
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-10 ธ.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
กายที่ตั้งอยู่ก็เป็นรูปธาตุ ลมที่เข้าออกก็เป็นรูปธาตุ จิตที่ตั้งอยู่ที่ฐานเป็นจิตธาตุ สติที่ทําหน้าที่เข้าไปรู้ลมนั่นก็เป็นนามธาตุ ความคิดความนึกที่ผุดขึ้นมาในขณะที่สติรู้ลมอยู่นั้นก็เป็นนามธาตุ
ถ้ามันไหลหลุดออกไปก็เข้าสู่ความเพียรทันที ขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน นิวรณ์ทั้ง ๕ มันเกิดขึ้นไม่ได้นะถ้านิ่งอยู่ที่ฐานมีสติรู้ลมอยู่ พอมันเกิดปั๊บ รู้ เกิดความชอบ จิตหยั่งออกไป นี่รู้ พอรู้ปั๊บจิตจะกลับมาที่ฐานทันที
จิตนิ่งตั้งที่ฐาน อุปาทานขันธ์มันก็หยุดทํางาน ในขณะที่อยู่ที่ฐานแล้วก็รู้ลม อุปาทานขันธ์มันก็หยุดทํางาน อุปาทานขันธ์หยุดทํางานหมายความว่ามันไม่มีเรา ไม่มีความเป็นเราอยู่ อุปาทานขันธ์คืออะไร? อุปาทานขันธ์ก็คือรูปขันธ์ รูปขันธ์คือกายทั้งกาย พร้อมด้วยลมหายใจที่เข้าที่ออก นั่นมันเป็นขันธ์ การยึดมั่นถือมั่นในขันธ์นั้นว่าเป็นเรา มันหยุด เพราะในขณะที่จิตตั้งอยู่ที่ฐาน นิ่งรู้ตรงต่อลมหายใจ มันแค่นิ่งกับรู้ มันไม่มีอะไรที่ไปเป็นเราได้เลย ในตัวนิ่งตัวรู้นี่มันไม่มีอะไรที่เป็นเราเข้าได้เลย นั่นเรียกว่าหยุดอุปาทานในรูปขันธ์
ความรู้สึกที่เป็นเวทนา ทั้งสบายไม่สบายหรือเฉยๆทั้งหมดนั้น มันก็หยุดอุปาทานในเวทนาขันธ์ เพราะจิตตัวที่นิ่งรู้ตรงต่อลมออกลมเข้านั้น มันมีแต่นิ่งกับรู้ มันไม่มีอะไรที่จะเข้าไปปรุงในส่วนที่เป็นเวทนา หยุดอุปาทานในเวทนาขันธ์โดยธรรมชาติ ไม่ใช่เราพยายามไปหยุดมัน เพียงแค่เรานิ่งรู้เฉยอยู่ที่ฐานตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้ คือ ลมหายใจออกลมหายใจเข้าเท่านั้น อันนั้นแหละเป็นความตั้งมั่นของจิต
ขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน รู้ตรงต่อลมหายใจออก ต่อลมหายใจเข้า ไม่มีคําว่าออก ไม่มีคําว่าเข้า ไม่มีคําว่าหายใจออก ไม่มีคําว่าหายใจเข้าไปสําทับ ถ้ามีคําว่าหายใจออกหายใจเข้าไปสําทับ นั่นเป็นสัญญาขึ้นมา นิ่งรู้ตรงๆตามความเป็นจริงที่มันรู้สึกได้ เข้าก็เรื่องของมัน ออกก็เรื่องของมัน สติทําหน้าที่แค่รู้ จิตก็นิ่ง เราไม่ต้องทําอะไรเลย มีอะไรผลุบโผล่ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความนึก หรือ ความคิด หรือ เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่โผล่ขึ้นมา ก็ทําหน้าที่แค่รู้เท่านั้น ทําอย่างอื่นไม่ได้ พอรู้ปั๊บเขาก็จะดับไป พอทําหน้าที่แค่รู้มันก็จะแยกสภาวะ จิตคงตั้งมั่นอยู่ที่ฐาน สิ่งที่ปรากฏนั้นก็ปรากฏตามสภาพธรรมชาติของมัน เกิดก็เป็นเกิด ดับก็เป็นดับ สติทําหน้าที่เข้าไปรู้ตามความเป็นจริงที่มันเกิด สติเข้าไปรู้ตามความเป็นจริงที่มันดับ การเข้าไปรู้นั้น เข้ามันเข้าไปเอง เพียงแต่ผู้ปฏิบัติรู้ตัวในขณะที่มีสภาวะนั้นปรากฏ ตัวที่รู้ตัวนั่นแหละ เรียกว่า สมฺปชาโน
ในขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน รู้ตรงต่อลมหายใจออกต่อลมหายใจเข้า มีสภาวะอันใดปรากฏ สัมปชัญญะจะทํางานทันที ว่ามันรู้ตัวว่ามีสิ่งที่ปรากฏ สติเข้าไปรู้สิ่งนั้นสมฺปชาโน กับสติมา มันก็จะทํางานสลับกันไปสลับกันมา เป็นองค์ประกอบของความตั้งมั่น เรียกว่า ความตั้งมั่นที่มี อาตาปี สมฺปชาโน สติมาองค์ประกอบมันครบบริบูรณ์ สภาพจิต ณ ขณะนั้นมันก็หยุดรักหยุดชังในโลก เป็น วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ เป็นองค์ประกอบความเพียรแห่งสติปัฏฐาน นิ่งรู้ มีความคิดแลบ ความคิดแลบอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้น ก็รู้ ความคิดแลบนี่แหละ มันจะขึ้นมาเยอะ รู้ตัวว่ามีความคิดแลบ ในขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐานนี้มันมีการรู้ตัวว่ามีความคิดแลบ สติเข้าไปรู้ความคิดแลบอันนั้น พอมันดับไปก็รู้ว่าดับไป นิ่งอยู่ที่ฐานต่อเนื่องไปอย่างนั้น
สภาวะที่จิตมันนิ่งอยู่ที่ฐานแล้วก็รู้ลม เป็นอันเดียวต่อเนื่องนานๆ นั่นแหละเป็นฐานของ เอโกทิโภติหรือ เอโกทิภาวะ ตัวเอโกทิภาวะนั่นแหละเป็นตัวเติม เพิ่มพลังของจิต เพิ่มพลังของสมาธิ เพิ่มพลังของสติ และเป็นตัวที่ลดความฟุ้งซ่าน ตัวเอโกทิภาวะหรือเอโกทิโภติจะเป็นตัวที่จะทําให้เราเข้าสมาธิได้ง่าย เมื่อเกิดสภาวะนี้ หมายความว่า จิตนิ่งอยู่ที่ฐานเป็นอารมณ์อันเดียวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ บ่อยๆ มีกําลัง ต่อไปมันจะทําให้เข้าสมาธิได้รวดเร็วมาก แค่ลมหายใจ ๒ คู่ ๓ คู่ เข้าสู่ฐานปั๊บ นิ่งเลย เข้าสู่ฐานปั๊บมันนิ่งเลย เพราะจิตมันเคยมีประสบการณ์ เคยเรียนรู้จากสภาวะที่ชื่อ เอโกทิโภติหรือ เอโกทิภาวะ หรือ ความเป็นหนึ่งเดียวของจิต สภาวะที่นิ่ง เฉย แล้วก็รู้ แค่รู้ แค่รู้ แค่รู้ สภาพจิตชนิดนี้เขาเรียกว่า เป็นจิตที่ไม่ห่างจากฌาน เป็นจิตที่เป็นตัวตั้งต้นที่จะเกิดดวงตา ที่จะรู้เห็นสิ่งที่ปรากฏตรงๆจากตัวของจิต ตามความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏ#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-10 ธ.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
