
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-8 ก.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต นอนน้อยๆ
แต่ถ้ามันจะหลับก็คือ ประกอบความเพียรเพื่อให้มันตื่น
ไปอ่านดูนะ หลวงพ่อก็จําไม่แม่นว่า พระพุทธเจ้าให้พระโมคคัลลานะ ทดสอบการไล่ความง่วงกี่ขั้นตอน แต่มีขั้นตอนหนึ่ง ท่านให้ทําความเพียร ล้างหน้า ลืมตา มองท้องฟ้า พระโมคคัลลานะขี้ง่วงมาก ขี้ง่วงจริงๆ แกไม่ไหวเลย ไปนั่งอยู่ที่ถ้ำ กลางวันก็ง่วง กลางคืนก็ง่วง เช้าก็ง่วง เย็นก็ง่วง นอนเต็มอิ่มแล้วก็ง่วง ไม่รู้จะทําอย่างไร พระพุทธเจ้าเสด็จไปหาที่ถ้ำ พระพุทธเจ้าบอกวิธีแก้ง่วง เดินก็จะหลับ หลับทั้งเดิน ไม่ใช่หลับทั้งยืนนะ หลับทั้งเดิน มันว่ากันไม่ได้ เพราะว่าพื้นฐานในการใช้ชีวิตเราบางคนใช้ความคิดเยอะๆทํางาน ต้องคิดโน่นคิดนี่ สมองเดือดอยู่ตลอดเวลาสําหรับการทำงาน แล้วทีนี้ตัวสมองมันเพลียมาก มันโค่นเฆี่ยนตีเสียน่วม อวิชชาก็ยิ้มสบายแล้ว คนนี้ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็หลับ
แต่การง่วงการหลับไม่ใช่ความผิดนะ พระพุทธเจ้าบอกว่า
เมื่อธรรมชาติ ๕ อย่างตื่น ธรรมชาติ ๕ อย่างหลับ
ธรรมชาติ ๕ อย่างหลับ ธรรมชาติ ๕ อย่างตื่น
อาตมาก็ง่วง ง่วงจนน้ำตาออกแต่มันไม่หลับ ง่วงจนแสบตา ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเราชนะมันได้ อยู่กับมันได้สบายๆ ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าจะกล้าเอานิวรณ์ไปวางไว้ในอารมณ์ของวิปัสสนา อารมณ์ของวิปัสสนาในสติปัฏฐานคือนิวรณ์ ๕ โดยเฉพาะตัวความง่วง มันเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ ถ้าจิตที่ตั้งมั่นเห็นความง่วงได้ และดูมันจนมันดับไปต่อหน้าต่อตาจิตที่ตั้งมั่น อาโลโก อุทปาทิ มันจะเกิดความสว่างไสวขึ้น แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะว่าพรรคพวกบริวารมันคิดว่า กายทั้งกายเป็นของมัน และใจก็พร้อมที่จะไปเป็นกับมัน คือทั้งกายทั้งใจเป็นพวกมันไปหมดแล้ว แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับมัน
ต่อแต่นี้เราก็จะนั่งกันสักหนึ่งบัลลังก์นะ นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดํารงสติเฉพาะหน้า
ดํารงสติอยู่เฉพาะหน้านี้เอาหลวมๆ รู้สึกอยู่เฉพาะหน้าส่วนบน ครอบคลุมไปตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายขวา ขึ้นไปจนถึงศีรษะ แล้วก้มหน้าไปนิดหนึ่ง รู้สึกหน้าส่วนบน แล้วหยุดการหายใจ นิ่งๆ แล้วก็หายใจออก ให้สังเกตดู จะเห็นแกนกลางของจิตอยู่บริเวณนิมิตที่ฐานนั้น ถ้าใครไม่ได้ก็ทําดูใหม่นะ
วางความรู้สึกไว้เหนือบริเวณหน้าส่วนบน ครอบคลุมมาตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายขวา ช่องคอแล้วก็หน้าศีรษะส่วนบน อยู่แบบหลวมๆ เหมือนโลหะสีใสๆสวมครอบอยู่
เมื่อใดที่มีสติเข้าไปรู้ลมกระทบ แสดงว่าเขากั้นจิตไว้ที่ฐาน รวดเร็ว ที่วางไว้กว้างๆนั้น มันก็จะรวมเข้ามา รวมเข้ามาอยู่ตรงไหนก็ช่างของเขา เพียงแต่มีสติเข้าไปรู้ลมกระทบออก สติเข้าไปรู้ลมกระทบเข้า ไม่ใช่จิตนะ
มีสติหายใจออกอยู่ มีสติหายใจเข้าอยู่ เมื่อจิตนิ่งเฉยอิสระ ลมจะปรากฏ ๔ แบบ
แบบที่ ๑ เป็นลมยาว โดยที่เราไม่ต้องไปกําหนดว่ายาวหรอกนะ เดี๋ยวมันจะรู้เองเมื่อมีลมสั้น ลมเข้ายาวออกยาว ก็รู้ตรงที่มันกระทบ รู้ตามความเป็นจริง ลมกระทบเข้า รู้ ลมกระทบออก รู้ ลมเข้าสั้นออกสั้น ลมกระทบออก รู้ ลมกระทบเข้า รู้ ลมที่เข้ายาวออกยาว จะค่อยๆสั้นลงของมัน มันสั้นลงไปเรื่อยๆก็เรื่องของมัน สั้นลงแต่น้อยก็เรื่องของมัน แต่นี่คือ ลมเข้ายาวออกยาว ลมเข้าสั้นออกสั้น แล้วลมเข้ายาวออกยาว บางทีมันลมเข้ายาว รู้ แล้วมันก็หยุดนะ แล้วพอลมออกยาว มันรู้ แต่บางจังหวะก็การหายใจ มันมีลมเข้าลมออกด้วย คือ จังหวะมันเร็วมาก มันกลายเป็นลมเข้าแล้วออก มันจึงเป็น ลมเข้ายาว รู้ ลมออกยาว รู้ ลมเข้าออกยาว รู้ ลมยาวจะมีอยู่ ๓ แบบ ทําจนมันละเอียด จนกายสงบ ใจสงบ ลมก็จะสั้นเข้ามา
ลมเข้าสั้นออกสั้น รู้ ลมเข้าสั้น รู้ ลมออกสั้น รู้ ลมเข้าสั้นลมออกสั้น รู้ สั้นละเอียด จิตนิ่งสงบ
มันเกิดสภาวะของการรู้ลมทั้งปวง ลมทั้งปวง คือ ลมที่เข้ายาว ลมที่ออกยาว ลมที่เข้าสั้น ลมที่ออกสั้น อันนี้เรียกลมทั้งปวง รวมถึงการหายใจที่ไม่มีการกระทบรวมอยู่ด้วย รวมอยู่ในลมทั้งปวง
อย่าลืมคําพระพุทธเจ้า สภาวะใดเกิดก็แค่รู้ ดับไปก็แค่รู้
ตอนนี้ ขยับนิ้วมือขวา จิตนิ่งสงบอยู่ รู้สึก ยกมือซ้ายขึ้น มีสติรู้ จิตนิ่งสงบ มือซ้ายวางไว้ที่เข่าข้างซ้าย ขยับนิ้วมือขวา สติรู้มือขวา เคลื่อนมือขวาไปวางไว้ที่เข่าข้างขวา กลับมานิ่งรู้เฉยอยู่ ผงกหน้านิดหนึ่งแล้วก็ลืมตาออกจากสมาธิ
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-8 ก.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
อปฺปมิทฺโธ โหติ ชาคริยํ อนุยุตฺโต นอนน้อยๆ
แต่ถ้ามันจะหลับก็คือ ประกอบความเพียรเพื่อให้มันตื่น
ไปอ่านดูนะ หลวงพ่อก็จําไม่แม่นว่า พระพุทธเจ้าให้พระโมคคัลลานะ ทดสอบการไล่ความง่วงกี่ขั้นตอน แต่มีขั้นตอนหนึ่ง ท่านให้ทําความเพียร ล้างหน้า ลืมตา มองท้องฟ้า พระโมคคัลลานะขี้ง่วงมาก ขี้ง่วงจริงๆ แกไม่ไหวเลย ไปนั่งอยู่ที่ถ้ำ กลางวันก็ง่วง กลางคืนก็ง่วง เช้าก็ง่วง เย็นก็ง่วง นอนเต็มอิ่มแล้วก็ง่วง ไม่รู้จะทําอย่างไร พระพุทธเจ้าเสด็จไปหาที่ถ้ำ พระพุทธเจ้าบอกวิธีแก้ง่วง เดินก็จะหลับ หลับทั้งเดิน ไม่ใช่หลับทั้งยืนนะ หลับทั้งเดิน มันว่ากันไม่ได้ เพราะว่าพื้นฐานในการใช้ชีวิตเราบางคนใช้ความคิดเยอะๆทํางาน ต้องคิดโน่นคิดนี่ สมองเดือดอยู่ตลอดเวลาสําหรับการทำงาน แล้วทีนี้ตัวสมองมันเพลียมาก มันโค่นเฆี่ยนตีเสียน่วม อวิชชาก็ยิ้มสบายแล้ว คนนี้ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็หลับ
แต่การง่วงการหลับไม่ใช่ความผิดนะ พระพุทธเจ้าบอกว่า
เมื่อธรรมชาติ ๕ อย่างตื่น ธรรมชาติ ๕ อย่างหลับ
ธรรมชาติ ๕ อย่างหลับ ธรรมชาติ ๕ อย่างตื่น
อาตมาก็ง่วง ง่วงจนน้ำตาออกแต่มันไม่หลับ ง่วงจนแสบตา ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วเราชนะมันได้ อยู่กับมันได้สบายๆ ไม่อย่างนั้นพระพุทธเจ้าจะกล้าเอานิวรณ์ไปวางไว้ในอารมณ์ของวิปัสสนา อารมณ์ของวิปัสสนาในสติปัฏฐานคือนิวรณ์ ๕ โดยเฉพาะตัวความง่วง มันเป็นอารมณ์ของนิวรณ์ ถ้าจิตที่ตั้งมั่นเห็นความง่วงได้ และดูมันจนมันดับไปต่อหน้าต่อตาจิตที่ตั้งมั่น อาโลโก อุทปาทิ มันจะเกิดความสว่างไสวขึ้น แต่มันก็ไม่ง่าย เพราะว่าพรรคพวกบริวารมันคิดว่า กายทั้งกายเป็นของมัน และใจก็พร้อมที่จะไปเป็นกับมัน คือทั้งกายทั้งใจเป็นพวกมันไปหมดแล้ว แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับมัน
ต่อแต่นี้เราก็จะนั่งกันสักหนึ่งบัลลังก์นะ นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดํารงสติเฉพาะหน้า
ดํารงสติอยู่เฉพาะหน้านี้เอาหลวมๆ รู้สึกอยู่เฉพาะหน้าส่วนบน ครอบคลุมไปตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายขวา ขึ้นไปจนถึงศีรษะ แล้วก้มหน้าไปนิดหนึ่ง รู้สึกหน้าส่วนบน แล้วหยุดการหายใจ นิ่งๆ แล้วก็หายใจออก ให้สังเกตดู จะเห็นแกนกลางของจิตอยู่บริเวณนิมิตที่ฐานนั้น ถ้าใครไม่ได้ก็ทําดูใหม่นะ
วางความรู้สึกไว้เหนือบริเวณหน้าส่วนบน ครอบคลุมมาตั้งแต่หัวไหล่ซ้ายขวา ช่องคอแล้วก็หน้าศีรษะส่วนบน อยู่แบบหลวมๆ เหมือนโลหะสีใสๆสวมครอบอยู่
เมื่อใดที่มีสติเข้าไปรู้ลมกระทบ แสดงว่าเขากั้นจิตไว้ที่ฐาน รวดเร็ว ที่วางไว้กว้างๆนั้น มันก็จะรวมเข้ามา รวมเข้ามาอยู่ตรงไหนก็ช่างของเขา เพียงแต่มีสติเข้าไปรู้ลมกระทบออก สติเข้าไปรู้ลมกระทบเข้า ไม่ใช่จิตนะ
มีสติหายใจออกอยู่ มีสติหายใจเข้าอยู่ เมื่อจิตนิ่งเฉยอิสระ ลมจะปรากฏ ๔ แบบ
แบบที่ ๑ เป็นลมยาว โดยที่เราไม่ต้องไปกําหนดว่ายาวหรอกนะ เดี๋ยวมันจะรู้เองเมื่อมีลมสั้น ลมเข้ายาวออกยาว ก็รู้ตรงที่มันกระทบ รู้ตามความเป็นจริง ลมกระทบเข้า รู้ ลมกระทบออก รู้ ลมเข้าสั้นออกสั้น ลมกระทบออก รู้ ลมกระทบเข้า รู้ ลมที่เข้ายาวออกยาว จะค่อยๆสั้นลงของมัน มันสั้นลงไปเรื่อยๆก็เรื่องของมัน สั้นลงแต่น้อยก็เรื่องของมัน แต่นี่คือ ลมเข้ายาวออกยาว ลมเข้าสั้นออกสั้น แล้วลมเข้ายาวออกยาว บางทีมันลมเข้ายาว รู้ แล้วมันก็หยุดนะ แล้วพอลมออกยาว มันรู้ แต่บางจังหวะก็การหายใจ มันมีลมเข้าลมออกด้วย คือ จังหวะมันเร็วมาก มันกลายเป็นลมเข้าแล้วออก มันจึงเป็น ลมเข้ายาว รู้ ลมออกยาว รู้ ลมเข้าออกยาว รู้ ลมยาวจะมีอยู่ ๓ แบบ ทําจนมันละเอียด จนกายสงบ ใจสงบ ลมก็จะสั้นเข้ามา
ลมเข้าสั้นออกสั้น รู้ ลมเข้าสั้น รู้ ลมออกสั้น รู้ ลมเข้าสั้นลมออกสั้น รู้ สั้นละเอียด จิตนิ่งสงบ
มันเกิดสภาวะของการรู้ลมทั้งปวง ลมทั้งปวง คือ ลมที่เข้ายาว ลมที่ออกยาว ลมที่เข้าสั้น ลมที่ออกสั้น อันนี้เรียกลมทั้งปวง รวมถึงการหายใจที่ไม่มีการกระทบรวมอยู่ด้วย รวมอยู่ในลมทั้งปวง
อย่าลืมคําพระพุทธเจ้า สภาวะใดเกิดก็แค่รู้ ดับไปก็แค่รู้
ตอนนี้ ขยับนิ้วมือขวา จิตนิ่งสงบอยู่ รู้สึก ยกมือซ้ายขึ้น มีสติรู้ จิตนิ่งสงบ มือซ้ายวางไว้ที่เข่าข้างซ้าย ขยับนิ้วมือขวา สติรู้มือขวา เคลื่อนมือขวาไปวางไว้ที่เข่าข้างขวา กลับมานิ่งรู้เฉยอยู่ ผงกหน้านิดหนึ่งแล้วก็ลืมตาออกจากสมาธิ
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร