ตำแหน่งแห่งความสมปรารถนา - นำนั่งสมาธิเบื้องต้น โดย หลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกาย. ทำ ดีที่สุดแล้ว หรือยัง
ดี ที่สุดต้องนั่ง หยุดได้
ที่ ฐานเจ็ดคือคลัง ความสุข
สุด หมดเมื่อไหร่ไซร้ เมื่อนั้นใจเกษม
ตะวันธรรม
ตั้งใจหลับตาเจริญสมาธิภาวนากันนะ หลับตาเบาๆ พอ
สบายๆ ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายของเรา ทั้งเนื้อทั้งตัว
ให้รู้สึกสบาย ขยับเนื้อขยับตัวของเราให้ดี ให้รู้สึกสบาย แล้ว
ก็รวมใจไปหยุดนิ่งๆ นุ่มๆ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อย่าง
เบาๆ สบายๆ
ให้ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ที่กลางดวงใสๆ หรือใคร
คุ้นเคยกับองค์พระก็ตรึกนึกถึงพระแก้วใสๆ ใจหยุดอยู่ใน
กลางองค์พระแก้วใสๆ อย่างเบาๆ สบายๆ ใจแตะไปเบาๆ
สบายๆ ให้ใจนิ่งๆ นุ่มๆ เบาๆ
ค่อยๆ ประคองใจให้อยู่ภายใน โดยที่ไม่กด
ลูกนัยน์ตาแบบก้มมอง ให้นึกง่ายๆ สบายๆ ใจ
ใสๆ เย็นๆ ถ้าเปลือกตาเราปิดพอดีๆ จะทำให้
การรวมใจมาหยุดนิ่งๆ ที่กลางกายได้ง่าย นึกถึง
ดวงหรือองค์พระก็ง่าย
ถ้านึกไม่ชัดเจน ให้ทำความรู้สึกว่ามีไปก่อน
สำหรับนักเรียนใหม่ก็ค่อยๆ นึกเบาๆ ชัดเจนแค่ไหนก็
เอาแค่นั้นไปก่อน ไม่ชัดเจนก็ทำความรู้สึกว่ามีดวงใสๆ เหมือน
เพชรสักเม็ดหนึ่งก้อนใหญ่ๆ หรือทำความรู้สึกว่ามีองค์พระ
ใสๆ อย่างนี้ไปก่อนก็ได้ แม้ยังนึกไม่ออก ก็ให้ทำความรู้สึก
ว่ามีอยู่กลางกาย กลางท้องของเราไปก่อน
พร้อมกับบริกรรมภาวนาในใจเบาๆ สม่ำเสมอ โดยให้
เสียงดังออกมาจากในกลางท้องของเรา สัมมา อะระหังๆ
ตรึกนึกถึงดวงใส ใจหยุดอยู่ในกลางดวงใสๆ หรือตรึกนึกถึง
องค์พระใสๆ ใจหยุดอยู่ในกลางองค์พระใสๆ ประคองใจกัน
ไปอย่างนี้นะ
หยุดแรกยากพอสู้
หยุดแรกก็จะยากสักนิด แต่ยากไม่มาก ยากพอสู้
ยาก คือ มันไม่ได้ดั่งใจเรา ที่เวลาเราลืมตาเห็นวัตถุ
ภายนอก เห็นคน สัตว์ สิ่งของ อะไรต่างๆ เหล่านั้น มันง่าย
มันได้ดังใจ มันชัดแจ่มกระจ่างเลย แต่พอเราหลับตาจะให้
เห็นภาพภายใน เรานักเรียนใหม่ยังไม่คุ้นเคย เพราะฉะนั้น
ก็ต้องทำใจเย็นๆ
เหมือนเราอยู่ห้องมืดๆ เราทำนิ่งๆ เฉยๆ ให้สายตาคุ้น
กับความมืดในห้องสักพัก พอคุ้นเคยเราก็จะมีความรู้สึกว่า เรา
พอที่จะคลำหนทางไปสู่ประตู หรือที่ที่เราจะไปได้ หรือไปหยิบ
วัตถุสิ่งของได้ ภาพภายในใจก็เช่นเดียวกัน ใหม่ๆ มันก็เป็น
มโนภาพที่เราสมมติขึ้นมา ต่างแต่ว่าเรานำมาตั้งในตำแหน่ง
ที่สำคัญของชีวิตคือ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นตำแหน่ง
แห่งความสุข ความสมปรารถนา ความสมหวังในชีวิต
ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตำแหน่งแห่งความสุข
ชีวิตในแต่ละวันตั้งแต่เราเกิดมาสิ่งที่เราปรารถนาจริงๆ
นั้นคือความสุข ตามความเข้าใจของเรา ความสุขอยู่ที่ไหน
เราก็จะไปตรงนั้น โดยคิดว่าตรงนั้น สิ่งนั้น คนนั้นจะทำให้
เรามีความสุขได้
คิดว่าอยู่ที่คนก็ไปที่คน คิดว่าอยู่ที่สัตว์ก็ไปที่สัตว์ คิดว่า
อยู่ที่สิ่งของก็ไปที่สิ่งของ คิดว่าอยู่ที่ทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ
สรรเสริญ อำนาจ วาสนา ตำแหน่งหน้าที่การงานอะไรต่างๆ
เราก็จะไปตรงนั้น ไปสู่ตำแหน่งนั้น แต่พอไปถึงตำแหน่งนั้น
จริงๆ ปรากฏว่า เรายังไม่สมหวัง ตรงนั้นไม่เคยให้ความสุข
อย่างที่เราอยากได้ บางครั้งกลับมีปัญหาและแรงกดดันเกิด
ขึ้น ต้องคอยแก้ปัญหา รักษาตำแหน่ง ซึ่งมันก็มีปัญหาแรง
กดดันเยอะแยะ เพราะแต่เดิมเราเข้าใจผิดว่า ความสุขมัน
อยู่ที่ตำแหน่งตรงนั้น
ดังนั้น ชีวิตที่ผ่านมาเราจึงไม่เจอความสุขเลย เพราะ
ในทุกๆ ตำแหน่งที่ผ่านมาไม่ใช่ตำแหน่งที่จะให้ความสุขได้
ไม่ว่าจะตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือในฐานะอะไรก็แล้วแต่
แต่มีอยู่ตำแหน่งหนึ่ง ที่เราไม่เคยรู้จักเลย และเป็น
ตำแหน่งที่สำคัญที่สุด ที่จะให้ความสมปรารถนา
แก่เราได้ คือให้ความสุขอันไม่มีประมาณ ให้
ความพึงพอใจ จนเราไม่อยากได้อะไรอีกเลย
ตำแหน่งตรงนี้ที่สำคัญมันอยู่ในตัวเรา ในกลาง
กายฐานที่ ๗ ตรงนี้แหละ ที่เรามองข้ามไป เรา
ไม่เคยมองเข้าไปเลย เพราะไม่เคยได้ยินใคร
สอน หรือแม้ใครสอนเราก็ไม่สนใจ ไม่ให้ความ
สำคัญ หรือดูเบาไป
เราจะเห็นความแตกต่างได้ เมื่อใจเรามาหยุดนิ่งที่ตำแหน่ง
ฐานที่ ๗ ตรงนี้ได้ ถ้าหยุดนิ่งตรงนี้ได้เราจะเห็นความแตกต่าง
อย่างมากมายทีเดียว
ที่มันยากเพราะเราคุ้นเคยกับตำแหน่งข้างนอก ตำแหน่ง
บุตร ภรรยา สามี นักเรียน ครูบาอาจารย์ พ่อแม่ ผู้บังคับบัญชา
ผู้ใต้บังคับบัญชา เศรษฐี มหาเศรษฐี ตำแหน่งทางการเมือง
ตำแหน่งอะไรต่างๆ เหล่านั้น ใจมันจะแล่นไปอย่างนั้นด้วย
ความคุ้น เหมือนนกพอเราปล่อยมันก็บินไปในอากาศ ปลา
ปล่อยก็ลงน้ำไปตามที่มันคุ้นมันเคย
มันจึงยากในตอนช่วงแรก แต่ถ้าเราฝึกหนักอย่างถูก
หลักวิชชา นำใจมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ด้วยวิธีที่ง่ายๆ สบายๆ
ด้วยวิธีที่เรานึกไม่ถึงว่ามันจะง่ายอย่างนี้ เพราะเรามัวไปทำ
สิ่งที่ยากๆ ยากจนยุ่ง กว่าจะนำเอาใจกลับมาหยุดอยู่ตรงนี้
เดี๋ยวมันก็หลุด เดี๋ยวมันก็ติด เดี๋ยวมันก็อยู่ภายในก็ช่างมัน
แล้วก็ภาวนา สัมมา อะระหัง เรื่อยไปเลย
คำว่า “โล่