กายที่ตั้งอยู่ก็เป็นรูปธาตุ ลมที่เข้าออกก็เป็นรูปธาตุ จิตที่ตั้งอยู่ที่ฐานเป็นจิตธาตุ สติที่ทําหน้าที่เข้าไปรู้ลมนั่นก็เป็นนามธาตุ ความคิดความนึกที่ผุดขึ้นมาในขณะที่สติรู้ลมอยู่นั้นก็เป็นนามธาตุ
ถ้ามันไหลหลุดออกไปก็เข้าสู่ความเพียรทันที ขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน นิวรณ์ทั้ง ๕ มันเกิดขึ้นไม่ได้นะถ้านิ่งอยู่ที่ฐานมีสติรู้ลมอยู่ พอมันเกิดปั๊บ รู้ เกิดความชอบ จิตหยั่งออกไป นี่รู้ พอรู้ปั๊บจิตจะกลับมาที่ฐานทันที
จิตนิ่งตั้งที่ฐาน อุปาทานขันธ์มันก็หยุดทํางาน ในขณะที่อยู่ที่ฐานแล้วก็รู้ลม อุปาทานขันธ์มันก็หยุดทํางาน อุปาทานขันธ์หยุดทํางานหมายความว่ามันไม่มีเรา ไม่มีความเป็นเราอยู่ อุปาทานขันธ์คืออะไร? อุปาทานขันธ์ก็คือรูปขันธ์ รูปขันธ์คือกายทั้งกาย พร้อมด้วยลมหายใจที่เข้าที่ออก นั่นมันเป็นขันธ์ การยึดมั่นถือมั่นในขันธ์นั้นว่าเป็นเรา มันหยุด เพราะในขณะที่จิตตั้งอยู่ที่ฐาน นิ่งรู้ตรงต่อลมหายใจ มันแค่นิ่งกับรู้ มันไม่มีอะไรที่ไปเป็นเราได้เลย ในตัวนิ่งตัวรู้นี่มันไม่มีอะไรที่เป็นเราเข้าได้เลย นั่นเรียกว่าหยุดอุปาทานในรูปขันธ์
ความรู้สึกที่เป็นเวทนา ทั้งสบายไม่สบายหรือเฉยๆทั้งหมดนั้น มันก็หยุดอุปาทานในเวทนาขันธ์ เพราะจิตตัวที่นิ่งรู้ตรงต่อลมออกลมเข้านั้น มันมีแต่นิ่งกับรู้ มันไม่มีอะไรที่จะเข้าไปปรุงในส่วนที่เป็นเวทนา หยุดอุปาทานในเวทนาขันธ์โดยธรรมชาติ ไม่ใช่เราพยายามไปหยุดมัน เพียงแค่เรานิ่งรู้เฉยอยู่ที่ฐานตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้ คือ ลมหายใจออกลมหายใจเข้าเท่านั้น อันนั้นแหละเป็นความตั้งมั่นของจิต
ขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน รู้ตรงต่อลมหายใจออก ต่อลมหายใจเข้า ไม่มีคําว่าออก ไม่มีคําว่าเข้า ไม่มีคําว่าหายใจออก ไม่มีคําว่าหายใจเข้าไปสําทับ ถ้ามีคําว่าหายใจออกหายใจเข้าไปสําทับ นั่นเป็นสัญญาขึ้นมา นิ่งรู้ตรงๆตามความเป็นจริงที่มันรู้สึกได้ เข้าก็เรื่องของมัน ออกก็เรื่องของมัน สติทําหน้าที่แค่รู้ จิตก็นิ่ง เราไม่ต้องทําอะไรเลย มีอะไรผลุบโผล่ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความนึก หรือ ความคิด หรือ เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่โผล่ขึ้นมา ก็ทําหน้าที่แค่รู้เท่านั้น ทําอย่างอื่นไม่ได้ พอรู้ปั๊บเขาก็จะดับไป พอทําหน้าที่แค่รู้มันก็จะแยกสภาวะ จิตคงตั้งมั่นอยู่ที่ฐาน สิ่งที่ปรากฏนั้นก็ปรากฏตามสภาพธรรมชาติของมัน เกิดก็เป็นเกิด ดับก็เป็นดับ สติทําหน้าที่เข้าไปรู้ตามความเป็นจริงที่มันเกิด สติเข้าไปรู้ตามความเป็นจริงที่มันดับ การเข้าไปรู้นั้น เข้ามันเข้าไปเอง เพียงแต่ผู้ปฏิบัติรู้ตัวในขณะที่มีสภาวะนั้นปรากฏ ตัวที่รู้ตัวนั่นแหละ เรียกว่า สมฺปชาโน
ในขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน รู้ตรงต่อลมหายใจออกต่อลมหายใจเข้า มีสภาวะอันใดปรากฏ สัมปชัญญะจะทํางานทันที ว่ามันรู้ตัวว่ามีสิ่งที่ปรากฏ สติเข้าไปรู้สิ่งนั้นสมฺปชาโน กับสติมา มันก็จะทํางานสลับกันไปสลับกันมา เป็นองค์ประกอบของความตั้งมั่น เรียกว่า ความตั้งมั่นที่มี อาตาปี สมฺปชาโน สติมาองค์ประกอบมันครบบริบูรณ์ สภาพจิต ณ ขณะนั้นมันก็หยุดรักหยุดชังในโลก เป็น วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ เป็นองค์ประกอบความเพียรแห่งสติปัฏฐาน นิ่งรู้ มีความคิดแลบ ความคิดแลบอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้น ก็รู้ ความคิดแลบนี่แหละ มันจะขึ้นมาเยอะ รู้ตัวว่ามีความคิดแลบ ในขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐานนี้มันมีการรู้ตัวว่ามีความคิดแลบ สติเข้าไปรู้ความคิดแลบอันนั้น พอมันดับไปก็รู้ว่าดับไป นิ่งอยู่ที่ฐานต่อเนื่องไปอย่างนั้น
สภาวะที่จิตมันนิ่งอยู่ที่ฐานแล้วก็รู้ลม เป็นอันเดียวต่อเนื่องนานๆ นั่นแหละเป็นฐานของ เอโกทิโภติหรือ เอโกทิภาวะ ตัวเอโกทิภาวะนั่นแหละเป็นตัวเติม เพิ่มพลังของจิต เพิ่มพลังของสมาธิ เพิ่มพลังของสติ และเป็นตัวที่ลดความฟุ้งซ่าน ตัวเอโกทิภาวะหรือเอโกทิโภติจะเป็นตัวที่จะทําให้เราเข้าสมาธิได้ง่าย เมื่อเกิดสภาวะนี้ หมายความว่า จิตนิ่งอยู่ที่ฐานเป็นอารมณ์อันเดียวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ บ่อยๆ มีกําลัง ต่อไปมันจะทําให้เข้าสมาธิได้รวดเร็วมาก แค่ลมหายใจ ๒ คู่ ๓ คู่ เข้าสู่ฐานปั๊บ นิ่งเลย เข้าสู่ฐานปั๊บมันนิ่งเลย เพราะจิตมันเคยมีประสบการณ์ เคยเรียนรู้จากสภาวะที่ชื่อ เอโกทิโภติหรือ เอโกทิภาวะ หรือ ความเป็นหนึ่งเดียวของจิต สภาวะที่นิ่ง เฉย แล้วก็รู้ แค่รู้ แค่รู้ แค่รู้ สภาพจิตชนิดนี้เขาเรียกว่า เป็นจิตที่ไม่ห่างจากฌาน เป็นจิตที่เป็นตัวตั้งต้นที่จะเกิดดวงตา ที่จะรู้เห็นสิ่งที่ปรากฏตรงๆจากตัวของจิต ตามความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏ#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร