ที่นี่ไต้หวัน

ที่นี่ไต้หวัน วันอังคารที่ 21 ก.พ.2566


Listen Later

     รายการครั้งนี้ขอนำเรื่องของกะหล่ำดอก และบรอกโคลีมาเล่าสู่กันฟัง เพราะช่วงนี้ ผักทั้ง 2 ประเภทมีผลผลิตมาก เป็นผักฤดูหนาวที่ต้องกินกัน ทั้งรูปลักษณ์และสีสันก็สวย มีความอร่อย ที่สำคัญล้วนมีประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ซึ่งกะหล่ำดอกหรือกะหลํ่าต้น เป็นหนึ่งในผักที่อยู่ในสกุลกะหล่ำ (Brassica) ส่วนที่นำมากินคือปลายยอดของลำต้น มีเนื้อเยื่อดอัดแน่นเป็นกระจุก พันธุ์ดั้งเดิมส่วนใหญ่มีสีเหลืองอ่อน แต่ปัจจุบันยังมีสีม่วง เหลือง ส้ม เขียว และกะหล่ำดอกรูปเจดีย์ แต่ในไต้หวันมีสภาพอากาศร้อนชื้น มีหนอนแมลงรบกวน ส่วนใหญ่ปลูกกะหล่ำดอกสีขาว

ในไต้หวันปลูกกะหล่ำดอกสีขาวเป็นหลัก

     แต่ก็ยังมีกะหล่ำดอกสีม่วง “ไถหนงเบอร์ 1” เป็นสายพันธุ์เดียวที่ไต้หวันใช้เวลานาน 33 ปี วิจัยพัฒนาขึ้นมาได้เอง โดย ผู้ทำการทดลองวิจัย คือ เสิ่นไจ้ฟา(沈再發) อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยการเกษตรพืชร้อนเขตฟ่งซาน นำเข้ากะหล่ำดอกสีม่วง 25 ต้นจากอังกฤษมาปลูกในปี 1979 หลังผ่านการทดลอง คัดเลือกพันธุ์ ปลูกในพื้นที่ต่างๆ ขจัดปัญหาไม่ทนต่ออากาศร้อน รวมทั้งต้นใหญ่เกินไปจนทำให้ต้นล้ม หรือแม้แต่รสชาติที่แข็งกว่าปกติ ในที่สุดได้กะหล่ำดอกสีม่วง “ไถหนงเบอร์ 1” นอกจากนี้ ไม่กี่ปีนี้ ยังมีกะหล่ำดอกสีเขียวที่เป็นรูปเจดีย์ออกมาขายในท้องตลาดบ้าง แต่ หลินเจินอิ้ว(林楨祐) ผู้ช่วยวิจัยสถาบันทดลองพืชสวนฟ่งซานบอกว่า กะหล่ำดอกรูปเจดีย์นี้ไม่ใช่บรอกโคลีสีเขียว แต่เป็นกะหล่ำดอกโรมัน มีแหล่งกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นพันธุ์ที่ไม่ทนความร้อน จึงพบเห็นได้น้อยมาก อีกทั้งรสชาติค่อนข้างแข็ง

กะหล่ำดอกสีม่วง "ไถหนงเบอร์ 1"

     มีคำถามว่า กะหล่ำดอกและบรอกโคลีนำมาปลูกในไต้หวันเมื่อไหร่ คำตอบคือ ผักบรอกโคลี นำเข้ามาปลูกในไต้หวันมีความเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือจากสหรัฐ ปี 1980 เริ่มปลูกในเชิงพาณิชย์ มีหลายพันธุ์ และยังมีพันธุ์ที่หน่วยงานเกษตรวิจัยเองด้วย ส่วนกะหล่ำดอกนำมาปลูกในไต้หวันเร็วกว่าบรอกโคลี ต้นศตวรรษที่ 20 นำเข้าจากญี่ปุ่นมาทดลองปลูก ปี 1950 ทางสถาบันวิจัยฯนำเข้ากะหล่ำดอกจากอินเดียที่ทนความร้อนมาปลูก จากนั้นวิจัยพัฒนาต่อเนื่อง ได้สายพันธุ์ที่เหมาะกับไต้หวัน และปัจจุบันก็ยังมีพันธุ์ที่กำลังวิจัยพัฒนาด้วย ส่วนแหล่งปลูกกะหล่ำดอกและบรอกโคลีในไต้หวันมีความต่างบ้าง ที่เมืองจางฮั่วและนครเกาสง เป็นแหล่งปลูกกะหล่ำดอกที่สำคัญ ครองสัดส่วน 80% ส่วนบรอกโคลีปลูกที่เมืองเจียอี้ และเมืองหยุนหลิน เป็นหลัก ซึ่งผักทั้ง 2 ชนิดล้วนชอบอากาศเย็น ดังนั้นฤดูที่มีมากอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

บรอกโคลีที่แก่ออกดอกสีเหลือง

     หลายคนสงสัยว่า กะหล่ำดอกและบรอกโคลีอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการจริงหรือไม่ คำตอบคือ เนื่องจากบรอกโคลีและกะหล่ำดอกอุดมไปด้วยซัลโฟราเฟนที่มีคุณสมบัติยับยั้งเซลล์มะเร็ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีเส้นใยสูง มีวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม โพแทสเซียม แต่บรอกโคลีมีวิตามินเอสูงกว่ากะหล่ำดอกที่ช่วยบำรุงสายตา สร้างภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ป้องกันมะเร็ง ส่วนกะหล่ำดอกสีม่วง มีวิตามินซีสูง ใน 100 กรัม มีวิตามินซี 96.1 มก. สูงกว่ากีวี 1.3 เท่า และสูงกว่ามะนาว 2.8 เท่า เพราะฉะนั้น การกินบรอกโคลีและกะหล่ำดอกจึงมีประโยชน์กับร่างกายมาก

เกษตรกรไต้หวันนิยมเอาผ้าคลุมกะหล่ำดอกเพื่อให้มีสีขาวสวย

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ที่นี่ไต้หวันBy รจรัตน์ ยนต์สุวรรณ, Rti