
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 8-12 ธ.ค. 66 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารนอกเหนือจากเรามั่นคงกับการภาวนาแล้ว ในระหว่างวันต้องเติมพุทธานุสสติลงไป เติมเมตตาลงไป เติมมรณสติ พวกนี้จะคอยช่วยพยุง
พุทธานุสสติ ถ้าเราเจริญระลึกไปเรื่อย เราทําภาวนาอย่างนี้ให้ตัวรู้ที่เป็นอิสระตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้อันเป็นธรรมชาติ ดูกายดูใจ ดูไปเรื่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ แล้วในระหว่างนั้นให้ทําพุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ระลึกไปเรื่อยๆ ระลึกแบบโยนิโสมนสิการ ให้เกิดการเข้าใจรับรู้ได้ ลงใจว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อเรามาก พิจารณาไประลึกถึงไปจนเห็นคุณของพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าท่านมีพระคุณต่อเราเหลือเกิน เหมือนกับเราอยู่ในภายใต้ร่มเงาแห่งความสงบของพระพุทธเจ้า รู้สึกได้ถึงขนาดนั้น ตัวนี้จะทําให้เกิดสัทธินทรีย์ เป็นตัวที่จะประคองความเพียรของเราอย่างฉันทะเพิ่มขึ้น
เมตตา เพราะว่าจิตหยาบๆ จิตพื้นด้านนอก ผิวนอกของจิต เป็นปฏิฆะ กระทบง่าย เป็นปฏิฆะ เป็นพยาบาท เวลาเจอสิ่งที่ถูกใจมันเฉยๆ สังเกตไหม สิ่งถูกใจ บางทีก็ดีแต่มันเฉยๆ แต่ว่าไปกระทบกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ มันไม่ค่อยเฉยใช่ไหม เพราะมันอยู่ผิวด้านนอกของมัน พอกระทบกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ มันมีปฏิฆะ หงุดหงิด ไม่ชอบ แต่ถ้าไปเจอกับสิ่งที่ถูกใจ มันเฉยๆได้นะบางที แต่สิ่งที่ไม่ถูกใจไม่ค่อยเฉยนะ เพราะว่ามันอยู่ผิวนอกของมัน เพราะฉะนั้นตัวที่จะคอยกำราบ เหมือนกระดาษทรายที่คอยขัดเกลาผิวนอกที่ขรุขระอยู่ให้เรียบ จิตเหมือนกันที่หยาบๆอยู่นี้ขัดเกลาด้วยการแผ่เมตตา ถ้าเราอยู่ในวัดมาปฏิบัติธรรมเราก็เอาจากคณะผู้ปฏิบัติด้วยกัน นี่มี 20-30 คนดูไปทีละคนเลย แผ่ไปทีละคน รู้สึกไปทีกับคน ให้มันเกิดความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี ไปในบุคคลนั้นและยอมรับในตัวบุคคลนั้นว่า เขาก็มีลักษณะเฉพาะมีกรรมเป็นของเขาเอง เราก็มีกรรมเป็นของเราเอง อะไรที่มันเป็นส่วนทําให้เขาต้องได้รับความทุกข์ อะไรที่มีส่วนทําให้เขาต้องประสบกับอุปสรรคของชีวิตของการภาวนาก็ขอแผ่เมตตานี้ให้เขาได้ผ่านสิ่งนั้นๆไปอย่างโดยสวัสดีเถิด คือ จิตถ้าเกิดขึ้นมาแบบนี้มันจะขัดเกลาทําให้มันนุ่มขึ้น สลับกับการดูให้ตัวรู้บ่มความตั้งมั่นไปด้วย จิตจะนุ่มแล้วจะเอื้อ จะกรุณา จะเกิดการสนับสนุนต่อการภาวนาได้ง่ายขึ้น
อสุภะ ยามที่ตัวรู้นิ่งรู้อยู่ในอิริยาบถที่เราเดินอยู่ก็ดีหรือนั่งอยู่ก็ดี เวลาเรานั่งเก้าอี้หรือนั่งเล่น แต่ว่าเราอยู่กับตัวผู้รู้ เอามันดูอสุภะด้วย ดูกายให้เป็นอสุภะ เวลาดูให้เป็นอสุภะดูอย่างไร ตัวรู้อยู่นี่ ถ้าดูไปที่มือที่แขนเอามือจับ จากผิวหนังดูมันลงไป แหวกผิวหนังนี้ลงไป เห็นเป็นเลือด เห็นเป็นเปลวมัน เห็นเป็นพังพืด เห็นเป็นเนื้อ เห็นเป็นลิ่มเนื้อ เห็นเป็นเส้นเอ็น เส้นเลือด แล้วก็เห็นเป็นกระดูก ใช้สัญญาเข้าช่วยนะ กระดูกแล้วลึกๆลงไปก็เป็นเยื่อในกระดูก จุดเดียวทิ่มมันลงไป มันเป็นอสุภสัญญา สัญญาชนิดที่เป็นอสุภะ ด้วยตัวรู้ที่มีสติเข้าไปทำการตัวนี้อยู่ แตะไป แตะไป หัดดูบ้าง แล้วก็ดูไปทั้งตัว เพราะว่าตัวนี้จะเป็นตัวที่สำรอกราคานุสัยที่มีอยู่ภายใน ซึ่งเป็นชั้นหนึ่งต่อจากปฏิฆานุสัย ให้รู้จักมุมมองที่เป็นจริงที่ไม่งามนี้ด้วย
เมตตากับอสุภะจะทําให้กามฉันท์นิวรณ์และพยาบาทนิวรณ์เกิดยากขึ้น การเข้าสู่อารมณ์อันเดียวของจิตก็จะง่ายขึ้น ตัวที่ถูกต้องที่สุดของจิตในการเจริญอบรมจิตตภาวนา แรกสุดต้องเดินออกจากนิวรณ์ก่อน
ตัวหลักคือ อานาปานสติ และก็ต้องมีตัวประคองคือ เมตตา อสุภะ และอีกตัวหนึ่งคือ มรณสติ มรณสตินี่ยกนอกจากพุทธานุสสติ เจริญมรณสติตัวเดียวได้ทั้งหมดเลย เราต้องพิจารณาไปให้เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดาที่จะต้องมีกับตัวเอง เวลาพิจารณามรณสติอย่าไปพิจารณามรณสติที่รูปนามอื่นนะ ต้องพิจารณาที่รูปนามนี้ ของตัวเองนี้ อสุภะก็ดี มรณสติก็ดี ความตายก็ดี การเจริญอสุภะก็ดี ต้องพิจารณาเจริญในรูปนามนี้ อย่าไปเจริญในรูปนามอื่น แม้ไปเห็นซากศพอื่นๆตั้งนอนอยู่ข้างนอก เราพิจารณาอย่างไรก็จะไม่เป็นธรรมะ จะเป็นธรรมะเมื่อเราน้อมเข้ามาที่รูปนามนี้จึงจะเป็นธรรมะขึ้นมา อันนี้เรียกว่า ข้อกรรมฐานประคองประคองเพื่อให้ตัวกรรมฐานหลัก คือ อานาปานสติของเราเดินได้ง่าย จิตเข้าสู่อารมณ์อันเดียวได้ง่าย นิวรณ์เกิดยาก ก็พยายามปรับเปลี่ยนทำ ไม่ใช่ว่าเพิ่มงานนะแต่มันเป็นเรื่องที่ควรทํา จริงๆไม่ได้เพิ่มงานนะลดด้วยซ้ำ ลดงานลงมาเยอะเลยนะ ของเราไม่ค่อยเน้นเรื่องทําวัตรเช้า ทําวัตรเย็นก็ไม่ค่อยเน้น เอาเวลาให้มันเยอะที่สุด ถ้าทําวัตรหรือสวดมนต์กินเวลาเยอะมาก เราไปใช้ที่บ้านก็ได้ ไม่ได้ว่าไม่ดีนะ ไม่ใช่ไม่ดีแต่ว่าโอกาสในการที่เราจะทําวัตร โอกาสที่เราจะสวดมนต์มันมีเยอะ เพราะไม่ได้ยากเย็นอะไร มันมีหนังสือมีรูปแบบของมันอยู่ แต่โอกาสที่จะภาวนา ฟังเทศน์ฟังธรรมนี่มันยาก
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 8-12 ธ.ค. 66 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารนอกเหนือจากเรามั่นคงกับการภาวนาแล้ว ในระหว่างวันต้องเติมพุทธานุสสติลงไป เติมเมตตาลงไป เติมมรณสติ พวกนี้จะคอยช่วยพยุง
พุทธานุสสติ ถ้าเราเจริญระลึกไปเรื่อย เราทําภาวนาอย่างนี้ให้ตัวรู้ที่เป็นอิสระตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้อันเป็นธรรมชาติ ดูกายดูใจ ดูไปเรื่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ แล้วในระหว่างนั้นให้ทําพุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า ระลึกไปเรื่อยๆ ระลึกแบบโยนิโสมนสิการ ให้เกิดการเข้าใจรับรู้ได้ ลงใจว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อเรามาก พิจารณาไประลึกถึงไปจนเห็นคุณของพระพุทธเจ้าว่า พระพุทธเจ้าท่านมีพระคุณต่อเราเหลือเกิน เหมือนกับเราอยู่ในภายใต้ร่มเงาแห่งความสงบของพระพุทธเจ้า รู้สึกได้ถึงขนาดนั้น ตัวนี้จะทําให้เกิดสัทธินทรีย์ เป็นตัวที่จะประคองความเพียรของเราอย่างฉันทะเพิ่มขึ้น
เมตตา เพราะว่าจิตหยาบๆ จิตพื้นด้านนอก ผิวนอกของจิต เป็นปฏิฆะ กระทบง่าย เป็นปฏิฆะ เป็นพยาบาท เวลาเจอสิ่งที่ถูกใจมันเฉยๆ สังเกตไหม สิ่งถูกใจ บางทีก็ดีแต่มันเฉยๆ แต่ว่าไปกระทบกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ มันไม่ค่อยเฉยใช่ไหม เพราะมันอยู่ผิวด้านนอกของมัน พอกระทบกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ มันมีปฏิฆะ หงุดหงิด ไม่ชอบ แต่ถ้าไปเจอกับสิ่งที่ถูกใจ มันเฉยๆได้นะบางที แต่สิ่งที่ไม่ถูกใจไม่ค่อยเฉยนะ เพราะว่ามันอยู่ผิวนอกของมัน เพราะฉะนั้นตัวที่จะคอยกำราบ เหมือนกระดาษทรายที่คอยขัดเกลาผิวนอกที่ขรุขระอยู่ให้เรียบ จิตเหมือนกันที่หยาบๆอยู่นี้ขัดเกลาด้วยการแผ่เมตตา ถ้าเราอยู่ในวัดมาปฏิบัติธรรมเราก็เอาจากคณะผู้ปฏิบัติด้วยกัน นี่มี 20-30 คนดูไปทีละคนเลย แผ่ไปทีละคน รู้สึกไปทีกับคน ให้มันเกิดความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดี ไปในบุคคลนั้นและยอมรับในตัวบุคคลนั้นว่า เขาก็มีลักษณะเฉพาะมีกรรมเป็นของเขาเอง เราก็มีกรรมเป็นของเราเอง อะไรที่มันเป็นส่วนทําให้เขาต้องได้รับความทุกข์ อะไรที่มีส่วนทําให้เขาต้องประสบกับอุปสรรคของชีวิตของการภาวนาก็ขอแผ่เมตตานี้ให้เขาได้ผ่านสิ่งนั้นๆไปอย่างโดยสวัสดีเถิด คือ จิตถ้าเกิดขึ้นมาแบบนี้มันจะขัดเกลาทําให้มันนุ่มขึ้น สลับกับการดูให้ตัวรู้บ่มความตั้งมั่นไปด้วย จิตจะนุ่มแล้วจะเอื้อ จะกรุณา จะเกิดการสนับสนุนต่อการภาวนาได้ง่ายขึ้น
อสุภะ ยามที่ตัวรู้นิ่งรู้อยู่ในอิริยาบถที่เราเดินอยู่ก็ดีหรือนั่งอยู่ก็ดี เวลาเรานั่งเก้าอี้หรือนั่งเล่น แต่ว่าเราอยู่กับตัวผู้รู้ เอามันดูอสุภะด้วย ดูกายให้เป็นอสุภะ เวลาดูให้เป็นอสุภะดูอย่างไร ตัวรู้อยู่นี่ ถ้าดูไปที่มือที่แขนเอามือจับ จากผิวหนังดูมันลงไป แหวกผิวหนังนี้ลงไป เห็นเป็นเลือด เห็นเป็นเปลวมัน เห็นเป็นพังพืด เห็นเป็นเนื้อ เห็นเป็นลิ่มเนื้อ เห็นเป็นเส้นเอ็น เส้นเลือด แล้วก็เห็นเป็นกระดูก ใช้สัญญาเข้าช่วยนะ กระดูกแล้วลึกๆลงไปก็เป็นเยื่อในกระดูก จุดเดียวทิ่มมันลงไป มันเป็นอสุภสัญญา สัญญาชนิดที่เป็นอสุภะ ด้วยตัวรู้ที่มีสติเข้าไปทำการตัวนี้อยู่ แตะไป แตะไป หัดดูบ้าง แล้วก็ดูไปทั้งตัว เพราะว่าตัวนี้จะเป็นตัวที่สำรอกราคานุสัยที่มีอยู่ภายใน ซึ่งเป็นชั้นหนึ่งต่อจากปฏิฆานุสัย ให้รู้จักมุมมองที่เป็นจริงที่ไม่งามนี้ด้วย
เมตตากับอสุภะจะทําให้กามฉันท์นิวรณ์และพยาบาทนิวรณ์เกิดยากขึ้น การเข้าสู่อารมณ์อันเดียวของจิตก็จะง่ายขึ้น ตัวที่ถูกต้องที่สุดของจิตในการเจริญอบรมจิตตภาวนา แรกสุดต้องเดินออกจากนิวรณ์ก่อน
ตัวหลักคือ อานาปานสติ และก็ต้องมีตัวประคองคือ เมตตา อสุภะ และอีกตัวหนึ่งคือ มรณสติ มรณสตินี่ยกนอกจากพุทธานุสสติ เจริญมรณสติตัวเดียวได้ทั้งหมดเลย เราต้องพิจารณาไปให้เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมดาที่จะต้องมีกับตัวเอง เวลาพิจารณามรณสติอย่าไปพิจารณามรณสติที่รูปนามอื่นนะ ต้องพิจารณาที่รูปนามนี้ ของตัวเองนี้ อสุภะก็ดี มรณสติก็ดี ความตายก็ดี การเจริญอสุภะก็ดี ต้องพิจารณาเจริญในรูปนามนี้ อย่าไปเจริญในรูปนามอื่น แม้ไปเห็นซากศพอื่นๆตั้งนอนอยู่ข้างนอก เราพิจารณาอย่างไรก็จะไม่เป็นธรรมะ จะเป็นธรรมะเมื่อเราน้อมเข้ามาที่รูปนามนี้จึงจะเป็นธรรมะขึ้นมา อันนี้เรียกว่า ข้อกรรมฐานประคองประคองเพื่อให้ตัวกรรมฐานหลัก คือ อานาปานสติของเราเดินได้ง่าย จิตเข้าสู่อารมณ์อันเดียวได้ง่าย นิวรณ์เกิดยาก ก็พยายามปรับเปลี่ยนทำ ไม่ใช่ว่าเพิ่มงานนะแต่มันเป็นเรื่องที่ควรทํา จริงๆไม่ได้เพิ่มงานนะลดด้วยซ้ำ ลดงานลงมาเยอะเลยนะ ของเราไม่ค่อยเน้นเรื่องทําวัตรเช้า ทําวัตรเย็นก็ไม่ค่อยเน้น เอาเวลาให้มันเยอะที่สุด ถ้าทําวัตรหรือสวดมนต์กินเวลาเยอะมาก เราไปใช้ที่บ้านก็ได้ ไม่ได้ว่าไม่ดีนะ ไม่ใช่ไม่ดีแต่ว่าโอกาสในการที่เราจะทําวัตร โอกาสที่เราจะสวดมนต์มันมีเยอะ เพราะไม่ได้ยากเย็นอะไร มันมีหนังสือมีรูปแบบของมันอยู่ แต่โอกาสที่จะภาวนา ฟังเทศน์ฟังธรรมนี่มันยาก