ที่นี่ไต้หวัน

ที่นี่ไต้หวัน วันอังคารที่ 1 ส.ค.2566


Listen Later

     องุ่นเป็นผลไม้กินสดได้ เอามาทำเป็นไวน์หรือทำเป็นองุ่นแห้งก็ได้ ส่วนเมล็ดองุ่นก็สกัดเป็นน้ำมันได้อีกด้วย ทั่วโลกมีองุ่นมากกว่า 5,000 สายพันธุ์ เนื่องจากอุตสาหกรรมไวน์มีความรุ่งเรือง ผู้ปลูกองุ่นทั่วโลกจึงนิยมปลูกองุ่นสำหรับทำไวน์ อย่างไรก็ตามการปลูกองุ่นในไต้หวันค่อนข้างตรงกันข้าม หลี่กั๋วถัน(李國譚) ศต.ด้านพืชสวนแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน กล่าวว่าในไต้หวันมีพันธุ์องุ่นมากกว่า 200 สายพันธุ์ แต่ประมาณ 90% เป็นองุ่นสำหรับบริโภคสด

องุ่นเคียวโฮเป็นพันธุ์หลักที่นิยมบริโภคสด

     มีคำถามว่า ไต้หวันปลูกองุ่นเพื่อแปรรูปหรือไม่? อย่างเช่นนำมาทำลูกเกด(หรือองุ่นแห้ง) ศต.หลี่กั๋วถัน บอกว่าการนำองุ่นแปรรูปเป็นองุ่นแห้งต้องใช้พันธุ์ที่ไม่มีเมล็ดและต้องมีน้ำตาลสูง หลังตากแห้งผลองุ่นจะนุ่มหนึบและเคี้ยวง่าย ในต่างประเทศมักใช้พันธุ์องุ่นไร้เมล็ด แต่พันธุ์หลักที่ปลูกปริมาณมากของไต้หวัน อย่างพันธุ์เคียวโฮ หรือภาษาจีนเรียกว่า จวี้โฟง(巨峰) ไม่เหมาะในการทำผลไม้แห้ง และบริโภคสดก็ไม่เพียงพอ จึงไม่มีการแปรรูปเป็นองุ่นแห้ง ส่วนน้ำมันเมล็ดองุ่น วัตถุดิบมักจะมาจากเมล็ดองุ่นสำหรับทำไวน์ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมนอกเหนือจากการทำไวน์ในต่างประเทศ เนื่องจากสัดส่วนของการผลิตองุ่นไวน์ในไต้หวันไม่สูง จึงไม่ค่อยมีการพัฒนาการสกัดน้ำมันองุ่น

     คนไต้หวันนิยมบริโภคองุ่นลูกผสมสายพันธุ์ยุโรปและอเมริกา ตัวอย่างเช่น องุ่นเคียวโฮที่มีรสชาติอร่อย นุ่มหนึบ หอมหวาน ขณะเดียวกันก็เหมาะกับสภาพอากาศของไต้หวัน เป็นที่ชื่นชอบของเกษตรกรและผู้บริโภค สันนิษฐานว่านำเข้ามาจากญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษที่ 1960 โดยเริ่มปลูกครั้งแรกในพื้นที่ขนาดเล็กในไทจง ต่อมาขยายไปปลูกที่เมืองจางฮั่วและเมืองอื่น ๆ ปัจจุบันพื้นที่ปลูกองุ่นประมาณ 99% เป็นองุ่นเพื่อกินสด และยังมีการองุ่นไถจงเบอร์ 6 (หรือที่รู้จักในชื่อ เจ้าหญิงหลัวนาร์) ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาเหมือนมะละกอจิ๋ว หวานกรอบ มีกลิ่นน้ำผึ้ง ปีนี้เพิ่งได้สิทธิ์สายพันธุ์ อนาคตจะกลายเป็นองุ่นบริโภคสดด้วย นอกจากนี้ ยังมีองุ่นสีแดง เป็นพันธุ์ผสมระหว่างอเมริกาและยุโรป มีกลิ่นน้ำผึ้งเข้มข้น รวมถึงองุ่นอิตาลีพันธุ์ยุโรป และองุ่นแซฟไฟร์ไร้เมล็ด ( องุ่นพระจันทร์) ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะตัวที่ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองมากขึ้น

องุ่นพันธุ์ไทจงเบอร์ 1,3 และ 5 เหมาะในการผลิตไวน์ขาว

      สำหรับองุ่นที่นำมาผลิตไวน์จะต้องมีน้ำตาลและสารที่เป็นกรดอินทรีย์เพียงพอ มีปริมาณน้ำตาลมากกว่า 22ºBrix และมีปริมาณกรดอินทรีย์มากกว่า 0.7% หลังผลิตเป็นไวน์จะมีกลิ่นหอมของผลไม้ ดอกไม้ ในปี 1965 ไต้หวันได้นำเข้าพันธุ์องุ่น Black Queen (ราชินีดำ) และองุ่น Moscato (มอสคาโต้) หรือ Muscat (มัสแคท) สำหรับทำไวน์แดงและไวน์ขาวตามลำดับ โดยยุคแรกของอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ถูกควบคุมโดยองค์การยาสูบและสุราที่ผูกขาดโดยรัฐ และมีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน สถานีปรับปรุงพันธุ์พืชไทจง หลังการปรับโครงสร้างการผลิตไวน์แล้ว สถานีปรับปรุงพันธุ์พืชเขตไทจงได้รับหน้าที่ปรับปรุงพันธุ์องุ่นต่อ และเพื่อให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมไวน์ในไต้หวันที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น สถานีปรับปรุงพันธุ์พืชฯได้พัฒนาองุ่นพันธุ์ ไทจงเบอร์  1 ถึงเบอร์ 5 อย่างต่อเนื่องเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไวน์ โดยพันธุ์ ไทจงเบอร์ 1 เบอร์ 3 และเบอร์ 5 เหมาะต่อการผลิตไวน์ขาว ไวน์ที่ผลิตได้มีกลิ่นหอมของผลไม้เมืองร้อน เช่น ไวน์ที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ไทจง No. 5 มีกลิ่นหอมของลิ้นจี่ ส่วนองุ่นพันธุ์ ไทจงเบอร์ 4 เนื่องจากเปลือกองุ่นมีสีม่วงเข้ม นิยมหมักไวน์แดง มีกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ เป็นต้น

องุ่นพันธุ์ไทจงเบอร์ 2 ผสมกับเบอร์ 4  ผลิตเป็นไวน์สีชมพู( 2 ขวดซ้าย)

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ที่นี่ไต้หวันBy รจรัตน์ ยนต์สุวรรณ, Rti