
Sign up to save your podcasts
Or


หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่ เป็นศัตรูพืชที่ดื้อยาฆ่าแมลงและสร้างความเสียหายหนักแก่สวนลิ้นจี่มานาน แต่ทีมนักวิจัยไต้หวันนำโดยฟางซิ่นซิ่ว(方信秀) พบว่า “แสงเขียว” สามารถหยุดการเคลื่อนไหวและยับยั้งการผสมพันธุ์ของหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่รบกวนการเติบโตของต้นลิ้นจี่ ต่างจากแสงฟ้าหรือแสงขาวที่แม้ได้ผลกับแมลง แต่ส่งผลเสียต่อผลผลิต ซึ่งวิธีนี้ไม่เพียงควบคุมแมลงได้ตรงจุด ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมกว่าการใช้สารเคมี แต่ยังรักษาระบบนิเวศในสวนไว้ได้ครบถ้วน ถือเป็นนวัตกรรม “แสงแห่งความหวัง” ที่ช่วยเกษตรกรได้อย่างแท้จริง และสามารถประยุกต์ใช้กับพืชอื่นอย่างต้นหอมได้ด้วย
หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่ เป็นศัตรูพืชที่ดื้อยา
ฟางซิ่นซิ่วเผยว่า หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่เริ่มระบาดทันทีหลังลิ้นจี่ติดผลอ่อน ซึ่งเป็นช่วงสำคัญในการควบคุมแมลง แต่เกษตรกรมักหลีกเลี่ยงการฉีดยาช่วงดอกบานเพื่อไม่รบกวนผึ้งผสมเกสร หากเริ่มเปิด “แสงเขียว” ตั้งแต่ช่วงนี้ จะช่วยตัดวงจรชีวิตแมลงได้ตั้งแต่ต้น เพราะหนอนไม่ชอบแสงและอากาศเย็น ทั้งนี้ ช่วงผลอ่อนยังมี “ช่วงร่วงผลตามธรรมชาติ” ซึ่งราว 30% เกิดจากแมลงทำลาย หากยังเปิดไฟต่อเนื่อง จะยับยั้งการฟักตัวและการแพร่พันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อนเก็บเกี่ยวก็เป็นช่วงเสี่ยง เพราะไม่สามารถใช้สารเคมีได้อีก แสงเขียวจึงทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันสุดท้าย ช่วยลดความเสียหายจากแมลงจนถึงวันเก็บเกี่ยว “ลดการสูญเสีย ก็คือเพิ่มรายได้” ปัจจุบันเทคนิคนี้ถูกนำไปใช้จริงในหลายพื้นที่ และช่วยลดศัตรูพืชเหลือเพียง 2% ทั้งในสวนอินทรีย์และเกษตรทั่วไป
จากการวิจัยพบว่าแสงสีเขียวปรับศัตรูหนอนลิ้นจี่ได้ดีที่สุด
เกษตรกรลิ้นจี่ที่เขตต้าเฉียว เมืองเกาสง เจียงคุนหลิน(蔣昆霖) เล่าว่า สวนของเขาทำเกษตรแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ว่าใช้วิธีไหนก็ยังควบคุมแมลงไม่ได้ เคยลองใช้ตาข่ายคลุมผล แต่เนื่องจากสวนอยู่บนเนินเขาที่มีลมแรงและพื้นที่ไม่เรียบ ตาข่ายจึงมักถูกลมพัดจนหลุด ทำให้ไม่ได้ผล พอเริ่มใช้เทคนิคแสงเขียว พบว่าศัตรูพืชลดลงชัดเจน ใช้ต่อเนื่องมา 4–5 ปี ผลลัพธ์ก็ยังคงดี “ตอนนี้ลิ้นจี่สามารถส่งไปยังตลาดเกษตรอินทรีย์ได้แล้ว” ส่วน เฉินชิงคุน(陳清坤) เกษตรกรที่ตำบลหลีกั่ง เมืองผิงตง(屏東里港) เจอกับสถานการณ์ที่หนักกว่า เพราะสวนลิ้นจี่ของเขาอยู่ใต้ต้นหมากที่ให้ร่มเงามืด ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับหนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่อย่างยิ่ง ความเสียหายหนักจนเก็บเกี่ยวผลได้ไม่ถึง 30% จนเขาเคยคิดจะโค่นต้นลิ้นจี่ทิ้งและเลิกปลูก แต่หลังจากร่วมมือกับ นักวิจัยฟางซิ่นซิ่ว และติดตั้งไฟเขียวในสวน ความเสียหายก็เริ่มลดลง ปัจจุบันเขาไม่เพียงแค่รักษาสวนไว้ได้ แต่ยังกลับมามีกำลังใจในการปลูกลิ้นจี่อีกครั้ง
แสงสีเขียวปรับศัตรูหนอนลิ้นจี่ได้ดีที่สุด
สวี่หลุนจ้าว(許倫肇) ผู้ก่อตั้งสหกรณ์ฟางจิ้ง เป็นทั้งเกษตรกรและผู้ส่งออกลิ้นจี่ เขากล่าวว่า ลิ้นจี่พันธุ์อวี้เหอเปา (玉荷包) ของไต้หวัน ที่ส่งออกแช่เย็นไปยังนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย มีความกังวลสูงมากเรื่อง “แมลง” และ “สารตกค้าง” แต่แสงเขียวช่วยเขาแก้ปัญหาสองอย่างนี้ได้ ปีที่แล้วลิ้นจี่ที่ส่งออกมีผลตรวจยาฆ่าแมลง “เป็น 0”
By รจรัตน์ ยนต์สุวรรณ, Rtiหนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่ เป็นศัตรูพืชที่ดื้อยาฆ่าแมลงและสร้างความเสียหายหนักแก่สวนลิ้นจี่มานาน แต่ทีมนักวิจัยไต้หวันนำโดยฟางซิ่นซิ่ว(方信秀) พบว่า “แสงเขียว” สามารถหยุดการเคลื่อนไหวและยับยั้งการผสมพันธุ์ของหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่รบกวนการเติบโตของต้นลิ้นจี่ ต่างจากแสงฟ้าหรือแสงขาวที่แม้ได้ผลกับแมลง แต่ส่งผลเสียต่อผลผลิต ซึ่งวิธีนี้ไม่เพียงควบคุมแมลงได้ตรงจุด ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมกว่าการใช้สารเคมี แต่ยังรักษาระบบนิเวศในสวนไว้ได้ครบถ้วน ถือเป็นนวัตกรรม “แสงแห่งความหวัง” ที่ช่วยเกษตรกรได้อย่างแท้จริง และสามารถประยุกต์ใช้กับพืชอื่นอย่างต้นหอมได้ด้วย
หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่ เป็นศัตรูพืชที่ดื้อยา
ฟางซิ่นซิ่วเผยว่า หนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่เริ่มระบาดทันทีหลังลิ้นจี่ติดผลอ่อน ซึ่งเป็นช่วงสำคัญในการควบคุมแมลง แต่เกษตรกรมักหลีกเลี่ยงการฉีดยาช่วงดอกบานเพื่อไม่รบกวนผึ้งผสมเกสร หากเริ่มเปิด “แสงเขียว” ตั้งแต่ช่วงนี้ จะช่วยตัดวงจรชีวิตแมลงได้ตั้งแต่ต้น เพราะหนอนไม่ชอบแสงและอากาศเย็น ทั้งนี้ ช่วงผลอ่อนยังมี “ช่วงร่วงผลตามธรรมชาติ” ซึ่งราว 30% เกิดจากแมลงทำลาย หากยังเปิดไฟต่อเนื่อง จะยับยั้งการฟักตัวและการแพร่พันธุ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อนเก็บเกี่ยวก็เป็นช่วงเสี่ยง เพราะไม่สามารถใช้สารเคมีได้อีก แสงเขียวจึงทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันสุดท้าย ช่วยลดความเสียหายจากแมลงจนถึงวันเก็บเกี่ยว “ลดการสูญเสีย ก็คือเพิ่มรายได้” ปัจจุบันเทคนิคนี้ถูกนำไปใช้จริงในหลายพื้นที่ และช่วยลดศัตรูพืชเหลือเพียง 2% ทั้งในสวนอินทรีย์และเกษตรทั่วไป
จากการวิจัยพบว่าแสงสีเขียวปรับศัตรูหนอนลิ้นจี่ได้ดีที่สุด
เกษตรกรลิ้นจี่ที่เขตต้าเฉียว เมืองเกาสง เจียงคุนหลิน(蔣昆霖) เล่าว่า สวนของเขาทำเกษตรแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ว่าใช้วิธีไหนก็ยังควบคุมแมลงไม่ได้ เคยลองใช้ตาข่ายคลุมผล แต่เนื่องจากสวนอยู่บนเนินเขาที่มีลมแรงและพื้นที่ไม่เรียบ ตาข่ายจึงมักถูกลมพัดจนหลุด ทำให้ไม่ได้ผล พอเริ่มใช้เทคนิคแสงเขียว พบว่าศัตรูพืชลดลงชัดเจน ใช้ต่อเนื่องมา 4–5 ปี ผลลัพธ์ก็ยังคงดี “ตอนนี้ลิ้นจี่สามารถส่งไปยังตลาดเกษตรอินทรีย์ได้แล้ว” ส่วน เฉินชิงคุน(陳清坤) เกษตรกรที่ตำบลหลีกั่ง เมืองผิงตง(屏東里港) เจอกับสถานการณ์ที่หนักกว่า เพราะสวนลิ้นจี่ของเขาอยู่ใต้ต้นหมากที่ให้ร่มเงามืด ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับหนอนเจาะขั้วผลลิ้นจี่อย่างยิ่ง ความเสียหายหนักจนเก็บเกี่ยวผลได้ไม่ถึง 30% จนเขาเคยคิดจะโค่นต้นลิ้นจี่ทิ้งและเลิกปลูก แต่หลังจากร่วมมือกับ นักวิจัยฟางซิ่นซิ่ว และติดตั้งไฟเขียวในสวน ความเสียหายก็เริ่มลดลง ปัจจุบันเขาไม่เพียงแค่รักษาสวนไว้ได้ แต่ยังกลับมามีกำลังใจในการปลูกลิ้นจี่อีกครั้ง
แสงสีเขียวปรับศัตรูหนอนลิ้นจี่ได้ดีที่สุด
สวี่หลุนจ้าว(許倫肇) ผู้ก่อตั้งสหกรณ์ฟางจิ้ง เป็นทั้งเกษตรกรและผู้ส่งออกลิ้นจี่ เขากล่าวว่า ลิ้นจี่พันธุ์อวี้เหอเปา (玉荷包) ของไต้หวัน ที่ส่งออกแช่เย็นไปยังนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย มีความกังวลสูงมากเรื่อง “แมลง” และ “สารตกค้าง” แต่แสงเขียวช่วยเขาแก้ปัญหาสองอย่างนี้ได้ ปีที่แล้วลิ้นจี่ที่ส่งออกมีผลตรวจยาฆ่าแมลง “เป็น 0”