไปในคำพระพุทธเจ้า
เวลาเราฟัง เราฟังด้วยความคิดใช่ไหม เราก็คิดตาม เพื่อความเข้าใจนั้นน่ะ มันเป็นตัวที่จะไปเปิดทางให้กับจิต เพราะฉะนั้นตัวฟังแล้วเกิดความเข้าใจไปเปิดทางให้กับจิต เขาเรียกสุตตมยปัญญา พระพุทธเจ้าเรียกสุตตมยปัญญา ฟังเพื่อมันเปิดทางให้กับจิต จิตจะได้สัมผัสกับสิ่งนั้นโดยตรงด้วยตัวของจิตเอง จิตตมยปัญญากับภาวนามยปัญญาจะอยู่ในชั้นนั้น
พอจิตนิ่งอยู่ที่กาย อะไรที่มันเคลื่อนมากระทบกับกายประสาท ณ ส่วนนั้นที่จิตนิ่งอยู่ สติก็จะเข้าไปรู้อย่างบริสุทธิ์ แค่นั้น รู้ตรงนั้นก่อน เอาตรงนี้ก่อน อะไรอย่างอื่น สภาวะอื่นๆ อะไรต่างๆ ทั้งดีทั้งไม่ดี ทั้งชอบใจทั้งไม่ชอบใจที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องของสภาวะ ทุกๆสภาวะมันเป็นอนัตตา อย่าไปจับ อย่าไปยัดเยียดความพอใจ อย่าไปยัดเยียดความไม่พอใจ ความจริงสภาวะนั้นมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติของสภาวะ เกิดจากเหตุจากปัจจัย และมันดับไป แต่เราไปยัดเยียดความพอใจใส่มัน เราไปยัดเยียดความไม่พอใจใส่มัน “โอ๊ยอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี โอ๊ย วันนี้นั่งไม่ดีเลย โอ๊ย วันนี้นั่งดีมาก” เราไปยัดเยียดใส่มันทั้งนั้น เราทั้งนั้น เข้าไปยัดเยียดด้วยอํานาจของสัญญา และอัญเชิญขึ้นมาว่า มันเป็นสภาวะของเรา
ไม่ต้องทําอะไรเลย เข้าไปสู่ที่ฐานแล้วก็รู้ตรงๆไปเรื่อยๆ แล้วสภาวะอะไรเกิดก็แค่รู้ตามความเป็นจริง ตามความเป็นจริงคือ มันเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ดับไปก็ดับไป เท่านั้นนะ ตรงนั้นมันอยู่ตรงนั้น ตรงกลาง เลยไปกว่านั้นมันลึกไปแล้ว หรือไม่ก็เข้าไปไม่ถึง มันอยู่ปากทางนิดเดียว
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-10 ธ.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
ไม่อยากให้คนฟังเสียเวลาอีก เข้าใจลงใจกับความเป็นจริงของชีวิต ของการปฏิบัติ ของคําว่าพุทธศาสนา กับของคําว่าอัตตาตัวตน ความหลุดพ้นมันจะต้องไปตั้งต้นตรงไหน? อะไรเป็นแก่น อะไรเป็นสาระ และสิ่งที่พูด สิ่งที่แสดง สิ่งที่บรรยายทั้งหมดมีอยู่ในกายใจนี้ ไม่เอามาจากที่อื่น ไม่ใช่อยู่เรื่องนอก
พุทธศาสนาคืออะไร?
พุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่ละอย่างมุ่งเน้นเข้าถึงกายใจแท้ๆ รู้จักรูปนามแท้ๆ กายใจแท้ๆ จิตต้องสัมผัสกับสภาวะที่เป็นจิตตสังขาร สภาวะที่เป็นความคิด แต่เดิมมันลูบคลําแต่ความเป็นเรา นี่เรียกว่า “สักกายทิฏฐิ”
เห็นรู้เห็นนามที่ถูกร้อยรัดอยู่ ถ้าไม่เข้าถึงกายใจแท้ๆก็จะเป็นเราอยู่ตลอดเวลา สนใจแต่เรื่องสักกายทิฏฐิ เจริญรุ่งเรืองในเรื่องของโลก ไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา
จะต้องรู้จักกายใจนี้ที่แท้จริงว่าเป็นรูปเป็นนาม จิตต้องรู้และสัมผัสก่อน เพราะเครื่องร้อยรัดมันรัดหนาแน่นมาก ตัวที่ทำให้เรายินดีในการเกิดตาย คือสังโยชน์ ใจต้องรู้ไม่ใช่คิดเอาเอง เมื่อเห็นรูปนาม จึงจะเห็นความเป็นจริงของรูปนาม รู้โดยประจักษ์ว่ารูปนามนี้ไม่เที่ยง โดยเฉพาะความตาม เมื่อใดใจประจักษ์ด้วยใจว่าชีวิตนี้ต้องตายแน่ๆ เห็นรูปนามความเป็นจริง เป็นอนัตตา
การยืนอยู่ในจุดที่พระพุทธเจ้าชี้ อย่างมั่นคง แน่วแน่ ไม่มีเงื่อนไข ด้วยความศรัทธา ด้วยความเพียร และด้วยการศึกษาเพิ่มเติม มันจึงเป็นจุดๆเดียวที่จะทําให้เข้าสู่ช่องทางนี้ เพราะอะไร? เพราะว่าตัวที่มันจะทําให้เราเข้าถึง มันคือตัวที่เป็นตัวความเพียรที่มันมีกําลังของ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา สมฺปชาโน คือว่า มันมีความรู้ตัวในความเพียรอยู่ มันมี อาตาปี ก็คือ มีสติในความเพียรอยู่ ความเพียรที่มีสติ มีความรู้สึกตัว มันไม่มีสิ่งใดที่จะเข้ามาทําให้ความเพียรที่มีสติและมีความรู้สึกตัวนั้น เกิดขึ้นอย่างครบบริบูรณ์ได้ นอกเหนือจากการที่ให้จิตนิ่งอยู่ในฐานแล้วมีสติบริสุทธิ์ตรงต่อกายในกาย ถ้ามีจิตนิ่งอยู่ที่ฐาน มีสติบริสุทธิ์รู้กายในกาย ในขณะที่เพียรรู้มันจะมี อาตาปี สมฺปชาโน สติมา อยู่เนืองๆ ถ้ามันไม่หลุดจากฐานมันก็จะมีอยู่ตลอด แล้วไม่ต้องไปเอาเหตุผลอะไรมาอธิบายในระหว่างนั้น หลังจากปฏิบัติแล้วก็ไม่ต้องเอาเหตุผลอะไรมาพูด ก่อนปฏิบัติก็ไม่ต้องเอาเหตุผลอะไรมาพูด สําคัญที่ปรารภความเพียร ยกเข้าสู่ฐานรู้ลมหายใจ รู้ลมหายใจ ยกเข้าสู่ฐาน รู้กายในกาย ในขณะที่มันรู้อย่างนั้น มันมีกําลัง อาตาปี สมฺปชาโน สติมา
เมื่อมันเห็นตรงลงไปว่ารูปนามกายใจนี้มันเป็นอนัตตา เป็นความเห็นฉิวเฉียด สักกายทิฏฐิมันจะไม่เกิด เรื่องของความตายที่มันจะเกิดขึ้นต่อหน้ามันจะไม่เซอร์ไพรส์อีกต่อไป แค่นั้นเอง และพอมันเห็นอย่างนั้นนะ กําลังของมันเป็นอย่างไร? มันจะไม่เกิดความสงสัยต่อไปในคำพระพุทธเจ้า
เวลาเราฟัง เราฟังด้วยความคิดใช่ไหม เราก็คิดตาม เพื่อความเข้าใจนั้นน่ะ มันเป็นตัวที่จะไปเปิดทางให้กับจิต เพราะฉะนั้นตัวฟังแล้วเกิดความเข้าใจไปเปิดทางให้กับจิต เขาเรียกสุตตมยปัญญา พระพุทธเจ้าเรียกสุตตมยปัญญา ฟังเพื่อมันเปิดทางให้กับจิต จิตจะได้สัมผัสกับสิ่งนั้นโดยตรงด้วยตัวของจิตเอง จิตตมยปัญญากับภาวนามยปัญญาจะอยู่ในชั้นนั้น
พอจิตนิ่งอยู่ที่กาย อะไรที่มันเคลื่อนมากระทบกับกายประสาท ณ ส่วนนั้นที่จิตนิ่งอยู่ สติก็จะเข้าไปรู้อย่างบริสุทธิ์ แค่นั้น รู้ตรงนั้นก่อน เอาตรงนี้ก่อน อะไรอย่างอื่น สภาวะอื่นๆ อะไรต่างๆ ทั้งดีทั้งไม่ดี ทั้งชอบใจทั้งไม่ชอบใจที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องของสภาวะ ทุกๆสภาวะมันเป็นอนัตตา อย่าไปจับ อย่าไปยัดเยียดความพอใจ อย่าไปยัดเยียดความไม่พอใจ ความจริงสภาวะนั้นมันเกิดขึ้นตามธรรมชาติของสภาวะ เกิดจากเหตุจากปัจจัย และมันดับไป แต่เราไปยัดเยียดความพอใจใส่มัน เราไปยัดเยียดความไม่พอใจใส่มัน “โอ๊ยอันนี้ดี อันนี้ไม่ดี โอ๊ย วันนี้นั่งไม่ดีเลย โอ๊ย วันนี้นั่งดีมาก” เราไปยัดเยียดใส่มันทั้งนั้น เราทั้งนั้น เข้าไปยัดเยียดด้วยอํานาจของสัญญา และอัญเชิญขึ้นมาว่า มันเป็นสภาวะของเรา
ไม่ต้องทําอะไรเลย เข้าไปสู่ที่ฐานแล้วก็รู้ตรงๆไปเรื่อยๆ แล้วสภาวะอะไรเกิดก็แค่รู้ตามความเป็นจริง ตามความเป็นจริงคือ มันเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ดับไปก็ดับไป เท่านั้นนะ ตรงนั้นมันอยู่ตรงนั้น ตรงกลาง เลยไปกว่านั้นมันลึกไปแล้ว หรือไม่ก็เข้าไปไม่ถึง มันอยู่ปากทางนิดเดียว
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร