ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)

ปฏิจจสมุปบาท (2/3) โยนิโสมนสิการ วัดสระกะเทียม 19 มี.ค. 67


Listen Later

หลวงพ่อเจ้าคุณพระกิตติวิมลเมธี (สุชีพ สุธมฺโม) วัดบุปผาราม วรวิหารบรรยายธรรมหัวข้อ "ปฏิจจสมุปบาท" ให้แก่คณะสงฆ์ผู้มาอบรมในโครงการฝึกอบรม พระคณาจารย์ด้านกรรมฐานทุนเล่าเรียนหลวง ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ณ วัดสระกะเทียม นครปฐมวันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗


ปฏิจจสมุปบาท คือ การไต่สวนมูลทุกข์ ถ้าท่านอ่านในคําภีร์ไม่ว่าเป็น วิสุทธิมรรค วิมุตติมรรค หรือ อรรถกถาต่างๆ เวลาเขียนเรื่องของปฏิจจสมุปบาท มันจะเกิดการข้ามภพข้ามชาติ ผมไม่มาเพื่อเป็นอริกับคัมภีร์ไหนนะ แต่ผมจะนำพาท่านเข้าสู่ปฏิจจสมุปบาทในฉบับที่เป็นพุทธประสงค์ ที่ท่านฟังแล้วท่านรู้สึกได้ ท่านสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นปฏิจจสมุปบาท คือ การไต่สวนมูลทุกข์ ว่ามีก้อนทุกข์ก้อนนี้ เมื่อไต่สวนมูลของมันลงไป มันไปสุดอยู่ที่อวิชชา ทุกข์ที่อยู่ในกายในใจนี้ ทุกๆสรรพทุกข์ เวลาปรากฏขึ้นมา เราไต่สวนมูลลงไป มันเป็นสุดอยู่ที่อวิชชา ถ้าจับจากอวิชชาไล่มา อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ และก็ชรา พร้อมด้วยทุกข์ทั้งปวงเกิดขึ้น พอจับจากทุกข์ไล่มาภพ ชาติ อุปาทาน มาสุดที่อวิชชา จับจากอวิชชาก็ไปสุดอยู่ที่ทุกข์ มีเท่านี้สายนี้ ทุกๆความทุกข์ที่ท่านรู้สึกว่าท่านเป็นทุกข์ อยู่ที่รูปนามนี้มันเป็นทุกข์ ทุกข์เหล่านั้นทั้งหมดถ้าไต่สวนมูลมันลงไป มันจะไปจบสุดที่อวิชชา ไล่จากอวิชชาขึ้นมาก็จะสุดอยู่ที่ทุกข์ มันมีที่รูปนามกายใจนี้ที่นั่งตั้งนิ่งอยู่ตรงนี้ ท่านคิดว่าท่านมีทุกข์ไหม ทุกรูปนามนี้เป็นทุกข์หมดเลย และทุกข์ทั้งหมดไต่สวนมูลลงไปมันเป็นสุดที่อวิชชา

เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ

เหตุแห่งความทุกข์ทั้งปวงเกิดมีขึ้นได้ด้วยประการอย่างนี้

พระพุทธเจ้าท่านสรุปไว้ ไต่สวนมูลลงไปปั๊บเจอทุกข์อย่างนี้ แล้วทำอย่างไร ตัวที่สําคัญที่สุดคือตัวอวิชชา ที่ท่านบอกเป็นปฏิจจสมุปบาท คือว่า อาศัยการเกิดขึ้นพร้อมกัน ถ้าท่านสามารถจะเข้าไปจุดไหนก็ได้ เข้าไปจุดผัสสะก็ได้ เข้าไปจุดเวทนาก็ได้ เข้าไปจุดอายตนะก็ได้ เข้าไปจุดไหนก็ได้ เมื่อเข้าไปแล้วจับจุดตรงนั้นให้ได้ หยุดนิ่ง ให้มันขาดสะบั้น เหมือนกับเหรียญบาทที่เป็นวงกลม เราไม่รู้ตัวไหนเป็นตัวเริ่มต้น เราก็เข้าไปจับสักจุดหนึ่งแล้วเราก็จะหยุดตรงนั้นได้ ถ้าเราหยุดที่ผัสสะ เวทนาไม่เกิด ถ้าเราหยุดที่เวทนา ตัณหาไม่เกิด ถ้าตัณหาไม่เกิด ตัณหาดับ อุปาทานดับ ภพดับ ชาติดับ อวิชชาดับ วิชชาเกิดทันที ถ้าเป็นหยุดที่ผัสสะ ผัสสะไม่เป็นปัจจัยแห่งเวทนา ถ้ารู้เท่าทันที่ผัสสะเวทนาจะไม่เกิด ไปจับอายตนะ ผัสสะไม่เกิดก็หยุดได้ ไปจับนามรูป อายตนะไม่เกิดก็หยุดได้ ไปจับวิญญาณ นามรูปไม่เกิดก็หยุดได้ ไปจับสังขาร สังขารดับ วิญญาณไม่เกิดมันก็หยุดได้ ไปจับอวิชชา อวิชชาไม่เกิด สังขารก็ไม่เกิด จับตรงไหนทุกข์จะหยุดขาดสะบั้นเลย จับได้หมดเลย หมายความว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นกลไกกระบวนการทางจิตล้วนๆ ในจิตที่ยังไม่ตาย ในนามรูปมีธรรมชาติที่เคลื่อนไหวอยู่ ๑ สายแล้ว สายนี้เรียกว่าสายที่ทําให้มันเกิดความทุกข์ และอีกสายหนึ่งเมื่อจับอวิชชาได้ สายที่ทำให้ไม่ทุกข์ พ้นจากความทุกข์ ที่ขึ้นต้นด้วยวิชชา เพราะอวิชชาดับ สังขารดับ วิญญาณดับ นามรูปดับ อายตนะดับ ผัสสะดับ เวทนาดับ ตัณหาดับ อุปาทานดับ ภพดับ ชาติดับ ทุกข์ทั้งปวงก็ดับ ปัญหาคือว่าในธรรมชาติ ๒ สายนี้ เราดําเนินด้วยสายไหน


หลักเข้าใจสภาพจิตง่ายๆ ภวังคจิต คือ ภาวะที่จิตไม่เข้าไปเสวยอารมณ์อะไร อยู่ในกายนิ่งๆมีอยู่ตลอดเวลา เพราะว่ามันเสวยอารมณ์ตลอดเวลาไม่ได้ มันเห็น เห็นเสร็จ มันจะไปได้ยินเลยไม่ได้ พอเห็นเสร็จ มันต้องกลับมาเป็นการเห็นดับนั้นก่อน เวลาการเห็นดับจิตจะกลับมาสู่ภวังคจิต พอสู่ภวังคจิตแล้วมันจึงจะไปฟัง ท่านฟังผมอยู่ สังเกตไหม มันหายไปเป็นระยะๆ เวลาทุกครั้งที่มันหายไปนั่นแหละคือมันดับ เข้าไปสู่ภวังคจิต

ภวังคจิตแต่ละขณะที่ดับจากการเสวยอารมณ์ของจิต มันจะสะสมกรรมทั้งหมดตกมาวิบากกับภวังคจิต ในขณะจิตที่เป็นปัจจุบัน พอเป็นภวังคจิตนิ่งอยู่ยังไม่ได้เสวยอารมณ์อะไร เมื่อจะออกไปเสวยอารมณ์ เรียก ปฏิสนธิจิต ปฏิเสธจิตที่กําลังจะไปจุติเกิดเป็นจิตที่เสพอารมณ์แต่ละขณะมันจะหอบกรรมไปด้วย กรรมตัวที่ไปกับปฏิสนธิจิตเราเรียกว่า ชนกกรรม พระพุทธเจ้าตรัส

กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายาติ กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและปราณีตต่างกัน

กรรมตัวนี้อยู่ที่ภวังคจิตที่มันเสพเป็นวิบากตกผลึกออกมา พอจะไปเสวยอารมณ์ก็เป็นปฏิสนธิจิต และลักษณะเฉพาะที่ออกไปจากภวังคจิตไปกับปฏิสนธิจิต เรียก ชนกกรรม


#อานาปานสติ #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน

#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน

#ปฏิจจสมุปบาท #อวิชชา

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)