
Sign up to save your podcasts
Or


อบรมอานาปานสติ ครั้งที่ 73 โดย (พระกิตติวิมลเมธี) พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโมผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหาร วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 จัดโดยกลุ่มมโนมัย (online) YouTube: https://youtu.be/CuHxkjQ38_c
วัตถุอันเป็นที่ตั้งแห่งการเรียนรู้เพื่อเข้าไปสู่ความเป็นพุทธศาสนานั้น เริ่มต้นที่ขันธ์๕
ขันธ์๕ คือ ชีวิตของเรา (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
เราต้องเข้าไปศึกษาชีวิตของเราว่าเป็นอย่างไร ขันธ์๕เป็นธรรมชาติของแต่ละอย่าง
รูป กองแห่งรูป รูปเป็นผลพวงเกิดจากธาตุทั้ง๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เรามักจะไปติดกับชื่อ ผม หนัง ผิว เท้า เล็บ ... หัว คอ ไหล่ มีปัญหาที่อวัยวะต่างๆ เข้าไปไม่ถึงธาตุ เราเลยไม่รู้จักชีวิตในหน้าตาที่เป็นรูปที่แท้จริง เราจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปศึกษา ว่ารูปเกิดขึ้นได้อย่างไร ดูความเป็นจริงของรูปนี้ว่ามีความแปรปรวน เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ ตามเหตุปัจจัยของมัน ตั้งอยู่ได้ชั่วขณะนึงแล้วแตกดับไป ไม่มีรูปใดที่เราสามารถไปบังคับได้ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงแปรปรวน เมื่อบังคับไม่ได้ก็ไม่ใช่ของเรา ไม่มีเราอยู่ในนั้น เราจะไปสำคัญคาดหมายให้เป็นไปตามใจเราไม่ได้
นาม มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เวทนา คือความรู้สึก เช่น สดชื่น สบายใจ เบื่อ เหงา เซ็ง ในกองของความรู้สึกเหล่านั้นเกิดจากผัสสะ ที่อาศัยรูปเกิดขึ้น ลองดูความรู้สึกที่เกิด ไม่มีความรู้สึกไหนที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ชั่วนาตาปี เมื่อผัสสะดับ ความรู้สึกก็ดับไป ถ้าเวทนาเป็นเรา เมื่อเกิดแล้วดับไป เราก็ไม่มีแล้วดับไปด้วย แต่เพราะความรู้สึกไม่ใช่เรา เราไม่ได้อยู่ในความรู้สึกนั้น ความรู้สึกเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตามเหตุปัจจัยด้วยอำนาจของผัสสะ
สัญญา คือ ความจำ เห็นได้ยินแล้วนึกได้ (สัญญาวิตก) เกิดเพราะอาศัยผัสสะ เมื่อกระทบแล้วเกิดจำได้ โดยผิวเผินเราเป็นผู้จำ แต่สัญญาเป็นเพียงธรรมชาติอย่างนึง เกิดขึ้นแล้วก็ดับ ไม่มีเราอยู่ในนั้น
สังขาร เป็นการปรุง มาจากเจตนา ผัสสะ และ มนสิการ ทุกๆการเคลื่อนไหว ทุกกิริยาคือการปรุง ทุกการปรุงล้วนมาจากเจตนา เจตนาเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดสังขาร
การปฏิบัติเป็นไปเพื่อให้เกิดความคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้ง๕
วิญญาณ คือ รู้ สภาพรู้เกิดจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือ รูป เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ รูปปรากฏขึ้น ถ้ามีไม่สภาพรู้ก็ไม่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ดังนั้น วิญญาณก็คือสภาพรู้ที่อยู่กับขันธ์ทั้ง๔ รู้สึกถ้าไม่มีสภาพรู้ก็ไม่รู้สึก จำได้ถ้าไม่มีสภาพรู้ก็จำไม่ได้ ความคิดถ้าไม่มีสภาพรู้ก็ไม่รู้คิด วิญญาณจึงอยู่กับขันธ์ทั้ง๔ เมื่อ รูป เวทนา สัญญา สังขารเกิดดับ วิญญาณก็เกิดดับ แต่วิญญาณมีหน้าตาเดียว คือ รู้
ทุกอย่างเกิดดับเร็วมีหลายหน้าตา แต่รู้อยู่กับทุกอย่างจึงเกิดการตกผลึก เป็นตะกอนอยู่ที่ตัววิญญาณ การเกิดดับของเวทนา สัญญา สังขาร จะเป็นปัจจัยแห่งความตั้งมั่นของวิญญาณ เรียกว่า อาสวะ บารมี บุญ บาป กรรมดี กรรมชั่ว หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตัณหาจะพาวิญญาณไปเกิด เมื่อวิญญาณแข็งแรงตั้งมั่น ดับแต่ดับไม่สนิท
เมื่อวิญญาณตั้งมั่น การบังเกิดสู่ความเป็นผู้มีภพใหม่ก็ต้องมีอยู่ต่อไป เมื่อความเป็นสู่ภพใหม่มีอยู่ ชาติ ชรา มรณะ โศกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสจึงมีแดนเกิดต่อไป นี่คือเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง
เพราะเราไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เราจึงเอาความหวังของเราไปทิ้งไว้ที่อื่น ไม่อยู่กับตัวเอง
เราจึงต้องทำการศึกษาเรื่องของชีวิต ในฐานะที่เป็นขันธ์๕ เพื่อให้คลายอุปาทานขันธ์ ยึดมั่นถือมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
การปฏิบัติอานาปานสติ ทำให้เราเข้าถึงเรื่องนี้เป็นลำดับๆ คือ อานาปานสติ๑๖
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)อบรมอานาปานสติ ครั้งที่ 73 โดย (พระกิตติวิมลเมธี) พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโมผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหาร วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 จัดโดยกลุ่มมโนมัย (online) YouTube: https://youtu.be/CuHxkjQ38_c
วัตถุอันเป็นที่ตั้งแห่งการเรียนรู้เพื่อเข้าไปสู่ความเป็นพุทธศาสนานั้น เริ่มต้นที่ขันธ์๕
ขันธ์๕ คือ ชีวิตของเรา (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
เราต้องเข้าไปศึกษาชีวิตของเราว่าเป็นอย่างไร ขันธ์๕เป็นธรรมชาติของแต่ละอย่าง
รูป กองแห่งรูป รูปเป็นผลพวงเกิดจากธาตุทั้ง๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เรามักจะไปติดกับชื่อ ผม หนัง ผิว เท้า เล็บ ... หัว คอ ไหล่ มีปัญหาที่อวัยวะต่างๆ เข้าไปไม่ถึงธาตุ เราเลยไม่รู้จักชีวิตในหน้าตาที่เป็นรูปที่แท้จริง เราจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปศึกษา ว่ารูปเกิดขึ้นได้อย่างไร ดูความเป็นจริงของรูปนี้ว่ามีความแปรปรวน เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ ตามเหตุปัจจัยของมัน ตั้งอยู่ได้ชั่วขณะนึงแล้วแตกดับไป ไม่มีรูปใดที่เราสามารถไปบังคับได้ ไม่ให้เปลี่ยนแปลงแปรปรวน เมื่อบังคับไม่ได้ก็ไม่ใช่ของเรา ไม่มีเราอยู่ในนั้น เราจะไปสำคัญคาดหมายให้เป็นไปตามใจเราไม่ได้
นาม มี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เวทนา คือความรู้สึก เช่น สดชื่น สบายใจ เบื่อ เหงา เซ็ง ในกองของความรู้สึกเหล่านั้นเกิดจากผัสสะ ที่อาศัยรูปเกิดขึ้น ลองดูความรู้สึกที่เกิด ไม่มีความรู้สึกไหนที่เกิดขึ้นแล้วอยู่ชั่วนาตาปี เมื่อผัสสะดับ ความรู้สึกก็ดับไป ถ้าเวทนาเป็นเรา เมื่อเกิดแล้วดับไป เราก็ไม่มีแล้วดับไปด้วย แต่เพราะความรู้สึกไม่ใช่เรา เราไม่ได้อยู่ในความรู้สึกนั้น ความรู้สึกเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตามเหตุปัจจัยด้วยอำนาจของผัสสะ
สัญญา คือ ความจำ เห็นได้ยินแล้วนึกได้ (สัญญาวิตก) เกิดเพราะอาศัยผัสสะ เมื่อกระทบแล้วเกิดจำได้ โดยผิวเผินเราเป็นผู้จำ แต่สัญญาเป็นเพียงธรรมชาติอย่างนึง เกิดขึ้นแล้วก็ดับ ไม่มีเราอยู่ในนั้น
สังขาร เป็นการปรุง มาจากเจตนา ผัสสะ และ มนสิการ ทุกๆการเคลื่อนไหว ทุกกิริยาคือการปรุง ทุกการปรุงล้วนมาจากเจตนา เจตนาเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดสังขาร
การปฏิบัติเป็นไปเพื่อให้เกิดความคลายจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ทั้ง๕
วิญญาณ คือ รู้ สภาพรู้เกิดจากรูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือ รูป เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ รูปปรากฏขึ้น ถ้ามีไม่สภาพรู้ก็ไม่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้รส ได้สัมผัส ดังนั้น วิญญาณก็คือสภาพรู้ที่อยู่กับขันธ์ทั้ง๔ รู้สึกถ้าไม่มีสภาพรู้ก็ไม่รู้สึก จำได้ถ้าไม่มีสภาพรู้ก็จำไม่ได้ ความคิดถ้าไม่มีสภาพรู้ก็ไม่รู้คิด วิญญาณจึงอยู่กับขันธ์ทั้ง๔ เมื่อ รูป เวทนา สัญญา สังขารเกิดดับ วิญญาณก็เกิดดับ แต่วิญญาณมีหน้าตาเดียว คือ รู้
ทุกอย่างเกิดดับเร็วมีหลายหน้าตา แต่รู้อยู่กับทุกอย่างจึงเกิดการตกผลึก เป็นตะกอนอยู่ที่ตัววิญญาณ การเกิดดับของเวทนา สัญญา สังขาร จะเป็นปัจจัยแห่งความตั้งมั่นของวิญญาณ เรียกว่า อาสวะ บารมี บุญ บาป กรรมดี กรรมชั่ว หลีกเลี่ยงไม่ได้
ตัณหาจะพาวิญญาณไปเกิด เมื่อวิญญาณแข็งแรงตั้งมั่น ดับแต่ดับไม่สนิท
เมื่อวิญญาณตั้งมั่น การบังเกิดสู่ความเป็นผู้มีภพใหม่ก็ต้องมีอยู่ต่อไป เมื่อความเป็นสู่ภพใหม่มีอยู่ ชาติ ชรา มรณะ โศกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาสจึงมีแดนเกิดต่อไป นี่คือเป็นเหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวง
เพราะเราไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เราจึงเอาความหวังของเราไปทิ้งไว้ที่อื่น ไม่อยู่กับตัวเอง
เราจึงต้องทำการศึกษาเรื่องของชีวิต ในฐานะที่เป็นขันธ์๕ เพื่อให้คลายอุปาทานขันธ์ ยึดมั่นถือมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
การปฏิบัติอานาปานสติ ทำให้เราเข้าถึงเรื่องนี้เป็นลำดับๆ คือ อานาปานสติ๑๖
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน