
Sign up to save your podcasts
Or
ปีนี้ ทูน่าครีบเหลือง สร้างรายได้ให้ชาวประมงเมืองผิงตงไม่น้อย
คลิกฟังรายการที่นี่
ปลาทูน่าครีบเหลือง 1 ใน 7 สายพันธุ์ที่นิยมกิน และจับได้ในทะเลแถบเมืองไถตงของไต้หวัน ปีนี้จับปลาทูน่าชนิดนี้มากกว่าปีอื่นๆ ทำให้ชาวประมงเมืองไถตงดีใจจนยิ้มแต้ แต่ปลาชนิดนี้มีการแบ่งเกรดตามน้ำหนัก มีทั้งตัวขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมทั้งขนาดใหญ่ จากข้อมูลการประมงชี้ว่า การจับปลาทูน่าครีบเหลืองเริ่มตั้งแต่หลังเทศกาลตรุษจีนจนถึงช่วงวันคล้ายวันเกิดของเทพมาจู่ แต่ปีนี้ดูเหมือนว่าไม่เป็นไปตามข้อมูล ไม่เพียงแต่มีการจับในช่วงเวลาที่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ที่ยิ่งไปกว่านี้ แม้ช่วงต้นมิถุนายนก็ยังจับได้ประปรายด้วย สมาคมปลาเขตชินกั่งเมืองไถตงบอกว่า ตั้งแต่ช่วงที่จับได้จนกระทั่งต้นเดือนพฤษภาคมมีการประมูลขายปลาทูน่าครีบเหลืองมากถึง 315 ตัน มากกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 2.7 เท่า และยังเป็นปริมาณมากที่สุดตั้งแต่มีการทำสถิติจับได้ตั้งแต่ปี 2000 ด้วย
หลี่ซิ่วเหลียน(李秀蓮) ผู้จัดการสมาคมปลาเขตลวี่เต่าบอกว่า ชาวประมงดีมากที่จับปลาทูน่าครีบเหลืองปริมาณมากเป็นพิเศษ แม้แต่ชาวประมงผู้อาวุโสยังบอกว่าไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย ปริมาณมากแต่ก็ยังขายได้ราคา ทางการประมงมีการแจ้งข่าวว่ายังมีปริมาณของปลาทูน่าครีบเหลืองอีก ทำให้ชาวประมงไม่อยากพักผ่อน ยังคงออกทะเลแม้จะเหนื่อยก็ตาม แต่ละครั้งจับได้หลาย 10 ตัว นำไปประมูลขายได้กิโลกรัมละ 90-100 เหรียญไต้หวัน ส่วนใหญ่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กก. แต่ปีที่แล้วจับได้ปริมาณน้อย ราคาก็ไม่ดี เป็นปลาที่ราคาไม่แพง เป็นมิตรกับประชาชน ราคาเอื้อมถึง ส่วนปลาทูน่าครีบเหลืองน้ำหนักมากกว่า 30 กก.ขึ้นไปถือเป็นปลาเกรดดี ขายได้มากกว่า 200-300 เหรียญไต้หวันต่อกก.
ปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กิโลกรัม คนไต้หวันจะเรียกว่า “เสี่ยวช่วนไจ่“小串仔” จะแยกออกมาขาย ซึ่งปลาทูน่าครีบเหลืองที่จับได้ในเมืองไถตงส่วนใหญ่จะเป็นเสี่ยวช่วนไจ่ด้วย เฉินจวี้นหมิง(陳俊銘) ผู้จัดการสมาคมปลาเขตซินกั่งบอกว่า ขนาดของปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กก.จะครองสัดส่วน 70% น้ำหนัก 15- 35 กก. ครองสัดส่วน 20% ส่วนน้ำหนักมากกว่า 35 กก.จะพบได้น้อยมาก มีสัดส่วนเพียงแค่ 10% เท่านั้น นอกจากนี้ ปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีขนาดกลางขึ้นไป เวลาประมูลขายในท้องตลาดจึงจะเรียกว่า “ปลาทูน่าครีบเหลือง” เขายังบอกด้วยว่า ช่วงกลางเดือนพ.ค.ไปแล้วจะเป็นฤดูการจับปลาอีโต้มอญและปลาทูน่าบลูฟิน ปลาอีโต้มอญมักจะจับได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่จับได้ปริมาณมากแค่ปีละ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่หลังช่วงเทศกาลเช็งเม้งจนถึงเดือนมิ.ย. และอีกช่วงหนึ่งตั้งแต่เดือนก.ย.จนถึงเดือนพ.ย. แต่ขณะนี้ยังจับได้ปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ถ้าปริมาณของปลาบินมากพอก็จะดึงดูดให้ฝูงปลาอีโต้มอญปรากฏตัวเพิ่มขึ้น เพราะปลาอีโต้มอญล่าปลาบินเป็นอาหาร
แม้ช่วงนี้การระบาดของโควิด 19 ยังคงมีผู้ติดเชื้อกันมาก แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการซื้อปลา เพราะมีมาตรการรองรับที่ดี ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งซื้อทางโทรศัพท์และส่งถึงที่โดยตรง หรือไม่ก็แช่แข็ง แช่เย็นทันทีหลังจับได้ จากนั้นส่งขายไปที่บ้านหรือร้านได้เลย เร็วที่สุดแค่วันเดียวก็ส่งถึง และยังได้กินปลาสดๆ ชาวประมงแซ่จางบอกว่า ปลาทูน่าครีบเหลืองเกรดดีนำมาทำเป็นปลาดิบ รสชาติอร่อยด้วย ยังเอามาเจี๋ยน ปิ้ง ย่าง หรือแม้แต่ต้มซุปขิงซอย หรือเอามาเคี่ยวเป็นน้ำซุปก็ได้ รสชาติก็ไม่เลว ปลาตัวหนึ่งกินได้หลายอย่าง ซื้อทั้งตัวจะคุ้มกว่า เน้นต้องเป็นปลาทูน่าครีบเหลืองเกรดดีเท่านั้น ส่วนตัวเล็กไม่เหมาะที่จะนำมากินเป็นปลาดิบ มักจะซื้อมากินกันในครอบครัว เอามาเจี๋ยน ทอด หรือเคี่ยวกับหัวน้ำซุปก็ได้
ปีนี้ ทูน่าครีบเหลือง สร้างรายได้ให้ชาวประมงเมืองผิงตงไม่น้อย
คลิกฟังรายการที่นี่
ปลาทูน่าครีบเหลือง 1 ใน 7 สายพันธุ์ที่นิยมกิน และจับได้ในทะเลแถบเมืองไถตงของไต้หวัน ปีนี้จับปลาทูน่าชนิดนี้มากกว่าปีอื่นๆ ทำให้ชาวประมงเมืองไถตงดีใจจนยิ้มแต้ แต่ปลาชนิดนี้มีการแบ่งเกรดตามน้ำหนัก มีทั้งตัวขนาดเล็ก ขนาดกลาง รวมทั้งขนาดใหญ่ จากข้อมูลการประมงชี้ว่า การจับปลาทูน่าครีบเหลืองเริ่มตั้งแต่หลังเทศกาลตรุษจีนจนถึงช่วงวันคล้ายวันเกิดของเทพมาจู่ แต่ปีนี้ดูเหมือนว่าไม่เป็นไปตามข้อมูล ไม่เพียงแต่มีการจับในช่วงเวลาที่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม ที่ยิ่งไปกว่านี้ แม้ช่วงต้นมิถุนายนก็ยังจับได้ประปรายด้วย สมาคมปลาเขตชินกั่งเมืองไถตงบอกว่า ตั้งแต่ช่วงที่จับได้จนกระทั่งต้นเดือนพฤษภาคมมีการประมูลขายปลาทูน่าครีบเหลืองมากถึง 315 ตัน มากกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน 2.7 เท่า และยังเป็นปริมาณมากที่สุดตั้งแต่มีการทำสถิติจับได้ตั้งแต่ปี 2000 ด้วย
หลี่ซิ่วเหลียน(李秀蓮) ผู้จัดการสมาคมปลาเขตลวี่เต่าบอกว่า ชาวประมงดีมากที่จับปลาทูน่าครีบเหลืองปริมาณมากเป็นพิเศษ แม้แต่ชาวประมงผู้อาวุโสยังบอกว่าไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย ปริมาณมากแต่ก็ยังขายได้ราคา ทางการประมงมีการแจ้งข่าวว่ายังมีปริมาณของปลาทูน่าครีบเหลืองอีก ทำให้ชาวประมงไม่อยากพักผ่อน ยังคงออกทะเลแม้จะเหนื่อยก็ตาม แต่ละครั้งจับได้หลาย 10 ตัว นำไปประมูลขายได้กิโลกรัมละ 90-100 เหรียญไต้หวัน ส่วนใหญ่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กก. แต่ปีที่แล้วจับได้ปริมาณน้อย ราคาก็ไม่ดี เป็นปลาที่ราคาไม่แพง เป็นมิตรกับประชาชน ราคาเอื้อมถึง ส่วนปลาทูน่าครีบเหลืองน้ำหนักมากกว่า 30 กก.ขึ้นไปถือเป็นปลาเกรดดี ขายได้มากกว่า 200-300 เหรียญไต้หวันต่อกก.
ปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กิโลกรัม คนไต้หวันจะเรียกว่า “เสี่ยวช่วนไจ่“小串仔” จะแยกออกมาขาย ซึ่งปลาทูน่าครีบเหลืองที่จับได้ในเมืองไถตงส่วนใหญ่จะเป็นเสี่ยวช่วนไจ่ด้วย เฉินจวี้นหมิง(陳俊銘) ผู้จัดการสมาคมปลาเขตซินกั่งบอกว่า ขนาดของปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กก.จะครองสัดส่วน 70% น้ำหนัก 15- 35 กก. ครองสัดส่วน 20% ส่วนน้ำหนักมากกว่า 35 กก.จะพบได้น้อยมาก มีสัดส่วนเพียงแค่ 10% เท่านั้น นอกจากนี้ ปลาทูน่าครีบเหลืองที่มีขนาดกลางขึ้นไป เวลาประมูลขายในท้องตลาดจึงจะเรียกว่า “ปลาทูน่าครีบเหลือง” เขายังบอกด้วยว่า ช่วงกลางเดือนพ.ค.ไปแล้วจะเป็นฤดูการจับปลาอีโต้มอญและปลาทูน่าบลูฟิน ปลาอีโต้มอญมักจะจับได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่จับได้ปริมาณมากแค่ปีละ 2 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่หลังช่วงเทศกาลเช็งเม้งจนถึงเดือนมิ.ย. และอีกช่วงหนึ่งตั้งแต่เดือนก.ย.จนถึงเดือนพ.ย. แต่ขณะนี้ยังจับได้ปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ถ้าปริมาณของปลาบินมากพอก็จะดึงดูดให้ฝูงปลาอีโต้มอญปรากฏตัวเพิ่มขึ้น เพราะปลาอีโต้มอญล่าปลาบินเป็นอาหาร
แม้ช่วงนี้การระบาดของโควิด 19 ยังคงมีผู้ติดเชื้อกันมาก แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการซื้อปลา เพราะมีมาตรการรองรับที่ดี ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งซื้อทางโทรศัพท์และส่งถึงที่โดยตรง หรือไม่ก็แช่แข็ง แช่เย็นทันทีหลังจับได้ จากนั้นส่งขายไปที่บ้านหรือร้านได้เลย เร็วที่สุดแค่วันเดียวก็ส่งถึง และยังได้กินปลาสดๆ ชาวประมงแซ่จางบอกว่า ปลาทูน่าครีบเหลืองเกรดดีนำมาทำเป็นปลาดิบ รสชาติอร่อยด้วย ยังเอามาเจี๋ยน ปิ้ง ย่าง หรือแม้แต่ต้มซุปขิงซอย หรือเอามาเคี่ยวเป็นน้ำซุปก็ได้ รสชาติก็ไม่เลว ปลาตัวหนึ่งกินได้หลายอย่าง ซื้อทั้งตัวจะคุ้มกว่า เน้นต้องเป็นปลาทูน่าครีบเหลืองเกรดดีเท่านั้น ส่วนตัวเล็กไม่เหมาะที่จะนำมากินเป็นปลาดิบ มักจะซื้อมากินกันในครอบครัว เอามาเจี๋ยน ทอด หรือเคี่ยวกับหัวน้ำซุปก็ได้