
Sign up to save your podcasts
Or


คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มี.ค. 68 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
ในขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน ที่เขารู้ลมอยู่นี่ ณ ขณะนั้นถ้าจะคิดก็คิดใน ๕ เรื่องเป็นหลัก ก็เรียกว่า ถ้าจิตมันนิ่งอยู่ที่ฐานมันรู้ลมอยู่ อยู่ที่ฐานมันรู้อิริยาบถอยู่ อยู่ที่ฐานมันคุยกันอยู่ อยู่ที่ฐานมันฟังธรรมกันอยู่ ในระหว่างนั้นถ้าจะคิดก็คิดอยู่ ๕ เรื่อง เขาเรียกว่าสัญญา ๕ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา มรณสัญญา อาหาเรปฏิกูลสัญญา และสัพพโลเกอนภิรตสัญญา
ภายในตัวเรามันไม่มีอะไรอื่น มีแค่รูปกับนาม ก็คือกายกับอาการของจิต กายมันก็แสดงอาการของมันออกมา จิตมันก็แสดงอาการของมันออกมา อาการทั้งหมดทั้งกายและจิต ทั้ง ๒ อย่างนี้ที่เกิดขึ้นในขณะ เรียกว่าเกิดเฉพาะหน้า ไม่ได้แสดงอาการอย่างอื่น มันแสดงความไม่เที่ยงออกมา การแสดงความไม่เที่ยง คือว่าแสดงความไม่คงที่
นั่งทํากายนิ่ง จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน ดูให้เห็น ดูไปตรงๆ แล้วก็อย่าไปพยายามดูในสิ่งที่มันไม่เกิดเฉพาะหน้า เอาสิ่งที่เกิดเฉพาะหน้าที่มันเกิด สิ่งเฉพาะหน้าที่มันเกิดมันก็เหมือนกับลมหายใจ ที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐานแล้วเข้าไปรู้ลม เพราะลมมันเกิด อาการของกายอาการของใจที่มันปรากฏเฉพาะหน้า ปรากฎเฉพาะหน้าคือปรากฏต่อหน้าต่อตาของจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐาน ในแต่ละขณะๆ ความมึน ความอึดอัด ที่เป็นความรู้สึก บางทีไม่รู้จักด้วย ไม่รู้จักชื่อว่ามันอะไรแต่มันเป็นความรู้สึก นั่นก็คือสภาวะที่เกิดเฉพาะหน้าเหมือนกัน
ทําไมจิตต้องนิ่งอยู่ที่ฐาน? ก็เพราะต้องถอยเข้าไป ให้มันเกิดการดูของจิต ถ้าไม่นิ่งอยู่ที่ฐาน จิตก็จะไหลเข้าไปในสภาวะที่มันเกิด ถ้าจิตไหลเข้าไปนั่นนะมันก็ปรุงแต่ง อันนั้นเป็นเส้นทางของอวิชชา เราก็ต้องฝึกอย่างนี้ จับมันให้ได้ ดูมันให้เห็น ด้วยตัวของจิตเอง อย่างนี้เรียก อนิจจสัญญา
อีกอันหนึ่งที่ทําในใจ คือ อนัตตสัญญา อนัตตสัญญาหมายความว่า มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่มีอยู่น่ะมันไม่มีอยู่จริง ดูอะไรที่มีอยู่ ที่มีอยู่น่ะมันไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอันใดที่มันแสดงตัวออกมา ก็ดูมันดูสิ่งนั้นแหละที่มันมีอยู่นั้นน่ะ คือมันไม่มีอยู่จริง ถ้าดูแรกๆใหม่ๆ จิตมันจะเถียง “ไม่มีอยู่จริงได้อย่างไรล่ะ มันมีอยู่” ก็ที่มันมีอยู่นั่นแหละมันไม่มีอยู่จริง มันจะแสดงตัวออกมาอย่างไร? ที่มันมีอยู่เพราะอะไร? มันมีอยู่เพราะองค์ประกอบ เพราะองค์ประกอบเหตุปัจจัยทั้งหลายมันประกอบกันเข้าทําให้เป็นสิ่งนี้ นี่เรียกว่ามันมีอยู่ แต่เป็นสิ่งนี้ที่มันมีอยู่น่ะมันไม่มีอยู่จริง
คําว่า “อนัตตา” คือมันไม่มีตัวตน ตัวตนน่ะมันไม่มีอยู่จริง มันแค่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่ประกอบกันเข้าเท่านั้นเอง แล้วเหตุปัจจัยนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทีนี้ดูกายทั้งกายก็ได้ ดูอิริยาบถ นั่งอยู่นี่ นั่งอยู่มีอยู่ แต่นั่งอยู่ที่มีอยู่นี้มันไม่มีอยู่จริง ถ้ามีอยู่จริงมันต้องนั่งได้ตลอด และมันสามารถสั่งการได้ว่า “จงนั่งอย่างนี้ตลอดต่อไปเรื่อยๆ ห้ามลุกขึ้น ห้ามเปลี่ยนแปลง” แต่ในที่สุดมันทําไม่ได้ ทําไมถึงทําไม่ได้? เพราะมันไม่มีอยู่จริง อาการที่มันไม่มีอยู่จริงนี่แหละเรียกอนัตตา
แม้นแต่ร่างกายทั้งร่างนี้ มันเกิดมาจากอะไร? เกิดมาจากธาตุทั้ง ๕ มีดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ที่แค่นๆแข็งๆนั่นเรียกธาตุดิน ที่เอิบอาบนั่นเรียกว่าน้ำ ที่ไหวไปมานั่นลม ที่อุ่นร้อนนั่นไฟ แล้วก็ช่องว่างทั้งหลายเป็นอากาศธาตุ ทั้ง ๕ อย่างนี้มันเกาะกุมกันอยู่ มันจึงเป็นกายนี้ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อธาตุทั้ง ๔ ไม่เกาะกุมกันอยู่ ดินที่ออกไปมันก็ไปเป็นอย่างอื่น ลมออกไปไปเป็นอย่างอื่น ไฟออกไปไปเป็นอย่างอื่น น้ำออกไปก็ไปเป็นอย่างอื่น คําว่า “กาย” นี้มันก็หายไป อาการที่กายที่มีอยู่แล้วมันไม่มีอยู่จริง คือ มันหายไป นั่นแหละเรียกว่าอนัตตา การทําในใจอย่างนี้เรียกว่า อนัตตสัญญา
ทำจนจิตมันยอมรับเข้าใจและก็รู้อย่างประจักษ์กับใจว่า กายนี้ไม่มีอยู่จริงด้วยตัวของจิต พอมันรู้ว่านี้กายไม่มีอยู่จริง การที่จะไปหลงกายนี้ว่าเป็นของเรามันก็หายไป ก็สามารถที่จะทําลายสักกายทิฏฐิในการหลงกายว่าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้ ด้วยตัวของจิตเองนะไม่ใช่ด้วยสมอง ไม่ได้อาศัยความคิด แต่วิธีการที่ให้ทําในใจเป็นอนัตตสัญญา ก็คือว่า ให้จิตนิ่งอยู่ที่ฐานแล้วดูตรงต่อสภาวะที่มันเกิดเฉพาะหน้า คือที่จิตมันเข้าไปรับทราบได้ในขณะนั้น แต่ละอย่าง แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น แล้วก็ดูมันไปตรงๆเฉยๆ เห็นว่ามันไม่มีอยู่จริง ที่มีอยู่น่ะที่มันปรากฏนั้นน่ะไม่มีอยู่จริงได้ อันนั้นแหละเรียกว่า อนันตสัญญา
