จากโอวาทพระมงคลเทพมุนี กัณฑ์ที่ ๑๐ เรื่อง ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนัก
แต่ว่าวิธีปล่อยขันธ์ ๕ ไม่ใช่ของเล็กน้อย ไม่ใช่ของปล่อยง่าย
ถ้าปล่อยไม่ได้ก็เป็นทุกข์ ปล่อยได้ก็เป็นสุข
แต่ขันธ์ ๕ จริง ๆ เราก็ไม่รู้จักมันเสียแล้วนะ ปล่อยมันอย่างไร รูป
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณน่ะ
เอาเถอะ แก่เฒ่าอยู่วัดอยู่วาไปตามกัน บวชแล้วก็ตาม ไม่บวชก็
ตาม ถามจริง ๆ เถอะว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ จริง ๆ น่ะคืออะไร?
เอาละอึกอักกันทีเดียว ไม่เข้าใจตัวของตัวแท้ ๆ ไม่เข้าใจ
รูปน่ะ คือ ร่างกาย ประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ผสมกัน
อยู่นี้ ถ้าว่าแยกออกไปก็เป็น ๒๘
มหาภูตรูป ๔
อุปาทายรูป๒๔ รวมเป็นรูป ๒๘ ประการดังนี้
นี่แหละมีรูปเท่านี้ เป็นเบญจขันธ์นี้ รูป๒๘ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
นามขันธ์ ๔ โดยย่อ สังขาร ๓ วิญญาณ ๖
เวทนา ความรู้สึก
สัญญา ความจำ
สังขาร ความคิด
วิญญาณ ความรู้
เป็นดวงสีต่าง ๆ กัน
ส่วนเวทนาก็เป็นดวง ถ้าสุขเวทนาก็ใส ถ้าทุกขเวทนาก็ขุ่น ดังนี้ เป็นดวง ๆ ดังนี้
สัญญา ความจำก็เป็นดวงเหมือนกัน เป็นดวงต่างกัน ดี ชั่ว หยาบละเอียด เลว ประณีต
สังขาร ความคิดดี คิดชั่ว คิดไม่ดีไม่ชั่ว นี่ก็เป็นอีกดวงเหมือนกัน
วิญญาณ ความรู้ ความรู้ก็เป็นดวงอีกเหมือนกัน
ต้องรู้จักพวกนี้ ให้เห็นพวกนี้เสียก่อน ให้เห็นขันธ์ทั้ง ๕ นั่นเสียก่อน
ให้เป็นปฏิบัติ ที่แสดงแล้วนั่นเป็นปริยัติ ถ้าปฏิบัติต้องเห็น เห็นขันธ์ทั้ง ๕
นั่น รูปเป็นดังนี้ โตเล็กเท่านั้น สัณฐานอย่างนั้น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
เมื่อเห็นเบญจขันธ์ทั้ง ๕ แล้วก็ดูความจริงของมัน ขันธ์ ๕ เหล่านี้น่ะ
ถ้าแม้ว่าขืนไปยึดถือมันเข้าไว้ละก็ เป็นทุกข์
ท่านถึงได้วางตำรับตำราเอาไว้ว่า ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา ยึดถือ
มั่นในเบญจขันธ์ ๕ นั่นเป็นทุกข์ ถ้าหากว่าปล่อยเบญจขันธ์ ๕ เสียได้ก็เป็น