คอร์สการฝึกอบรมกรรมฐานเบื้องต้นเพื่อการพัฒนาจิต เพิ่มคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพในการทำงาน รุ่น 63 วันที่ 25-31 ตุลาคม พ.ศ. 2566ณ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์โดย พระกิตติวิมลเมธี⁠ (สุชีพ สุธมฺโม) วัดบุปผารามวรวิหาร

กิเลสอาสวะมันทำงานกับเราแบบไหน เวลาเราเดิน เราก็อยู่ในอำนาจของมัน เราอยู่ในอำนาจของกิเลสอาสวะมานาน ตั้งแต่เราเกิดมายันป่านนี้ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราเดิน ยืน นั่ง นอน เราอยู่ในอำนาจของมันตลอด ที่สำคัญมันสร้างเป็นสัญชาตญาณขึ้นมา มันสร้างเป็นสัญชาตญาณ เราไม่มีจุดที่จะไปต่อสู้กับพวกมันเลย แต่พอเรามีตัวรู้ตั้งมั่นขึ้นมา ตัวรู้ที่มีอยู่นี้มันแทรกไม่ได้ ถ้าขณะใดที่ตัวรู้อาศัยนิมิตอยู่อย่างมีสติสัมปชัญญะแล้วนี้ อาสวะแทรกเข้าไปไม่ได้ แต่ถ้ามันแทรกได้เมื่อใดรู้จะหาย รู้จะถูกแทรกแซงทันที จะเป็นเราขึ้นมาทันที เวลาอาสวะเข้ามาก็จะกลายเป็นเรา แต่ถ้ารู้มันตั้งขึ้นมาแล้วตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้อย่างบริสุทธ์ มันแทรกไม่ได้ มันพยายามจะแทรกนะแต่มันยังแทรกไม่ได้ แต่พอเราหยุดปุ๊บมันก็แทรกได้ ยื้อกันอยู่อย่างนี้

นี่เป็นจุดที่ความเป็นอัจฉริยะของพระพุทธเจ้า เขาหากันมานานแล้ว พระพุทธเจ้าบอกว่าเราไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อนเลยมันแค่นี้เอง ตรงนี้แหละที่เรียกว่าปฏิวัติ มันเป็นจุดเป็นช่องที่อาสวะเข้าไปแทรกไม่ได้ ที่พระพุทธเจ้าเรียกมัชฌิมาปฏิปทา พระพุทธเจ้าไม่ได้รู้อย่างอื่นหรอก รู้ทางนี้ เดินตรงเข้าไปสู่มรรคผล ไม่มีอย่างอื่นทางนี้เท่านั้น

เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ขออนุโมทนากับทุกๆท่านนะ เวลาเลิกกลับบ้านเราอย่างน้อยๆวันนี้ก็ได้หลายชั่วโมง ก็ควรที่จะกลับอย่างมีสติ กลับอย่างมีสติคืออะไร เดินอย่างมีสติ ขึ้นรถอย่างมีสติ ขับรถอย่างมีสติ ลงจากรถอย่างมีสติ ล็อครถอย่างมีสติ เข้าบ้านอย่างมีสติ ทำกิจกรรมอะไรต่างๆในบ้านเรือนอย่างมีสติ ที่นี้พูดว่าอย่างมีสติมันง่ายไปไหม ให้ทำยังไง ทำยังไงให้มันมีสติ ก่อนขึ้นรถ สงบกายให้รู้ตั้งสัก 2 คู่ 3 คู่ลม ในขณะที่ขับรถอยู่บนถนนรถติด แทนที่เราจะต้องไปเสียเวลากับความหงุดหงิด บ่นรำพึงรำพันมันติดอะไรนักหนา อย่างนี้ไร้สาระแล้ว สงบกายให้รู้มันตั้งแล้วก็ใส่ไปเลย ลืมตาอยู่นี่รู้ได้ไหม สงบกายรู้ตั้ง นั่งดูถนนแล้วก็รู้ลมไป ดีกว่าเยอะใช่ไหม พอไปถึงบ้านจอดรถปิดรถอย่างมีสติ เข้าบ้านอย่างมีสติ อาตมาเขียนไว้วิธีใช้สติอยู่กับชีวิตประจำวัน เดี๋ยววันสุดท้ายถ้าไม่ลืมแล้วจะเอามาพูดให้ฟัง

เราต่อยอดการปฏิบัติของเราในชีวิตจริงด้วยการฝึกสติและการใช้สติแต่ละครั้งจำไว้ว่าต้องสงบกายให้รู้มันตั้งก่อน ตั้งสติ ก็คือดำรงสติเฉพาะหน้า ตั้งสติก็คือสงบกายให้นิ่งและดูรู้ทั้งหมดที่มันมีอยู่ทั้งหมดเลยมันไปตั้งตรงไหน เราฝึกแล้วตรงนี้เรียกว่านิมิต สงบกายรู้ทั้งหมดเข้าไปเป็นองค์รู้ตั้ง พอตั้งสติ ฝากลมหายใจไปเพียงแค่คู่ สองคู่ สติก็เด่นขึ้นมา อันนี้คือตั้งสติ ตั้งสติจะทำอะไร ตั้งสติจะเดินขึ้นบันได ตั้งสติเสร็จแล้วเดินขึ้นบันไดก็ตรวจตรวจตรวจตรวจแล้วก็ค่อยเดินอย่างมีสติ

กำลังโกรธอยู่ไม่ดี เป็นอกุศล ตั้งสติแล้วดูความโกรธ เราไม่ควรที่จะใช้ชีวิตของเราที่เหลือต่อไปนี้จนกว่าเราจะตาย อยู่ในอำนาจของอารมณ์อันเป็นอกุศลอีกต่อไป เชื่ออาตมา มิฉะนั้นเราก็จะเป็นผู้แพ้ไปยันตาย เรายอมมันมามาก ยอมมันมาทุกวันทุกครั้งทุกคราว ไม่มีอะไรอื่นเลยมีแต่ของเดิมๆ เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวเกลียด เดี๋ยวอิจฉา เดี๋ยวเบื่อขี้หน้า เดี๋ยวแค้น เดี๋ยวเจ็บใจ เดี๋ยวก็ปวดนั่นปวด ลองใหม่ๆบ้าง สงบกายให้ตัวรู้มันตั้งนั่นคือตัวสติก็จะเด่นขึ้นมา แล้วก็ใช้ตัวนี้แหละสังเกตสิ่งที่เราจะทำรวมทั้งอารมณ์และกิเลสทั้งหลายที่มันเกิดขึ้นในขณะ เข้าใจตรงนี้นะกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้และก็พรุ่งนี้ก็กลับมาอย่างมีสติเพราะพรุ่งนี้อาตมาก็จะต่อจากวันนี้

ทีฆํ วา อสฺสสนฺโต ทีฆํ อสฺสสามีติ ปชานา

ทีฆํ วา ปสฺสสนฺโต ทีฆํ ปสฺสสามีติ ปชานาติ

รสฺสํ วา อสฺสสนฺโต รสฺสํ อสฺสสามีติ ปชานาติ

รสฺสํ วา ปสฺสสนฺโต รสฺสํ ปสฺสสามีติ ปชานาติ

เป็นสภาวะที่พวกเราเริ่มจับทางได้แล้ว แล้วก็เริ่มเข้าสู่

สพฺพกายปฏิสํเวที อสฺสสิสฺสามีติ สิกฺขติ

ตรงไหนรู้ไหม คือ ตรงที่ตัวรู้ที่รู้อยู่นี้ มันรู้กายทั้งกายที่นั่งอยู่ แล้วมันรู้ลมด้วย รู้ลมนี้ด้วยแล้วรู้กายทั้งกายด้วย ตัวรู้ตัวนี้ มันรู้ทั้งกาย แล้วมันก็รู้ลม นี่คือรู้กายทั้งปวง

#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน