
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 8-12 ธ.ค. 66 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
เข้าไปสู่ตัวรู้ที่เป็นอิสระ นิ่งรู้อยู่อย่างอิสระก่อน ทําตามที่เคยฝึกฝนอบรมมาอย่างต่อเนื่อง ดูว่าตัวนิ่งรู้อย่างอิสระ แล้วมันนิ่งรู้อยู่อย่างนั้น ลองไม่ต้องไปทําอะไรกับเขาอยู่ในประมาณหนึ่ง จนนิ่งรู้ตรงต่อลมธรรมดา ปกติสบายๆ ก็อยู่รู้ลมเป็นกิจหลักไป รู้ลมโดยเป็นกิจหลัก แต่ไม่ได้ไปปัก หมาย กําหนด ไว้เฉพาะลม ลมเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ถูกรู้หรือแค่รู้ แค่ถูกรู้ตามธรรมชาติ ในขณะเดียวกัน รู้ก็ไปรู้กายส่วนอื่นในกายนี้ได้ด้วย นิ่งรู้อย่างสงบตามสิ่งที่ถูกรู้ซึ่งปรากฏจริงตามธรรมชาติ ไม่มีเป้าหมาย ในเวลา ในกิริยาอะไร ให้รู้เขาทํางานไปอย่างอิสระ ถ้าเขาลอยออกไปข้างนอก ดู ณ ขณะนั้นรู้ ไม่ได้นิ่งรู้ ไม่เป็นอิสระแล้ว เราก็เข้าสภาวะรู้ที่เป็นอิสระ นิ่งรู้อย่างอิสระใหม่ อารทฺธวิริย คือ การปรารภความเพียร คือ ให้นิ่งรู้อย่างอิสระ เมื่อตัวรู้หลุดออกไปข้างนอก ถูกความคิดเข้าไปแทรกแซง ถูกอะไรเข้าไปแทรกแซง ถูกอดีต ถูกอนาคต ถูกอารมณ์อื่นๆเข้าไปแทรกแซงจิต ทําให้ตัวรู้ออกไปจากกาย ไม่ต้องไปทําอะไรอื่นนะ แค่เข้าสภาวะที่นิ่งรู้อย่างอิสระใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วให้รู้นั้นทําหน้าที่รู้ของเขาไปอย่างอิสระ กับสิ่งที่ถูกรู้ที่ปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเขาทํางานได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ก็วางไว้อยู่กับลม ให้เขาทําหน้าที่ในการรู้ลม โดยไม่ต้องกําหนดว่ายาว ว่าสั้น ว่าหยุด แต่ว่ารู้เขาเข้าไปรู้ในขณะที่ลมออก รู้ก็รู้ลมที่กระทบออกของเขาไป ในขณะที่ลมเข้า รู้ก็รู้ลมกระทบเข้าของเขาไป ในจังหวะที่ลมหยุด รู้ก็นิ่งรู้อยู่กับสภาวะที่มันไม่มีสภาพธรรมใดปรากฏ ถ้ามีสภาพธรรมใดปรากฏที่เป็นกายก็รู้ไป ให้เขารู้ของเขาไป เราก็ไม่ต้องทำหน้าที่แทรกแซงในการยกไป ย้ายมา กำหนดไป กำหนดมา ให้เขานิ่งรู้ของเขาอย่างอิสระ ทำงานอย่างต่อเนื่องไปแต่ละขณะ
รู้ไปเรื่อยๆ ไม่ไปคาดหมายด้วยอํานาจของสัญญาใดๆ ถ้าไปคาดหมาย มีสัญญาขึ้นมา มันก็จะไปให้ค่าต่อสิ่งที่ถูกรู้ เมื่อให้ค่าต่อสิ่งที่ถูกรู้ ก็จะปรุงแต่ง ถ้ามันเกิดสภาวะเช่นนี้ เราไม่ต้องทําอะไร กลับไปที่รู้นิ่งรู้อย่างอิสระที่เดิม ตอนนี้เน้นสภาวะรู้นิ่งอยู่อิสระ แล้วก็ไม่ต้องไปตั้งใจตกแต่งเขา ไม่ต้องตั้งใจไปตกแต่งรู้ ถ้าหากว่าตั้งใจเข้าไปตกแต่งรู้ แสดงว่าพยายามที่จะเอาเราไปรวมกับรู้
ถ้าไม่มั่นใจหรือแยกไม่ออกว่ารู้กับเราเป็นอย่างไร ก็เข้าช่องในการทำกิจที่ฝึกฝนมา ดํารงสติเฉพาะหน้าก่อน สำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจแยกไม่ออกว่าเราหรือรู้ ดํารงสติเฉพาะหน้าก่อน รู้อยู่เฉพาะหน้า ระลึก รู้ ไปวางไว้ที่นิมิต ถ้าแยกไม่ออกก็ปฏิบัติตามนั้น เอาจิตผู้รู้ที่อยู่ที่นิมิตนี้ รู้ลม ทําลมยาว กลาง เบา ให้เขารู้ลมกระทบ ยาว กลาง เบา จากนั้นให้รู้อยู่นิ่งๆที่นิมิต ปล่อยลมเป็นธรรมชาติธรรมดาไม่ต้องไปกําหนดอะไร รู้ก็ทําหน้าที่รู้ รู้ลมที่มันออกตามธรรมชาติของลมออก รู้ลมเข้าตามธรรมชาติของลมเข้า นิ่งรู้อยู่กับลมที่มันหยุดก็ตามธรรมชาติของลมที่มันหยุด ลมมีออก มีเข้า มีหยุด จังหวะที่ลมหยุด นิ่งรู้อยู่อย่างอิสระ จังหวะที่มีลมเข้า นิ่งรู้อยู่อย่างอิสระต่อการรู้ลมเข้า รู้เบาๆ สบายๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้มุ่งหวัง ไม่ได้โฟกัส ไม่ได้ล็อคเป้าอะไร มันรู้ของมันเอง รู้เขารู้ของเขาเอง เพียรรู้อย่างนี้ไป ถ้าไม่ชัด ไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ก็ถอยกลับไปอีก ดํารงสติอยู่เฉพาะหน้า สงบกายให้รู้ตั้งขึ้นอย่างอิสระ ปรารภอยู่อย่างนี้
รู้นิ่งอิสระ มันอยู่ในบริบทของรู้ ไม่มีรูปร่าง ไม่มีความสําคัญหมายในรูปร่าง ไม่มีความสูงความต่ำ ไม่มีความกว้างความแคบ ไม่มีเหลี่ยมไม่มีมุมไม่มีป้าน ไม่มีหนักเบา ไม่มีอธิบายได้อย่างอื่น นอกจากบอกได้คําเดียวว่ารู้ นิ่งอย่างอิสระ และก็ทําหน้าที่รู้สิ่งที่ถูกรู้ตามที่ปรากฏ ลมหายใจออกมา รู้ ลมหายใจเข้ามา เขาก็รู้ ลมหายใจออกมา เขาก็รู้ ลมหายใจเข้ามา เขาก็รู้ ลมหายใจหยุด เขาก็รู้ นี่เป็นสภาวะที่ปรากฏ อยู่ที่นิมิต บางครั้งมีความอึดอัดเพราะนิมิต อาจจะเกร็งเกินไป เชิดเกินไป แหงนหน้าเกินไป อันนี้เรียกว่าปรับกาย ให้เหมาะกับรู้ ให้สัปปายะกับการเป็นที่อาศัยของรู้
ความจ้องความเพ่งเล็งในโลกจากการที่จิตเข้าไปเสวยอารมณ์อันใดอันหนึ่งในโลก ด้วยอํานาจของอวิชชามันหยุดชะงักลง จากการไหลการตกไปของจิตในสิ่งที่ชอบที่ยินดีก็หยุดลง จิตรู้นิ่งเป็นอิสระตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้อันเป็นธรรมชาติ รู้มีกําลัง ตื่น ทําให้ถีนมิทธะ คือ ความง่วงความหลับก็หายไป ขณะที่การเพียรรู้ตรงๆอย่างต่อเนื่องดําเนินไปยังติดต่อ ความฟุ้งของจิตก็หยุด ความลังเลสงสัยก็หยุด ระวังเส้นบางๆที่มันอยู่ ความเพลิน ความง่วง ความหลับ ความขี้เกียจ ความบิดกาย จะเป็นที่ตั้งของกามฉันทะกับถีนมิทธะ
