หลังจากที่ผมเขียนบทความยาวๆมาเยอะแล้ว ในสัปดาห์นี้ผมเลยเขียนความรู้สึกเล็กน้อยๆที่ผ่านมาหลายเดือนมานี้ ที่ไม่เยอะพอเป็นบทความได้มารวมตรงนี้เลย
- ขอพูดเรื่องส่วนตัวสักหน่อยว่านับตั้งแต่ผมย้ายรายการมาทำที่ Spreaker มาผมรู้สึกสบายขึ้นเยอะเลยแม้มันจะช้ามากก็ตาม แต่ผมก็ไม่มีปัญหาในการย้ายบ้านใหม่เพราะดีกว่าต้องโดนลบบ่อยๆจนหลายๆตอนไม่สามารถออกอากาศได้ และผมคิดว่าสถานีวิทยุจุฬาก็คงไม่สนใจหรอกไม่งั้นคงไม่บ่อยตอนให้ดาวน์โหลดที่หน้าเว็บเป็นแน่แท้
- ในช่วงนี้ผมกำลังสนใจที่จะเรียนการจูนเปียโนแบบจริงๆจังๆ เพราะต้องยอมรับว่าช่วงนี้งานประจำที่ผมทำไม่สามารถสร้างรายได้ที่มากพอให้ผม แต่ผมก็กังวลเกี่ยวแนวทางในการทำงานนี้ว่ามันจะมีเปียโนมากพอให้จูนรึไม่และจะสามารถเก่งกับมันได้รึเปล่า แต่ผมก็จะลองศึกษาความเป็นไปได้ก่อนตัดสินใจจะทำมันจริงๆอีกที่
- และช่วงนี้ช่องพอตแคสต์อีกช่องที่ผมทำซึ้งเป็นตอนที่ออกเป็นพิเศษจาก NAS ของผมที่ไม่ได้เปิดให้ใครฟังจากที่เคยได้เขียนถึงไว้ตอนต้นปี แต่เนื่องจากธุระที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำเจอปัญหาฟังไม่ทันจนได้ แต่ผมก็ไม่ได้หยุดเพิ่มตอนใหม่เลยก็ทำให้ดินพอกหางหมูอย่างต่อเนื่อง ผมก็จะพยายามไล่ฟังต่อไปและอีกอย่างวงส่วนใหญ่ปิดซีซี่นกันก็เลยพอจะไล่ตามอยู่บ้างแต่ก็คงเหนื่อยหน่อย
- ถามว่าทำไมผมถึงอยากฟังด้วยรูปแบบพอตแคสต์มาจากจะดึงมาใส่ในมือถือของผมไปเลย ก็เพราะว่ามันนับตอนที่ผมฟังได้และสามารถบันทึกความก้าวหน้าในการฟังของผมไปเรื่อยๆได้เหมือนกันเมื่อเปลี่ยนไปฟังรายการอื่นๆและทำให้รู้สึกเหมือนฟังรายการวิทยุอีกด้วย
- คอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิกในบ้านเราก็มีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ว่าขาดการรับรู้ในวงกว้างยกเว้นที่เป็นคนดังๆในวงการ (แต่ก็ยังเงียบในสังคมส่วนใหญ่อยู่ดี) ผมเลยแนะนำ (อีกสักรอบ) Mad About Classical Music in Bangkok ใน Facebook มีคนติดตามไม่ถึงฟันคนดีแสดงว่ากลุ่มคนที่สนใจมีน้อยเสียเหลือเกิน แต่ก็มีคนฟังในคอนเสิร์ตใหญ่อยู่ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเพจนี้ก็ขอเชิญติดตามครับ
- จะว่าไปแล้วกลุ่ม Facebook ที่เกี่ยวกับดนตรีคลาสสิกในบ้านเราอย่าง ชมรมคนรักฟัง ดนตรีคลาสสิค หรือแม้แต่กลุ่มคนฟังในระดับสากลที่มีเป็นจำนวนมากเช่น Deutsche Grammophon Decca Classic RCA Sony Classical หรือแม้แต่กลุ่มที่ผมไปบ่อยๆอย่าง THE Classical Music Recordings Discussion Group ก็สำรวจสมาชิกในกลุ่มก็พบว่าก็มีคนไทยจำนวนไม่น้อยอ่านในกลุ่มเหมือนกันจำนวนอีกไม่น้อยเป็นนักดนตรีคลาสสิคเสียอีก ผมก็พอเข้าใจก็มีคนไทยสนใจไม่น้อยเหมือนกันแต่กลับไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่นักก็ถือว่าน่าเสียดายอยู่
- ทุกวันนี้ก็ยังจดรีวิวอยู่ในทุกๆคอนเสิร์ตที่ไปในเกือบทุกๆอาทิตย์ โดยผมจะพกสมุดและปากกาหมึกเจลหัวใหญ่ๆที่สามารถเปลี่ยนไส้ได้ไปเขียน อธิบายความคิดในขณะนั้นโดยตลอดเวลาก่อนจะนำมาสรุปรวบยอดอีกครั้ง ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าอยากจะกลับไปเขียนเป็นบทความวิจารณ์ในอนาคตอันใกล้นี้รึไม่แต่หากว่าผมพร้อมก็คงจะย่อมาให้อ่านได้แน่ เพราะผมเขียนทีหลายหน้าสมุดขนาน A5 เป็นอย่างยิ่งจะดัดแปลงก็ไม่ง่ายแล้วปากกว่าเจลหมึกหมดไวมาก 4-5 คอนเสิร์ตก็จะหมดแล้วก็เปลี่ยนใหม่อีกแต่ทำไงได้เพราะเขียนได้ลื่นและไปได้ตามใจคิดที่สุดแล้ว
สำหรับเรื่องที่ผมอยากจะเขียนถึงอาจจะดูไร้สาระไปบ้างหวังว่าคงจะเข้าใจกันและในตอนต่อๆไปผมจะมีอะไรมาเล่าให้ฟังก็เชิญติดตามกันได้ (แม้จะไม่มากนักก็ตามที)