ที่นี่ไต้หวัน

ที่นี่ไต้หวัน วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564


Listen Later

ต้องร่วมด้วยช่วยกัน!! แม้เลี้ยงหอยนางรมสร้างชีวิต สร้างรายได้ แต่ก็สร้างมลภาวะทางทะเลด้วย...

        รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการเลี้ยงหอยนางรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ซึ่งหอยนางรมถือเป็นอาหารทะเลที่ผู้คนนิยมบริโภค สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย รสชาติอร่อย รับประทานได้ทั้งแบบสดๆ และแบบปรุงสุก โดยเอาไปอบ นึ่ง ปิ้งย่าง ผัด ทอดก็ได้  อย่างตามตลาดนัดกลางคืนมีเมนูหอยทอดหรือออส่วน และหอยนางรมใส่ในหมี่ซั่วที่คนไต้หวันชื่นชอบ เนื่องจากหอยนางรมเป็นอาหารทะเลที่มีไขมันและแคลอรี่ต่ำ แต่อุดมไปด้วยสารโภชนาการต่าง ๆ คนจึงเชื่อว่าการรับประทานหอยนางรมอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพด้านต่าง ๆ รักษาหรือป้องกันโรคภัยบางชนิด และยังมีความเชื่อที่ว่าการบริโภคหอยนางรมดิบอาจช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย คนญี่ปุ่นถือว่าหอยนางรมคืออาหารราชา(帝王食品) ส่วนคนยุโรปถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์นมวัวจากทะเล นอกจากนี้ หอยนางรมเป็นแหล่งสารอาหารสำคัญของวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น สังกะสี ทองแดง วิตามินบี 12 วิตามินดี โปรตีน และโอเมก้า 3 เป็นต้น

หอยนางรมปิ้งย่าง หวาน สด อร่อยๆ

        หอยนางรมภาษาจีนเรียกว่า “หมู่ลี่牡蠣” หรือเรียกว่า “เคอ蚵” หรือ “หาว蠔”  เป็นอาหารทะเลที่คนไต้หวันนิยมบริโภคอย่างแพร่หลาย  มีการพัฒนาการเพาะเลี้ยงหอยนางรมตั้งแต่ยุคญี่ปุ่นปกครองไต้หวัน นอกจากนี้ ยังเป็นอาหารทะเลที่สร้างรายได้อย่างดี มักเลี้ยงกันบริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก แถบเมืองซินจู๋ ไถจงไถหนาน เกาสง หรือแม้แต่ทางภาคเหนือแถบแม่น้ำตั้นสุ่ย ซึ่งวิธีการเลี้ยงอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง อย่างเช่น  เขตชายฝั่งทะเลเมืองเจียอี้ มักใช้ไม้ไผ่ที่ยาวประมาณ 2 ฟุต แล้วก็ผ่าบริเวณหัวไม้ไผ่ จากนั้นเอาเปลือกหอยนางรมเปล่าหนีบไว้ในไม้ไผ่ เพื่อให้ลูกหอยเกาะอาศัยและเจริญเติบโต หรืออาจจะเจาะรูบนเปลือกหอย แล้วก็ผูกติดกับไม้ไผ่ จากนั้นปักในบริเวณที่มีน้ำขึ้น และยังมีบางส่วนบางท้องที่ของเมืองเจียอี้ใช้วิธีโยนเปลือกหอยนางรมเปล่าลงไปในน้ำเลย เพื่อให้ลูกหอยนางรมเกาะเจริญเติบโต แต่วิธีการนี้ทำกันน้อยมาก ส่วนแหล่งเลี้ยงหอยนางรมที่สำคัญของเมืองไถหนานจะใช้วิธีการเลี้ยง  2 แบบ แบบแรกเป็นการทำโครงแขวนในแนวราบ บริเวณชายหาดตื้นๆ เพื่อใช้เป็นที่ยึดเกาะของหอยนางรม และไม่ต้องอาศัยตัวช่วยพยุง โดยตัวโครงที่ใช้ยึดไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทุกปี ส่วนแบบที่สอง ใช้โครงไม้ไผ่ทำเป็นแพลอยและอาศัยโฟมจำนวนมากช่วยพยุงตัว โดยผูกโฟมให้ติดอยู่ด้านล่างของแพลอย เลี้ยงห่างจากฝั่ง 1.5 ไมล์ทะเล ในเขตอันหนาน เขตอันผิง และเขตใต้ของเมืองไถหนาน โดยทั้ง 3 เขตรวมเนื้อที่เกือบ 1,400 เฮกตาร์ โครงที่ใช้ยึดหอยนางรมมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี  และสถิติปี 2020 มีชาวประมงลงทะเบียนเลี้ยงหอยนางรมแบบแพลอยใน 3 เขตมีทั้งหมด 9,639 แพ เพราะฉะนั้นโครงและโฟมที่ใช้พยุงจึงกลายเป็นขยะหลักทางทะเลที่ถูกทิ้งเรี่ยราดบริเวณชายฝั่ง ทั้งนี้  โฟมเป็นวัสดุที่อ่อน กุ้ง หอย ปู อาจชอบไปยึดเกาะอาศัย หากโฟมเหล่านี้ถูกน้ำทะเลกัดเซาะ อาจจะแตกเป็นเศษย่อย ชิ้นเล็กๆ ทำให้ กุ้ง หอย ปู กินเข้าไปในท้องเพราะคิดว่าเป็นอาหาร จากนั้นเกิดการสะสมในร่างกาย เมื่อมนุษย์จับไปกินเป็นอาหารก็เหมือนกับกินพลาสติกชิ้นเล็กๆเข้าไปในร่างกายด้วย นอกจากนี้ ถ้าโฟมที่ลอยอยู่ในทะเลนานๆ เมื่อถูกน้ำทะเลกัดเซาะ เศษโฟมก็กลายเป็นขยะที่ลอยไปกองอยู่บริเวณชายฝั่ง หรือไม่ก็มีชาวประมงที่เลี้ยงหอยนางรมเอาซากโฟมที่ไม่ใช้แล้วทิ้งเรี่ยราดตามชายฝั่ง หากมีลมหรือไต้ฝุ่นพัดก็จะลงสู่ทะเลอีกครั้ง หรือไม่ก็มีการกำจัดซากโฟมด้วยการเผา เอาเศษเหล็กไปขายและทิ้งโฟมไว้เรี่ยราด จึงกล่าวได้ว่าล้วนแต่เป็นการสร้างมลภาวะทั้งนั้น

โครงไม้ไผ่ที่ใช้ทำแพลอยเลี้ยงหอยนางรม

        อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปีที่แล้ว รัฐเริ่มมีมาตรการเข้มงวดห้ามเผาทำลายขยะที่มาจากการเลี้ยงหอยนางรม และเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ข้างต้นให้เบาบางลง รัฐบาลจัดหาสถานที่เก็บรวบรวมโครงแพลอยชั่วคราวขึ้น 6 แห่งใน 3 เขตที่มีการเลี้ยงหอยนางรม ช่วงเดือนมี.ค.ถึงเดือนมิ.ย.ของทุกปีที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิต สมาคมการประมงจะส่งพนักงานไปทำการบันทึกจำนวนของแพลอยที่ต้องการทิ้ง  จากนั้นใช้เครื่องจักรลากโครงของแพลอยขึ้นบก  รวบรวมไว้ในสถานที่จัดเก็บชั่วคราว และทางรัฐบาลยังมีการว่าจ้างผู้ประกอบการทำการแยกชิ้นส่วนของแพลอยที่ไม่ต้องการใช้แล้ว มีการนำวัสดุที่ได้ส่งเข้าโรงงานที่จัดการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย  ทำการแปรรูปต่อไป ส่วนโฟมที่แยกได้จะนำไปทำความสะอาด บด แยกวัสดุที่ไม่ต้องการแล้วหลอมเป็นวัตถุดิบโฟมเกรด C เพื่อนำไปใช้ใหม่ สามารถลดต้นทุนการจัดการได้ครึ่งหนึ่ง

ปี 2022 รัฐบาลตั้งเป้าเลิกใช้โฟมในการพยุงแพลอยที่ใช้เลี้ยงหอยนางรม

       นอกจากนี้  ปี 2022 รัฐบาลตั้งเป้าให้มีการเลิกใช้โฟมในการทำแพลอยสำหรับการเลี้ยงหอยนางรม โดยมีการมอบหน้าที่ให้กับสมาคมการประมงทำการลงทะเบียนชาวประมงที่เลี้ยงหอยนางรม ชาวประมงที่ผ่านการลงทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายแล้วก็จะมอบธงเป็นสัญลักษณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ท่าเรือและสมาคมการประมงร่วมกันลาดตระเวน ตรวจดูว่าชาวประมงได้ปฏิบัติตามกฏระเบียบหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่เลี้ยงหอยนางรมใหญ่มาก เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ดังนั้น คณะกรรมการกิจการทางทะเล คณะกรรมการการเกษตรจึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเฉิงกงและมหาวิทยาลัยจงซัน ร่วมกันพัฒนาระบบจัดการอัจฉริยะที่ใช้แผ่นชิปอาร์เอฟไอดี (RFID - Radio frequency identification) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุ (Radio frequency) ในการเก็บข้อมูล  ระบุตัวตน จำนวน 130 ชิ้น ติดไว้ที่โครงแพลอย หากแพลอยอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติเมื่อไหร่ ก็จะส่งสัญญาณแจ้งชาวประมง การทำเช่นนี้ทำให้ประหยัดแรงงานและเวลาในการตรวจสอบ และยังเป็นการป้องกันมลภาวะจากการทิ้งแพลอยที่ไม่ใช้แล้วด้วย อู๋เจินลี่(吳真利) เลขาธิการสมาคมปลาเขตใต้ของเมืองไถหนานบอกว่า ชาวประมงส่วนใหญ่ไม่ถนัดในการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน สำหรับการจัดการโดยการฝังชิปนั้น จำเป็นต้องได้รับการแก้ปัญหาต่อไป นอกจากนี้ แผ่นชิปที่ฝัง 1 กลุ่ม ราคา 2,000 กว่าเหรียญไต้หวัน หากชาวประมงมีแพลอยเลี้ยงหอยนางรม 100 แห่ง ก็ต้องลงทุนสูงถึง 200,000 เหรียญไต้หวัน คิดว่ารัฐบาลน่าจะต้องให้เงินสนับสนุน ชาวประมงจึงยินดีที่จะนำไปปฏิบัติ ส่วนผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามก็จะมีบทลงโทษ อย่างเช่น ปรับลงโทษชาวประมงที่ไม่รีไซเคิลแพลอย 3,000 เหรียญไต้หวัน/แพ  ให้เงินสนับสนุนสำหรับผู้ที่รีไซเคิล 250 เหรียญไต้หวัน/แพ  ให้เงินอุดหนุนเปลี่ยนการใช้โฟมลอยที่ผ่านการปรับปรุงแล้วจำนวนเงิน 40 เหรียญไต้หวัน/ชิ้น จากมาตรการดังกล่าวข้างต้น ทำให้ในปี 2020 มีชาวประมงลงทะเบียนใช้แพลอยเลี้ยงหอยนางรมจำนวนมากถึง 9,639 แพ  มีอัตราการรีไซเคิลสูงถึง 98%  และในปี 2017 มีการรีไซเคิลโฟมมากที่สุดมีจำนวนมากถึง 12,258 ชิ้น นอกจากนี้ ในช่วง 3 ปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนไปใช้ทุ่นลอยชนิดใหม่ ทำให้อัตรารีไซเคิลลดลงเหลือ 8,696 ชิ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่ 5 ปีก่อน รัฐบาลและสมาคมประมงเขตใต้ พยายามหาเครื่องทุ่นลอยแทนการใช้โฟม ด้วยการร่วมมือกับผู้ประกอบการผลิตทุ่นลอยที่ทำจากพลาสติกPEและEPPที่มีความคงทนสูง เพื่อให้ชาวประมงเลือกใช้ แต่เนื่องจากพลาสติกPE ผิวเรียบ จึงไม่เหมาะต่อการติดตั้งขณะที่อยู่ในทะเลที่มีลมแรง ทำให้ต่อมามีการพัฒนาเพิ่มร่องและลาย ส่วนEPP มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโฟม แต่ความทนทานในการใช้งานยังไม่เด่นชัด คาดว่าใช้งานทนกว่าโฟม และได้รับการปรับปรุงแก้ปัญหาในเรื่องของการใช้งานแล้ว  นายหลินชิงเฉวียน(林清泉) ชาวประมงเลี้ยงหอยนางรมแบบแพลอยนานกว่า 20 ปี และขณะนี้ยังเป็นตัวแทนสมาคมประมงเขตใต้ของเมืองไถหนานบอกว่า ปัจจุบันกำลังทดลองใช้ทุ่นลอยปรับปรุงใหม่ที่ทำจากพลาสติกPE เขาชี้ว่า แม้มีการออกแบบร่องบนทุ่นลอย แต่การผูกมัดไว้ใต้แพต้องแข่งกับเวลา ที่ผ่านมาถ้าผูกมัดโฟมจะใช้เวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น แต่ถ้าเป็นทุ่นลอยพลาสติกPE จะต้องใช้เวลา 20 นาที นอกจากนี้ ในเรื่องของราคา หากเป็นโฟมลอยแค่ 150 เหรียญไต้หวัน/ชิ้น แต่ถ้าเป็นทุ่นพลาสติกPE ราคา 600-800 เหรียญไต้หวัน/ชิ้น หากคำนวณแพลอยเลี้ยงหอยนางรม 1 แพจะต้องใช้เครื่องทุ่นลอย 12 ชิ้น เพราะฉะนั้นต้นทุนอย่างน้อยต้องจ่ายเพิ่ม 5,400 เหรียญไต้หวัน และนายหลินยังบอกด้วยว่า ชาวประมงส่วนใหญ่คิดว่า แม้ทุ่นลอยพลาสติกPEไม่สะดวกในการใช้งาน ใช้งานไม่ดี แต่ถ้าไม่ต้องจ่ายเงิน โดยรัฐให้การอุดหนุน ก็ยังยอมที่จะนำไปใช้ต่อไปได้...

ทุ่นลอยที่ทำจากพลาสติกPEและEPPที่มีความคงทนสูง แทนการใช้โฟม

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ที่นี่ไต้หวันBy รจรัตน์ ยนต์สุวรรณ, Rti