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 8-12 ธ.ค. 66 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
เข้าไปสู่ตัวรู้ที่เป็นอิสระ นิ่งรู้อยู่อย่างอิสระก่อน ทําตามที่เคยฝึกฝนอบรมมาอย่างต่อเนื่อง ดูว่าตัวนิ่งรู้อย่างอิสระ แล้วมันนิ่งรู้อยู่อย่างนั้น ลองไม่ต้องไปทําอะไรกับเขาอยู่ในประมาณหนึ่ง จนนิ่งรู้ตรงต่อลมธรรมดา ปกติสบายๆ ก็อยู่รู้ลมเป็นกิจหลักไป รู้ลมโดยเป็นกิจหลัก แต่ไม่ได้ไปปัก หมาย กําหนด ไว้เฉพาะลม ลมเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ถูกรู้หรือแค่รู้ แค่ถูกรู้ตามธรรมชาติ ในขณะเดียวกัน รู้ก็ไปรู้กายส่วนอื่นในกายนี้ได้ด้วย นิ่งรู้อย่างสงบตามสิ่งที่ถูกรู้ซึ่งปรากฏจริงตามธรรมชาติ ไม่มีเป้าหมาย ในเวลา ในกิริยาอะไร ให้รู้เขาทํางานไปอย่างอิสระ ถ้าเขาลอยออกไปข้างนอก ดู ณ ขณะนั้นรู้ ไม่ได้นิ่งรู้ ไม่เป็นอิสระแล้ว เราก็เข้าสภาวะรู้ที่เป็นอิสระ นิ่งรู้อย่างอิสระใหม่ อารทฺธวิริย คือ การปรารภความเพียร คือ ให้นิ่งรู้อย่างอิสระ เมื่อตัวรู้หลุดออกไปข้างนอก ถูกความคิดเข้าไปแทรกแซง ถูกอะไรเข้าไปแทรกแซง ถูกอดีต ถูกอนาคต ถูกอารมณ์อื่นๆเข้าไปแทรกแซงจิต ทําให้ตัวรู้ออกไปจากกาย ไม่ต้องไปทําอะไรอื่นนะ แค่เข้าสภาวะที่นิ่งรู้อย่างอิสระใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วให้รู้นั้นทําหน้าที่รู้ของเขาไปอย่างอิสระ กับสิ่งที่ถูกรู้ที่ปรากฏอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเขาทํางานได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ก็วางไว้อยู่กับลม ให้เขาทําหน้าที่ในการรู้ลม โดยไม่ต้องกําหนดว่ายาว ว่าสั้น ว่าหยุด แต่ว่ารู้เขาเข้าไปรู้ในขณะที่ลมออก รู้ก็รู้ลมที่กระทบออกของเขาไป ในขณะที่ลมเข้า รู้ก็รู้ลมกระทบเข้าของเขาไป ในจังหวะที่ลมหยุด รู้ก็นิ่งรู้อยู่กับสภาวะที่มันไม่มีสภาพธรรมใดปรากฏ ถ้ามีสภาพธรรมใดปรากฏที่เป็นกายก็รู้ไป ให้เขารู้ของเขาไป เราก็ไม่ต้องทำหน้าที่แทรกแซงในการยกไป ย้ายมา กำหนดไป กำหนดมา ให้เขานิ่งรู้ของเขาอย่างอิสระ ทำงานอย่างต่อเนื่องไปแต่ละขณะ
รู้ไปเรื่อยๆ ไม่ไปคาดหมายด้วยอํานาจของสัญญาใดๆ ถ้าไปคาดหมาย มีสัญญาขึ้นมา มันก็จะไปให้ค่าต่อสิ่งที่ถูกรู้ เมื่อให้ค่าต่อสิ่งที่ถูกรู้ ก็จะปรุงแต่ง ถ้ามันเกิดสภาวะเช่นนี้ เราไม่ต้องทําอะไร กลับไปที่รู้นิ่งรู้อย่างอิสระที่เดิม ตอนนี้เน้นสภาวะรู้นิ่งอยู่อิสระ แล้วก็ไม่ต้องไปตั้งใจตกแต่งเขา ไม่ต้องตั้งใจไปตกแต่งรู้ ถ้าหากว่าตั้งใจเข้าไปตกแต่งรู้ แสดงว่าพยายามที่จะเอาเราไปรวมกับรู้
ถ้าไม่มั่นใจหรือแยกไม่ออกว่ารู้กับเราเป็นอย่างไร ก็เข้าช่องในการทำกิจที่ฝึกฝนมา ดํารงสติเฉพาะหน้าก่อน สำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจแยกไม่ออกว่าเราหรือรู้ ดํารงสติเฉพาะหน้าก่อน รู้อยู่เฉพาะหน้า ระลึก รู้ ไปวางไว้ที่นิมิต ถ้าแยกไม่ออกก็ปฏิบัติตามนั้น เอาจิตผู้รู้ที่อยู่ที่นิมิตนี้ รู้ลม ทําลมยาว กลาง เบา ให้เขารู้ลมกระทบ ยาว กลาง เบา จากนั้นให้รู้อยู่นิ่งๆที่นิมิต ปล่อยลมเป็นธรรมชาติธรรมดาไม่ต้องไปกําหนดอะไร รู้ก็ทําหน้าที่รู้ รู้ลมที่มันออกตามธรรมชาติของลมออก รู้ลมเข้าตามธรรมชาติของลมเข้า นิ่งรู้อยู่กับลมที่มันหยุดก็ตามธรรมชาติของลมที่มันหยุด ลมมีออก มีเข้า มีหยุด จังหวะที่ลมหยุด นิ่งรู้อยู่อย่างอิสระ จังหวะที่มีลมเข้า นิ่งรู้อยู่อย่างอิสระต่อการรู้ลมเข้า รู้เบาๆ สบายๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้มุ่งหวัง ไม่ได้โฟกัส ไม่ได้ล็อคเป้าอะไร มันรู้ของมันเอง รู้เขารู้ของเขาเอง เพียรรู้อย่างนี้ไป ถ้าไม่ชัด ไม่มั่นใจ ไม่แน่ใจ ก็ถอยกลับไปอีก ดํารงสติอยู่เฉพาะหน้า สงบกายให้รู้ตั้งขึ้นอย่างอิสระ ปรารภอยู่อย่างนี้
รู้นิ่งอิสระ มันอยู่ในบริบทของรู้ ไม่มีรูปร่าง ไม่มีความสําคัญหมายในรูปร่าง ไม่มีความสูงความต่ำ ไม่มีความกว้างความแคบ ไม่มีเหลี่ยมไม่มีมุมไม่มีป้าน ไม่มีหนักเบา ไม่มีอธิบายได้อย่างอื่น นอกจากบอกได้คําเดียวว่ารู้ นิ่งอย่างอิสระ และก็ทําหน้าที่รู้สิ่งที่ถูกรู้ตามที่ปรากฏ ลมหายใจออกมา รู้ ลมหายใจเข้ามา เขาก็รู้ ลมหายใจออกมา เขาก็รู้ ลมหายใจเข้ามา เขาก็รู้ ลมหายใจหยุด เขาก็รู้ นี่เป็นสภาวะที่ปรากฏ อยู่ที่นิมิต บางครั้งมีความอึดอัดเพราะนิมิต อาจจะเกร็งเกินไป เชิดเกินไป แหงนหน้าเกินไป อันนี้เรียกว่าปรับกาย ให้เหมาะกับรู้ ให้สัปปายะกับการเป็นที่อาศัยของรู้
ความจ้องความเพ่งเล็งในโลกจากการที่จิตเข้าไปเสวยอารมณ์อันใดอันหนึ่งในโลก ด้วยอํานาจของอวิชชามันหยุดชะงักลง จากการไหลการตกไปของจิตในสิ่งที่ชอบที่ยินดีก็หยุดลง จิตรู้นิ่งเป็นอิสระตรงต่อสิ่งที่ถูกรู้อันเป็นธรรมชาติ รู้มีกําลัง ตื่น ทําให้ถีนมิทธะ คือ ความง่วงความหลับก็หายไป ขณะที่การเพียรรู้ตรงๆอย่างต่อเนื่องดําเนินไปยังติดต่อ ความฟุ้งของจิตก็หยุด ความลังเลสงสัยก็หยุด ระวังเส้นบางๆที่มันอยู่ ความเพลิน ความง่วง ความหลับ ความขี้เกียจ ความบิดกาย จะเป็นที่ตั้งของกามฉันทะกับถีนมิทธะ