
Sign up to save your podcasts
Or
ในไต้หวันเมื่อเข้าสู่ช่วงของฤดูร้อน จะมีผลไม้หน้าร้อนออกวางขายในท้องตลาดมากมาย ซึ่งหนึ่งในผลไม้หน้าร้อนที่ได้รับความนิยมกินกันมากนั่น คือ ผลไม้ประเภท เมลอน เนื่องจากเมลอนเป็นพืชตระกูลแตงที่มีรสหอมหวาน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ขายได้ราคาดี และเมลอนก็ยังมีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น แคนตาลูป เมลอนเหม่ยหนงหรือที่คนไต้หวันเรียกว่า “เหม่ยหนงกวา(美濃瓜)” เมลอนเซียงกวา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมลอนบางพันธุ์ เช่น เมลอนเหมยหนงที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ในช่วงที่มีฝนตกชุก ก็จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของแตงได้ คือปลายผลที่มีลักษณะแอ่งคล้ายสะดือจะปริแตกง่าย ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง
เมลอนพันธุ์ใหม่ปลายผลไม่ปริแตกง่าย(ซ้าย) เมลอนเซียงกวาปลายผลปริแตกง่า(ขวา)
เพื่อต้องการเพาะพันธุ์เมลอนที่มีคุณภาพดี ไม่ปริแตกง่าย สถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตไถหนาน ได้ใช้เวลา 11 ปี ในการวิจัยและพัฒนา ผสมพันธุ์เมลอนข้ามสายพันธุ์ ได้เมลอนหวานสายพันธุ์ใหม่ที่มีผิวสีเหลืองลายเส้นสีเงิน ผลสวย เนื้อละเอียด หวานฉ่ำ หน้าตาคล้ายๆ เมลอนเกาหลี ที่สำคัญไม่มีปัญหาปริแตกง่าย กินได้ทั้งเปลือกและเมล็ด และ ตั้งชื่อว่า "ไถหนาน หมายเลข 15(台南 15 號)" และมีการจดสิทธิ์ของพันธุ์แล้วในวันที่ 17 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา
เมลอนไถหนาน หมายเลข 15
หยางหงอิง(楊宏瑛)ผู้อำนวยการสถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรไถหนาน บอกว่าตอนที่ไปเที่ยวประเทศเกาหลี ได้ชิมเมลอนเกาหลี มีความอร่อยมาก เป็นเมลอนที่นิยมปลูกในเกาหลี ชาวต่างชาติเรียกว่า เมลอนเกาหลี(Korean melon) และในปี 2010 เคยมีผู้ประกอบการนำเข้าเมลอนเกาหลีมาปลูกในไต้หวัน แต่เนื่องจากความหวานมีเพียง 11°Brix ไม่ค่อยหวาน จึงไม่ได้รับการส่งเสริมปลูกในไต้หวัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทางสถานีวิจัยฯ ได้ทำการพัฒนาข้ามสายพันธุ์ นานถึง 11 ปี ในที่สุดได้เมลอนพันธุ์ใหม่ ซึ่งก็คือ"ไถหนาน หมายเลข 15(台南 15 號)" นี่เอง
เมลอนพันธุ์ใหม่ เนื้อหวานฉ่ำ
เมลอน"ไถหนาน หมายเลข 15 เป็นเมลอนที่สุกเร็ว หลังผสมเกสร 25 ถึง 29 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ในส่วนของปลายผลที่มีลักษณะเป็นแอ่งคล้ายสะดือไม่ปริแตกง่าย และแอ่งนี้มีขนาดเล็กลงด้วย เปลือกนอกสีเหลืองอร่าม มีลายเส้นสีเงิน น้ำหนักต่อผลเฉลี่ย 400 กรัม บางลูกใหญ่หน่อยมีน้ำมากถึง 600 กรัม เป็นที่สะดุดตา เมื่อสุกจะมีกลิ่นหอม ที่สำคัญเนื้อเมลอนขาวละเอียด ฉ่ำน้ำ เมล็ดเล็ก เปลือกบาง กินได้ทั้งเนื้อและเปลือกมีความหวาน 13-15 °Brix หรือสูงสุดอาจมีความหวานถึง 16.5 °Brix สามารถนำมาปั่นก็ได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หรือจะนำมาทำเป็นสลัดก็ได้ นอกจากนี้ เมลอน "ไถหนานหมายเลข 15" ยังมีขนาดเล็กกว่า เหมาะครอบครัวขนาดเล็ก 1-2 คน หากเทียบกับเมลอนเหม่ยหนงแล้ว เมลอน "ไถหนานหมายเลข 15"ที่มีเปลือกสีเหลืองจะมีสารเรตินอล และเบต้าแคโรทีนที่สูงกว่า ซึ่งเรตินอลก็เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ใช้เสริมความงาม และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี
ในไต้หวันเมื่อเข้าสู่ช่วงของฤดูร้อน จะมีผลไม้หน้าร้อนออกวางขายในท้องตลาดมากมาย ซึ่งหนึ่งในผลไม้หน้าร้อนที่ได้รับความนิยมกินกันมากนั่น คือ ผลไม้ประเภท เมลอน เนื่องจากเมลอนเป็นพืชตระกูลแตงที่มีรสหอมหวาน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ขายได้ราคาดี และเมลอนก็ยังมีหลากหลายสายพันธุ์ เช่น แคนตาลูป เมลอนเหม่ยหนงหรือที่คนไต้หวันเรียกว่า “เหม่ยหนงกวา(美濃瓜)” เมลอนเซียงกวา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมลอนบางพันธุ์ เช่น เมลอนเหมยหนงที่เป็นพันธุ์ดั้งเดิม ในช่วงที่มีฝนตกชุก ก็จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของแตงได้ คือปลายผลที่มีลักษณะแอ่งคล้ายสะดือจะปริแตกง่าย ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลง
เมลอนพันธุ์ใหม่ปลายผลไม่ปริแตกง่าย(ซ้าย) เมลอนเซียงกวาปลายผลปริแตกง่า(ขวา)
เพื่อต้องการเพาะพันธุ์เมลอนที่มีคุณภาพดี ไม่ปริแตกง่าย สถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรเขตไถหนาน ได้ใช้เวลา 11 ปี ในการวิจัยและพัฒนา ผสมพันธุ์เมลอนข้ามสายพันธุ์ ได้เมลอนหวานสายพันธุ์ใหม่ที่มีผิวสีเหลืองลายเส้นสีเงิน ผลสวย เนื้อละเอียด หวานฉ่ำ หน้าตาคล้ายๆ เมลอนเกาหลี ที่สำคัญไม่มีปัญหาปริแตกง่าย กินได้ทั้งเปลือกและเมล็ด และ ตั้งชื่อว่า "ไถหนาน หมายเลข 15(台南 15 號)" และมีการจดสิทธิ์ของพันธุ์แล้วในวันที่ 17 สิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา
เมลอนไถหนาน หมายเลข 15
หยางหงอิง(楊宏瑛)ผู้อำนวยการสถานีวิจัยและส่งเสริมการเกษตรไถหนาน บอกว่าตอนที่ไปเที่ยวประเทศเกาหลี ได้ชิมเมลอนเกาหลี มีความอร่อยมาก เป็นเมลอนที่นิยมปลูกในเกาหลี ชาวต่างชาติเรียกว่า เมลอนเกาหลี(Korean melon) และในปี 2010 เคยมีผู้ประกอบการนำเข้าเมลอนเกาหลีมาปลูกในไต้หวัน แต่เนื่องจากความหวานมีเพียง 11°Brix ไม่ค่อยหวาน จึงไม่ได้รับการส่งเสริมปลูกในไต้หวัน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทางสถานีวิจัยฯ ได้ทำการพัฒนาข้ามสายพันธุ์ นานถึง 11 ปี ในที่สุดได้เมลอนพันธุ์ใหม่ ซึ่งก็คือ"ไถหนาน หมายเลข 15(台南 15 號)" นี่เอง
เมลอนพันธุ์ใหม่ เนื้อหวานฉ่ำ
เมลอน"ไถหนาน หมายเลข 15 เป็นเมลอนที่สุกเร็ว หลังผสมเกสร 25 ถึง 29 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ในส่วนของปลายผลที่มีลักษณะเป็นแอ่งคล้ายสะดือไม่ปริแตกง่าย และแอ่งนี้มีขนาดเล็กลงด้วย เปลือกนอกสีเหลืองอร่าม มีลายเส้นสีเงิน น้ำหนักต่อผลเฉลี่ย 400 กรัม บางลูกใหญ่หน่อยมีน้ำมากถึง 600 กรัม เป็นที่สะดุดตา เมื่อสุกจะมีกลิ่นหอม ที่สำคัญเนื้อเมลอนขาวละเอียด ฉ่ำน้ำ เมล็ดเล็ก เปลือกบาง กินได้ทั้งเนื้อและเปลือกมีความหวาน 13-15 °Brix หรือสูงสุดอาจมีความหวานถึง 16.5 °Brix สามารถนำมาปั่นก็ได้ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หรือจะนำมาทำเป็นสลัดก็ได้ นอกจากนี้ เมลอน "ไถหนานหมายเลข 15" ยังมีขนาดเล็กกว่า เหมาะครอบครัวขนาดเล็ก 1-2 คน หากเทียบกับเมลอนเหม่ยหนงแล้ว เมลอน "ไถหนานหมายเลข 15"ที่มีเปลือกสีเหลืองจะมีสารเรตินอล และเบต้าแคโรทีนที่สูงกว่า ซึ่งเรตินอลก็เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ใช้เสริมความงาม และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี