
Sign up to save your podcasts
Or
ปัจจุบันพื้นที่ปลูกเมลอนในเขตภาคเหนือและเมืองอี๋หลาน มักจะเพาะปลูกในถุงแทนการปลูกในดินที่เป็นแบบดั้งเดิม แต่หลังจากเพาะปลูกเมลอนด้วยถุงแล้ว พื้นที่มีน้อย รากถูกจำกัดพื้นที่ ส่งให้ผลผลิตต่ำ ดังนั้น สถานีปรับปรุงพันธุ์พืชเขตฮัวเหลียนจึงปรับปรุงวิธีการปลูก โดยอาศัยเงื่อนไขของสภาพภูมิอากาศ พัฒนาเทคนิคการปลูก การดูแล ปรับเวลาการปลูก ตลอดจนตำแหน่งของผลที่ให้เหลือไว้บนต้น ผลการพัฒนาเทคนิคต่างๆ ได้ยกระดับผลผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกเมลอนสายพันธุ์ออโรรา(Aurora卡蜜拉) ได้คุณภาพดีที่สุด ผลผลิตเพิ่มขึ้น 33.6% ความหวานมากกว่า 15 บริกซ์อีกด้วย
เมลอน "ออโรรา"คุณภาพดี หวาน อร่อย
ฤดูกาลของเมลอนที่ปลูกในเมืองอี๋หลานส่วนใหญ่อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม-กรกฎาคม เนื่องจากการปลูกเมลอนด้วยถุงที่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ ประกอบกับแสงแดดส่องในช่วงกลางวันที่น้อยกว่า อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ ผลผลิตจึงมีน้อยกว่าในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ ดังนั้นสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชเขตฮัวเหลียนช่วยเหลือเกษตรกรยกระดับการผลิต ปรับปรุงเทคนิคการปลูก การดูแล ที่สอดคล้องกับสภาพอากาศ ปรับเวลาของการเพาะปลูก และอีกประการหนึ่งคือ การปลูกเมลอนของเกษตรกรเมืองอี๋หลานนิยมเหลือไว้ต้นละ 1 ผล เพื่อให้ได้ผลผลิตดีเยี่ยม ทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชจึงตรวจหาตำแหน่งของผลว่าเหลือไว้จุดไหนดีที่สุดอีกด้วย
สถานีปรับปรุงพันธุ์พืช ตรวจหาตำแหน่งผลที่เหลือไว้ 1 ผล/ต้น ว่าจุดไหนดีที่สุด
หลินเหวินหัว(林文華) ผู้ช่วยวิจัยสาขาหลานหยางของสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชฮัวเหลียนบอกว่า ทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชทดลองปลูกเมลอนมากกว่า 7 สายพันธุ์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เช่น เมลอน new century เมลอนออโรรา เมลอนตี้เท่อมี่ เมลอนมี่เป่า เป็นต้น แต่ผลการทดลองปลูกพบว่า เมลอนออโรรา ปลูกได้มีความหวานและมีรูปลักษณ์คงที่ คุณภาพดีที่สุด ดังนั้นทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชจึงทดลองปลูกเมลอนออโรราในช่วงฤดูใบไม้ผลินาน 3 ปี ในพื้นที่ 1 เฮกตาร์(6.25 ไร่) จำนวน 17,000 ต้น ผลผลิตที่ได้เฉลี่ยมีมากถึง 19,583 กก.ต่อพื้นที่ 1 เฮกตาร์ เมื่อเทียบกับการปลูกเมลอนด้วยถุงแบบทั่วไป เพิ่มขึ้น 33.6% หรือมีปริมาณเทียบเท่ากับการปลูกเมลอนในพื้นดิน ในขั้นต่อไป ทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชจะทำการวิจัยวิธีการให้สารอาหารที่เหมาะกับการปลูกเมลอนในถุงอีกด้วย
ปัจจุบันพื้นที่ปลูกเมลอนในเขตภาคเหนือและเมืองอี๋หลาน มักจะเพาะปลูกในถุงแทนการปลูกในดินที่เป็นแบบดั้งเดิม แต่หลังจากเพาะปลูกเมลอนด้วยถุงแล้ว พื้นที่มีน้อย รากถูกจำกัดพื้นที่ ส่งให้ผลผลิตต่ำ ดังนั้น สถานีปรับปรุงพันธุ์พืชเขตฮัวเหลียนจึงปรับปรุงวิธีการปลูก โดยอาศัยเงื่อนไขของสภาพภูมิอากาศ พัฒนาเทคนิคการปลูก การดูแล ปรับเวลาการปลูก ตลอดจนตำแหน่งของผลที่ให้เหลือไว้บนต้น ผลการพัฒนาเทคนิคต่างๆ ได้ยกระดับผลผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกเมลอนสายพันธุ์ออโรรา(Aurora卡蜜拉) ได้คุณภาพดีที่สุด ผลผลิตเพิ่มขึ้น 33.6% ความหวานมากกว่า 15 บริกซ์อีกด้วย
เมลอน "ออโรรา"คุณภาพดี หวาน อร่อย
ฤดูกาลของเมลอนที่ปลูกในเมืองอี๋หลานส่วนใหญ่อยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม-กรกฎาคม เนื่องจากการปลูกเมลอนด้วยถุงที่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ ประกอบกับแสงแดดส่องในช่วงกลางวันที่น้อยกว่า อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ ผลผลิตจึงมีน้อยกว่าในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ ดังนั้นสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชเขตฮัวเหลียนช่วยเหลือเกษตรกรยกระดับการผลิต ปรับปรุงเทคนิคการปลูก การดูแล ที่สอดคล้องกับสภาพอากาศ ปรับเวลาของการเพาะปลูก และอีกประการหนึ่งคือ การปลูกเมลอนของเกษตรกรเมืองอี๋หลานนิยมเหลือไว้ต้นละ 1 ผล เพื่อให้ได้ผลผลิตดีเยี่ยม ทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชจึงตรวจหาตำแหน่งของผลว่าเหลือไว้จุดไหนดีที่สุดอีกด้วย
สถานีปรับปรุงพันธุ์พืช ตรวจหาตำแหน่งผลที่เหลือไว้ 1 ผล/ต้น ว่าจุดไหนดีที่สุด
หลินเหวินหัว(林文華) ผู้ช่วยวิจัยสาขาหลานหยางของสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชฮัวเหลียนบอกว่า ทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชทดลองปลูกเมลอนมากกว่า 7 สายพันธุ์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เช่น เมลอน new century เมลอนออโรรา เมลอนตี้เท่อมี่ เมลอนมี่เป่า เป็นต้น แต่ผลการทดลองปลูกพบว่า เมลอนออโรรา ปลูกได้มีความหวานและมีรูปลักษณ์คงที่ คุณภาพดีที่สุด ดังนั้นทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชจึงทดลองปลูกเมลอนออโรราในช่วงฤดูใบไม้ผลินาน 3 ปี ในพื้นที่ 1 เฮกตาร์(6.25 ไร่) จำนวน 17,000 ต้น ผลผลิตที่ได้เฉลี่ยมีมากถึง 19,583 กก.ต่อพื้นที่ 1 เฮกตาร์ เมื่อเทียบกับการปลูกเมลอนด้วยถุงแบบทั่วไป เพิ่มขึ้น 33.6% หรือมีปริมาณเทียบเท่ากับการปลูกเมลอนในพื้นดิน ในขั้นต่อไป ทางสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชจะทำการวิจัยวิธีการให้สารอาหารที่เหมาะกับการปลูกเมลอนในถุงอีกด้วย