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มี.ค. 68 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
ในขณะที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน ที่เขารู้ลมอยู่นี่ ณ ขณะนั้นถ้าจะคิดก็คิดใน ๕ เรื่องเป็นหลัก ก็เรียกว่า ถ้าจิตมันนิ่งอยู่ที่ฐานมันรู้ลมอยู่ อยู่ที่ฐานมันรู้อิริยาบถอยู่ อยู่ที่ฐานมันคุยกันอยู่ อยู่ที่ฐานมันฟังธรรมกันอยู่ ในระหว่างนั้นถ้าจะคิดก็คิดอยู่ ๕ เรื่อง เขาเรียกว่าสัญญา ๕ อนิจจสัญญา อนัตตสัญญา มรณสัญญา อาหาเรปฏิกูลสัญญา และสัพพโลเกอนภิรตสัญญา
ภายในตัวเรามันไม่มีอะไรอื่น มีแค่รูปกับนาม ก็คือกายกับอาการของจิต กายมันก็แสดงอาการของมันออกมา จิตมันก็แสดงอาการของมันออกมา อาการทั้งหมดทั้งกายและจิต ทั้ง ๒ อย่างนี้ที่เกิดขึ้นในขณะ เรียกว่าเกิดเฉพาะหน้า ไม่ได้แสดงอาการอย่างอื่น มันแสดงความไม่เที่ยงออกมา การแสดงความไม่เที่ยง คือว่าแสดงความไม่คงที่
นั่งทํากายนิ่ง จิตนิ่งอยู่ที่ฐาน ดูให้เห็น ดูไปตรงๆ แล้วก็อย่าไปพยายามดูในสิ่งที่มันไม่เกิดเฉพาะหน้า เอาสิ่งที่เกิดเฉพาะหน้าที่มันเกิด สิ่งเฉพาะหน้าที่มันเกิดมันก็เหมือนกับลมหายใจ ที่จิตนิ่งอยู่ที่ฐานแล้วเข้าไปรู้ลม เพราะลมมันเกิด อาการของกายอาการของใจที่มันปรากฏเฉพาะหน้า ปรากฎเฉพาะหน้าคือปรากฏต่อหน้าต่อตาของจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐาน ในแต่ละขณะๆ ความมึน ความอึดอัด ที่เป็นความรู้สึก บางทีไม่รู้จักด้วย ไม่รู้จักชื่อว่ามันอะไรแต่มันเป็นความรู้สึก นั่นก็คือสภาวะที่เกิดเฉพาะหน้าเหมือนกัน
ทําไมจิตต้องนิ่งอยู่ที่ฐาน? ก็เพราะต้องถอยเข้าไป ให้มันเกิดการดูของจิต ถ้าไม่นิ่งอยู่ที่ฐาน จิตก็จะไหลเข้าไปในสภาวะที่มันเกิด ถ้าจิตไหลเข้าไปนั่นนะมันก็ปรุงแต่ง อันนั้นเป็นเส้นทางของอวิชชา เราก็ต้องฝึกอย่างนี้ จับมันให้ได้ ดูมันให้เห็น ด้วยตัวของจิตเอง อย่างนี้เรียก อนิจจสัญญา
อีกอันหนึ่งที่ทําในใจ คือ อนัตตสัญญา อนัตตสัญญาหมายความว่า มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าที่มีอยู่น่ะมันไม่มีอยู่จริง ดูอะไรที่มีอยู่ ที่มีอยู่น่ะมันไม่มีอยู่จริง สิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอันใดที่มันแสดงตัวออกมา ก็ดูมันดูสิ่งนั้นแหละที่มันมีอยู่นั้นน่ะ คือมันไม่มีอยู่จริง ถ้าดูแรกๆใหม่ๆ จิตมันจะเถียง “ไม่มีอยู่จริงได้อย่างไรล่ะ มันมีอยู่” ก็ที่มันมีอยู่นั่นแหละมันไม่มีอยู่จริง มันจะแสดงตัวออกมาอย่างไร? ที่มันมีอยู่เพราะอะไร? มันมีอยู่เพราะองค์ประกอบ เพราะองค์ประกอบเหตุปัจจัยทั้งหลายมันประกอบกันเข้าทําให้เป็นสิ่งนี้ นี่เรียกว่ามันมีอยู่ แต่เป็นสิ่งนี้ที่มันมีอยู่น่ะมันไม่มีอยู่จริง
คําว่า “อนัตตา” คือมันไม่มีตัวตน ตัวตนน่ะมันไม่มีอยู่จริง มันแค่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่ประกอบกันเข้าเท่านั้นเอง แล้วเหตุปัจจัยนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทีนี้ดูกายทั้งกายก็ได้ ดูอิริยาบถ นั่งอยู่นี่ นั่งอยู่มีอยู่ แต่นั่งอยู่ที่มีอยู่นี้มันไม่มีอยู่จริง ถ้ามีอยู่จริงมันต้องนั่งได้ตลอด และมันสามารถสั่งการได้ว่า “จงนั่งอย่างนี้ตลอดต่อไปเรื่อยๆ ห้ามลุกขึ้น ห้ามเปลี่ยนแปลง” แต่ในที่สุดมันทําไม่ได้ ทําไมถึงทําไม่ได้? เพราะมันไม่มีอยู่จริง อาการที่มันไม่มีอยู่จริงนี่แหละเรียกอนัตตา
แม้นแต่ร่างกายทั้งร่างนี้ มันเกิดมาจากอะไร? เกิดมาจากธาตุทั้ง ๕ มีดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ ที่แค่นๆแข็งๆนั่นเรียกธาตุดิน ที่เอิบอาบนั่นเรียกว่าน้ำ ที่ไหวไปมานั่นลม ที่อุ่นร้อนนั่นไฟ แล้วก็ช่องว่างทั้งหลายเป็นอากาศธาตุ ทั้ง ๕ อย่างนี้มันเกาะกุมกันอยู่ มันจึงเป็นกายนี้ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อธาตุทั้ง ๔ ไม่เกาะกุมกันอยู่ ดินที่ออกไปมันก็ไปเป็นอย่างอื่น ลมออกไปไปเป็นอย่างอื่น ไฟออกไปไปเป็นอย่างอื่น น้ำออกไปก็ไปเป็นอย่างอื่น คําว่า “กาย” นี้มันก็หายไป อาการที่กายที่มีอยู่แล้วมันไม่มีอยู่จริง คือ มันหายไป นั่นแหละเรียกว่าอนัตตา การทําในใจอย่างนี้เรียกว่า อนัตตสัญญา
ทำจนจิตมันยอมรับเข้าใจและก็รู้อย่างประจักษ์กับใจว่า กายนี้ไม่มีอยู่จริงด้วยตัวของจิต พอมันรู้ว่านี้กายไม่มีอยู่จริง การที่จะไปหลงกายนี้ว่าเป็นของเรามันก็หายไป ก็สามารถที่จะทําลายสักกายทิฏฐิในการหลงกายว่าเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาได้ ด้วยตัวของจิตเองนะไม่ใช่ด้วยสมอง ไม่ได้อาศัยความคิด แต่วิธีการที่ให้ทําในใจเป็นอนัตตสัญญา ก็คือว่า ให้จิตนิ่งอยู่ที่ฐานแล้วดูตรงต่อสภาวะที่มันเกิดเฉพาะหน้า คือที่จิตมันเข้าไปรับทราบได้ในขณะนั้น แต่ละอย่าง แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น แล้วก็ดูมันไปตรงๆเฉยๆ เห็นว่ามันไม่มีอยู่จริง ที่มีอยู่น่ะที่มันปรากฏนั้นน่ะไม่มีอยู่จริงได้ อันนั้นแหละเรียกว่า อนันตสัญญา
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร