ที่นี่ไต้หวัน

ที่นี่ไต้หวัน วันอังคารที่ 13 พ.ค.2568


Listen Later

   ถ้าอยากชมดอกไม้ช่วงฤดูร้อน บอกเลยว่าห้ามพลาดไฮเดรนเยียที่เบ่งบานเต็มที่ในเดือนพฤษภาคม–มิถุนายน ดอกไฮเดรนเยียที่บานฟูเต็มก้อนกลม ๆ นั้น มักจะกลายเป็นดาวเด่นในกล้องและมือถือของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย แต่รู้ไหมคะว่า สิ่งที่เราคิดว่าเป็น "กลีบดอกไม้" เหล่านั้น จริง ๆ แล้วคือ "กลีบเลี้ยง" ต่างหาก? นอกจากนี้ ไฮเดรนเยียไม่ได้มีแต่ทรงกลมเท่านั้น ยังมีทรงแบนที่บางคนเรียกว่า "ทรงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" (เนื่องจากกลีบเลี้ยงกระจายออก มีดอกเล็ก ๆ ตรงกลาง เห็นเป็นแอ่งลึกเหมือน "ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" นักเลี้ยงต้นไม้เลยตั้งชื่อเล่นให้แบบน่ารัก ๆ ซึ่งก็คือ เมดิเตอร์เรเนียน) และที่น่าทึ่งคือ สีของดอกไฮเดรนเยียก็สามารถเปลี่ยนไปได้ตามสภาพดินอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไฮเดรนเยียเป็นดอกไม้ที่ต้องการอุณหภูมิต่ำในการกระตุ้นการออกดอก เกษตรกรจึงต้องนำต้นไม้ไปผ่านกระบวนการปรับอุณหภูมิให้เย็นลงก่อน ซึ่งทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น และภาวะโลกร้อนก็ทำให้การควบคุมช่วงเวลาออกดอกยากขึ้นไปอีก ดังนั้น สถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตเถาหยวน ได้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ “ผีเสื้อเต้นรำ舞蝶” จากพันธุ์ไฮเดรนเยียพื้นเมืองของไต้หวันที่ชื่อว่า “(หัวปาเซียน華八仙)” จุดเด่นคือไม่ต้องใช้ความเย็นเพื่อกระตุ้นการออกดอก สามารถเบ่งบานได้เองในฤดูใบไม้ผลิ

ไฮเดรนเยียหลากสีจัดสวนมีความสวยงาม

   สวี่หย่าถิง (許雅婷) นักวิจัยจากสถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตเถาหยวน อธิบายว่า ไฮเดรนเยียเป็นไม้ดอกเมืองหนาว ดอกตูมต้องผ่านอากาศเย็นจัดเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโต ซึ่งเปรียบได้กับการ “นอนหลับ” หนึ่งช่วงก่อนตื่นมาออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเหตุนี้ เกษตรกรจึงต้องนำต้นไม้เข้าห้องเย็นในฤดูหนาว หรือบางรายอาจขนย้ายต้นไม้ขึ้นไปปลูกบนภูเขาในฤดูร้อนเพื่อช่วยเร่งกระบวนการสร้างตาดอก และในภาวะที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ทำให้ระยะเวลาที่ไฮเดรนเยียต้องการอากาศเย็นยาวนานขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนค่าขนส่งและการเก็บรักษาในห้องเย็นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในสภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้นของห้องเย็น ต้นไฮเดรนเยียยังมีความเสี่ยงต่อโรค เช่น โรครา ทำให้ต้องใช้สารป้องกันเชื้อราเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนและความเสี่ยงต่อการสูญเสียพืชผล ยิ่งไปกว่านั้น ไฮเดรนเยียมีช่วงเวลาขายที่ดีที่สุดในฤดูใบไม้ผลิ หากเลยเข้าสู่ฤดูร้อน ยอดขายจะลดลง ดังนั้น หากการออกดอกล่าช้าเนื่องจากอุณหภูมิที่ไม่แน่นอน ก็จะเพิ่มแรงกดดันให้กับเกษตรกรมากขึ้น

ไฮเดรนเยียพันธุ์ผีเสื้อเต้นรำมีความโดดเด่นด้วยคุณสมบัติไม่ต้องจำศีล

   สำหรับที่มาของ ชื่อ "ปาเซียน-八仙" เนื่องจากลักษณะของกลุ่มดอกที่ประกอบไปด้วยดอกย่อยแปดดอกจับกลุ่มกัน ดูคล้าย "พวงมาลัยของนางฟ้า" มากกว่ารูปทรงกลมแน่นของไฮเดรนเยียทั่วไป นอกจากนี้ เนื่องจากหัวปาเซียนสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของไต้หวันได้ดี มันจึงสามารถอยู่รอดในพื้นที่ราบตลอดฤดูหนาว และออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการปรับอุณหภูมิ

   ก็มีคำถามว่า ทำไมเราจึงไม่ค่อยเห็นไฮเดนยเยียสายพันธุ์หัวปาเซียนในตลาดดอกไม้ทั่วไป? คุณสวี่หย่าถิง อธิบายว่า สาเหตุหลักเป็นเพราะ ขนาดของช่อดอกที่เล็กกว่าไฮเดรนเยียทั่วไป ทำให้มีอายุการโชว์ความงามสั้นกว่า และลักษณะของดอกดูโปร่งกว่าที่ตลาดเคยชิน ส่งผลให้ในอดีต หัวปาเซียนไม่ได้รับความนิยมมากนัก และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ลักษณะของต้นหัวปาเซียนที่มีขนาดใหญ่ โดยสามารถเติบโตจนมีความสูงเท่าผู้ใหญ่ และมีจำนวนกิ่งก้านน้อยกว่าพันธุ์ไฮเดรนเยียทั่วไป ทำให้จำนวนดอกต่อต้นน้อยลงตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้ พันธุ์นี้จึงถูกใช้งานในงานจัดสวนขนาดใหญ่ มากกว่าที่จะใช้ในกระถางหรือตกแต่งพื้นที่ขนาดเล็ก

หัวปาเซียน พันธุ์ไฮเดรนเยียพื้นเมืองของไต้หวัน

   อย่างไรก็ตาม หลังใช้ความพยายามยาวนานกว่า 9 ปี ในที่สุด สถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตเถาหยวนก็ได้เปิดตัว "ไฮเดรนเยียเถาหยวนหมายเลข 1" หรือพันธุ์ "ผีเสื้อเต้นรำ-舞蝶" ซึ่งเป็นพันธุ์ที่สืบสายเลือดจากหัวปาเซียน จุดเด่นคือ สามารถเติบโตในพื้นที่ราบของภาคเหนือและภาคกลางของไต้หวันในช่วงฤดูหนาวโดยไม่ต้องนำเข้าห้องเย็น และยังคงออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน นอกจากนี้ ในช่วงอากาศเย็น ต้นไม้ยังคงเขียวชอุ่มโดยไม่ผลัดใบอีกด้วย

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ที่นี่ไต้หวันBy รจรัตน์ ยนต์สุวรรณ, Rti