อบรมอานาปานสติ ครั้งที่ 83 โดย (พระกิตติวิมลเมธี) พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารวันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2565 ณ อาคารธรรม ดีรุ่งโรจน์ Youtube

กองของกุศุล ที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง สามารถทำได้ทันทีคือ สติปัฏฐาน๔ มีจิตรู้กายในกาย มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ และหยุดอภิชชาและโทมนัส ความดีใจและเสียใจในโลกได้ ต้องมีองค์ประกอบนี้สำคัญมาก ถ้าหยุดอภิชชาและโทมนัสไม่ได้ จะเป็นมิจฉาสติ มิจฉาสมาธิ

มีสติ จิตจะไม่ไหลไปสู่อารมณ์ง่ายๆ เกิดสภาวะเพียงแค่รู้ มีความตื่นตัวรู้ตัวอยู่ในทุกขณะจิต หยุดความรักความชังในโลก ถ้าทำกิจถูก จิตที่รู้กายในกายได้ จะไม่กระเพื่อมไปทางรัก ทางชัง ดีใจ เสียใจ ในเวทนาในเวทนา จิตใจจิต ธรรมในธรรมก็เช่นกัน

พระพุทธเจ้าสอนสติปัฏฐาน๔ ผ่านทางลมหายใจ ๑๖ขั้น ๔หมวด ทั้งหมด เริ่มต้น เป็นไป และทรงตัวอยู่ด้วยลมหายใจที่เรียกว่าอานาปานสติ เมื่อรู้ลมหายใจอย่างถูกต้อง ถูกวิธี ต่อเนื่องแล้วจะทำให้ สติปัฏฐาน๔ บริบูรณ์ เมื่อสติปัฏฐาน๔ บริบูรณ์ จะทำให้เกิดโพชฌงค์๗ เมื่อโพชฌงค์บริบูรณ์จะทำให้เกิดวิชชาและวิมุตติในชีวิตเราเกิดมา มีความปรารถนาเยอะ แต่ไม่เคยเต็มเสียที เพราะไม่ใช่ของจริง ของจริงที่เราควรมี ที่เราขาด ที่เราต้องหาให้ได้ในชีวิตไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน คือ สติ สมาธิและปัญญา เป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว แต่เพราะจิตชีวิตของเราถูกอำนาจของความมืดที่เรียกว่าอวิชชา โมหะ อุปาทิ ห้อมล้อมเราไว้จนมืดมิด เราจึงไม่รู้ว่าเราขาดอะไร สิ่งที่ห้อมล้อมนี้รวมตัวกันเป็นเรา เรามีโมหะเป็นเครื่องผูก เมื่อมองมาที่ตัวเรา ชื่อ สกุล ฐานะ สภาพที่เป็น เส้นใยแห่งการยึดรัดรึงไปหมด ทุกสิ่งเป็นของเรา ยึดด้วยอำนาจของโมหะ พอถูกห้อมล้อม หลงแบบนี้แล้ว มันจึงปรากฏเป็นชิ้นเป็นอัน ยึดมันไว้

ทำจิตผู้รู้แล้วต้องเสริมกำลังด้วยฉันทะ

นิวรณ์เกิดอินทรีย์ดับ อินทรีย์เกิดนิวรณ์ดับ นิวรณ์ดับอินทรีย์เกิด อินทรีย์ดับนิวรณ์เกิด

อินทรีย์๕

1. สัทธินทรีย์ ศรัทธา มีลักษณะไม่หวั่นไหว เชื่อพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอน พระอริยสงฆ์ เชื่อกรรม ผลของกรรม อย่างแน่วแน่ ไม่หวั่นไหว เมื่อศรัทธาไม่เป็นอินทรีย์ก็จะสู้กับนิวรณ์ไม่ได้
2. วิริยินทรีย์ วิริยะ เป็นความเพียรอย่างมีฉันทะ ไม่ใช่แข็งใจทำ ไม่ใช่อดทนทำ มีใจที่น้อมไปสู่ความเพียร ชุ่มชื่น นุ่มนวล เข้มข้น
3. สติทรีย์ สติ
4. สมาธินทรีย์ สมาธิ
5. ปัญญินทรีย์ ปัญญา

5 อย่างนี้เกิด กามฉันทะ พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจกุกกุจจะ และวิจิกิจฉา ดับ

ใจที่มีอินทรีย์เป็นกำลัง นอกจากนิวรณ์ดับแล้ว ศีล๕ จะบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ ความเลื่อมใส เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย จะทำให้องค์ของความเพียร มีฉันทะ และมีสติเกิดมาควบคู่กับ ศรัทธาและวิริยะนี้ และมีหิริโอตัปปะเกิดขึ้นมา แค่เรามีสติสัมปชัญญะขึ้นมา จะทำให้ศีลบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ เพราะเกิดหิริโอตัปปะ ความระวังการละเมิดชีวิต จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ดังตัวอย่างเรี่องของนางขุชชุตตรา

กองของอกุศล คืออะไร อกุศลราสิสูตร

ควรจะกล่าวว่านิวรณ์๕ คือกองของอกุศลอย่างแท้จริง เราจะปล่อยให้เขากำเริบไม่ได้ ทุกขณะจิตถ้านิวรณ์๕ทรงตัวอยู่ แสดงว่าจิตกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยกองของอกุศล สมควรแล้วที่เราจะต้องเข้าสู่ลมโผฏฐัพพารมณ์เพื่อไม่ให้อำนาจของกองอกุศลนี้เป็นใหญ่ ลำต้นของนิวรณ์คืออาสวะ รากของนิวรณ์คืออนุสัย ดอกและกลิ่นที่เหม็นคือนิวรณ์ อำนาจที่เป็นใหญ่ในชีวิตเราส่วนที่เป็นอธรรมคือนิวรณ์ ถ้ามันเป็นใหญ่ อินทรีย์ดับ คิดพูดทำ จะปรารภแต่ตัวเอง ความเห็นแก่ตัวมาเป็นอันดับหนึ่ง ขัดใจง่าย ต้องมีคนตามใจ ต้องหันมองเมื่อเห็นก็วิ่งหาลมโผฏฐัพพารมณ์ ก็จะได้สติที่บริสุทธิ์ ไม่ยอมอยู่ในอำนาจมัน ทำบ่อยๆ ต้นก็จะเหี่ยว รากก็จะฝ่อ

อกุศลที่ก่อขึ้นในใจของเราเป็นกรรมทางความคิด กรรมทุกกรรม การกระทำทุกตัวมีผลเสมอ ทุกความคิดที่เป็นอกุศล จะต้องมีผลของมันเสมอ ไม่มีการกระทำใดที่ไม่มีผล ไม่ว่าทางกาย ทางวาจา ทางใจ ทุกการกระทำมีผลเสมอ

ในความโกรธ ตัวที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เป็นอกุศลคือตัวที่โตขึ้นมาถึงขั้นพยาบาท ความโลภที่เราเอาไม่อยู่ เค้าโตขึ้นมาเป็นตัวอภิชชาเป็นเบื้องหลังของกรรม นิวรณ์จะอยู่ร่วมสบทบเป็นกำลังกับอภิชชาในส่วนของความโลภ กับพยาบาทในส่วนของความโกรธ

#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน