
Sign up to save your podcasts
Or


แผ่นดินไหวใต้ทะเลทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อมวลของน้ำทะเล อนุภาคของน้ำมีการกระเพื่อมขึ้นและลง เกิดเป็นคลื่นน้ำแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง โดยมีความยาวคลื่นถึง 100-200 กิโลเมตร มีความสูงราว 50 ซ.ม. เท่านั้น แม้คลื่นน้ำจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราความเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือขนาดใหญ่อาจไม่รู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของน้ำเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายฝั่ง แรงเสียดทานใต้ทะเลจะทำให้มันทะยานสูงชันขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อมาถึงฝั่ง มันอาจสูงได้ถึง 30 เมตร เทียบเท่ากับตึก 10 ชั้นเลยทีเดียว คลื่นยักษ์นี้มีชื่อว่าสึนามิ ซึ่งเป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า คลื่นอ่าว
ที่ผ่านมา โลกเราเคยประสบกับคลื่นยักษ์สึนามิอยู่หลายครั้ง อย่างเช่น ในปี 1946 ภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวรอบเกาะยูนิแม็คใกล้ชายฝั่งอลาสก้า เครื่องตรวจจับแรงสั่นสะเทือนในมหาสมุทรได้ตรวจพบการเกิดสึนามิ โดยสึนามิครั้งนั้นเดินทางไปไกลเกือบ 4,000 ก.ม. ไปถึงฮาวายใน 34 นาที ด้วยความเร็วราว 50 ก.ม. ต่อชั่วโมง และสูงเกือบ 14 เมตร ซึ่งเมื่อพัดเข้าถล่มชายฝั่งฮาวาย ได้คร่าชีวิตคนไป 160 คน กวาดทำลายชายหาด ระบบคมนาคม และบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้าง คิดเป็นความเสียหายมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เคยมีการบันทึกไว้ว่า สึนามิที่ทำความเสียหายร้ายแรงที่สุดและคร่าชีวิตผู้คนถึง 100,000 คน เกิดขึ้น ที่เมืองอะวา ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1703 แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับสึนามิครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 จากการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำบริเวณ เกาะสุมาตรา ส่งผลกระทบต่อชายฝั่งในภูมิภาคเอเชีย ชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก รวมถึงชายฝั่งทะเลอันดามันของไทยเราด้วย ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200,000 คน การเกิดสึนามิในหลาย ๆ ครั้ง ส่งผลกระทบและทำให้เกิดความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ หลายพื้นที่ชายฝั่งจึงมีการนำเทคโนโลยีที่คอยเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการเกิดสึนามิมาใช้ เพื่อเตรียมรับมือและอพยพผู้คนได้ทันท่วงที ช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากคลื่นยักษ์สึนามินั่นเองครับ
By NSM Thailandแผ่นดินไหวใต้ทะเลทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อมวลของน้ำทะเล อนุภาคของน้ำมีการกระเพื่อมขึ้นและลง เกิดเป็นคลื่นน้ำแพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง โดยมีความยาวคลื่นถึง 100-200 กิโลเมตร มีความสูงราว 50 ซ.ม. เท่านั้น แม้คลื่นน้ำจะเคลื่อนที่ด้วยอัตราความเร็วหลายร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือขนาดใหญ่อาจไม่รู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของน้ำเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายฝั่ง แรงเสียดทานใต้ทะเลจะทำให้มันทะยานสูงชันขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อมาถึงฝั่ง มันอาจสูงได้ถึง 30 เมตร เทียบเท่ากับตึก 10 ชั้นเลยทีเดียว คลื่นยักษ์นี้มีชื่อว่าสึนามิ ซึ่งเป็นคำในภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า คลื่นอ่าว
ที่ผ่านมา โลกเราเคยประสบกับคลื่นยักษ์สึนามิอยู่หลายครั้ง อย่างเช่น ในปี 1946 ภายหลังการเกิดแผ่นดินไหวรอบเกาะยูนิแม็คใกล้ชายฝั่งอลาสก้า เครื่องตรวจจับแรงสั่นสะเทือนในมหาสมุทรได้ตรวจพบการเกิดสึนามิ โดยสึนามิครั้งนั้นเดินทางไปไกลเกือบ 4,000 ก.ม. ไปถึงฮาวายใน 34 นาที ด้วยความเร็วราว 50 ก.ม. ต่อชั่วโมง และสูงเกือบ 14 เมตร ซึ่งเมื่อพัดเข้าถล่มชายฝั่งฮาวาย ได้คร่าชีวิตคนไป 160 คน กวาดทำลายชายหาด ระบบคมนาคม และบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้าง คิดเป็นความเสียหายมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เคยมีการบันทึกไว้ว่า สึนามิที่ทำความเสียหายร้ายแรงที่สุดและคร่าชีวิตผู้คนถึง 100,000 คน เกิดขึ้น ที่เมืองอะวา ประเทศญี่ปุ่น ในปี 1703 แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับสึนามิครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2004 จากการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำบริเวณ เกาะสุมาตรา ส่งผลกระทบต่อชายฝั่งในภูมิภาคเอเชีย ชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก รวมถึงชายฝั่งทะเลอันดามันของไทยเราด้วย ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 200,000 คน การเกิดสึนามิในหลาย ๆ ครั้ง ส่งผลกระทบและทำให้เกิดความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ หลายพื้นที่ชายฝั่งจึงมีการนำเทคโนโลยีที่คอยเฝ้าระวังและแจ้งเตือนการเกิดสึนามิมาใช้ เพื่อเตรียมรับมือและอพยพผู้คนได้ทันท่วงที ช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากคลื่นยักษ์สึนามินั่นเองครับ