
Sign up to save your podcasts
Or
ไม่นานที่ผ่านมา สถานีปรับปรุงพันธุ์เขตไทจง จดสิทธิ์พันธุ์พืชสาลี่สายพันธุ์ใหม่ “ไทจงเบอร์ 5 ” ลักษณะของผลสาลี่โต รูปร่างภายนอกสวย เนื้อละเอียด หวานฉ่ำ ความหวานเฉลี่ยมากกว่า 12.5 บริกซ์ หวานสุดมีมาก 14-15 บริกซ์ มีความเปรี้ยวประมาณ 0.25% เมื่อรับประทานแล้วจะให้รสชาติที่ไม่ใช่มีความหวานอย่างเดียวแต่ปนความเปรี้ยวเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกหลายประการ อย่างเช่น ระยะเวลาเก็บเกี่ยวนาน ประมาณ 20 วันจนถึง 1 เดือน และที่สำคัญที่เป็นจุดเด่นของสาลี่สายพันธุ์นี้คือไม่ปริแตกง่าย จึงเป็นข้อดีที่เกษตรกรนำไปปลูกเพราะดูแลง่าย
สาลี่เหิงซาน
สาลี่สายพันธุ์ “ไทจงเบอร์ 5 ” เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างสาลี่หยก(玉梨)ใช้เป็นแม่พันธุ์ ส่วนพ่อพันธุ์เป็นสาลี่เหิงซาน(橫山梨) ข้อดีของสาลี่หยกคือ เนื้อหวาน ละเอียด โดยสาลี่หยกเกิดจากการต่อกิ่งบนสายพันธุ์สาลี่ซินซิง แต่ว่าสาลี่หยกมีข้อเสียคือผลปริแตกง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ฝนตกหรือมีน้ำมาก หากผลปริแตกรุนแรงจะมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้น สาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์นี้จึงได้ข้อดีของสาลี่สายพันธุ์หยกที่มีความหวาน แต่อัตราของผลปริแตกน้อยลง ซึ่งถ้าได้รับการดูแลจัดการที่เหมาะสมก็จะไม่ทำให้ผลปริแตกเลย แต่ถ้าจะเปรียบเทียบข้อเด่นและข้อด้อยระหว่างสาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 กับสาลี่สายพันธุ์โฟงสุ่ย(豐水梨) ในเรื่องของความหวานที่มีระดับ 11 บริกซ์ขึ้นไป ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดี เพราะว่าสาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 มีความหวานเฉลี่ยมากกว่า 12.5 บริกซ์ นอกจากนี้ ในเรื่องของน้ำหนักต่อผล สาลี่ในตลาดโลกน้ำหนักต่อผลมีมากกว่า 300 กรัมจัดเป็นผลโตแล้ว แต่ถ้าน้ำหนักต่อผลมีมากกว่า 500 กรัมขึ้นไปถือว่าโตมาก ซึ่งสาลี่ไทจงเบอร์ 5 นี้ น้ำหนักต่อผลเฉลี่ย 400-500 กรัม หรือมากกว่านี้ด้วยซ้ำ จึงจัดเป็นสาลี่ที่มีผลโตมาก
สาลี่นิวเซนต์จูรี
สาลี่เป็นผลไม้ที่ปลูกในเขตอบอุ่น เป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่ม ที่จำเป็นต้องมีอุณหภูมิต่ำระยะหนึ่งสำหรับการพักตัวก่อนการออกดอก เช่นเดียวกับแอปเปิล ท้อ พลัม แต่เนื่องจากปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อน จึงมีแนวโน้มใหม่ที่จะต้องพัฒนาสายพันธุ์พืชที่ทนความร้อนมากขึ้น สำหรับสาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 จำเป็นต้องมีอุณหภูมิต่ำ 500-700 ชม. ไม่ใช่เป็นพืชที่ต้องการอุณหภูมิต่ำแต่ทนร้อน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าปลูกในพื้นที่ระดับกลางและระดับต่ำเหนือน้ำทะเล ในช่วงฤดูใบไม้ผลิใช้แคลเซียมไซยาไมด์เร่งการเจริญเติบโต ก็ยังสามารถทำให้ออกดอกติดผลได้เช่นกัน
สาลี่โฟงสุ่ย
สวีจิ่นมู่(徐錦木)ผู้ช่วยวิจัยสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชไทจงชี้ว่า สาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 ทดลองนำไปปลูกในสถานีปรับปรุงพันธุ์เหนือระดับน้ำทะเล 19 เมตร ช่วงการเจริญเติบโตค่อนข้างด้อย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ หลังเร่งให้แตกยอด แต่ละกิ่งจะออกดอก 3-5 ดอก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถปลูกในพื้นที่ราบได้ แต่ถ้านำไปปลูกในสิ่งแวดล้อมค่อนข้างเย็นอย่างที่ภูเขาหลีซานที่อยู่ในระดับสูงเหนือน้ำทะเล ก็จะเจริญเติบโตได้ดี แต่ละกิ่งออกดอก 7-11 ดอก คุณภาพของผลคงจะดีกว่า ซึ่งช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วงของการทดลองที่ยังไม่มีผลสรุป แต่ถ้านำไปปลูกในพื้นที่ของเมืองจางฮั่ว ตั้งแต่ต่อกิ่งจนกระทั่งออกดอกต้องใช้เวลา 25 วัน และตั้งแต่ออกดอกจนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลใช้เวลา 135-150 วัน(4.5-5เดือน) แต่เวลาที่ดีที่สุดคือ 145 วัน อย่างไรก็ตาม สาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 แม้จัดเป็นสาลี่คุณภาพดี แต่มีข้อเสียคือการเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำหลังเก็บเกี่ยวมีประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกับสาลี่สายพันธุ์อื่นอย่างเช่น สาลี่โฟงสุ่ย เก็บในอุณหภูมิต่ำได้นาน 1.5 เดือน สาลี่ซินซิง สามารถเก็บได้นาน 3 เดือน ข้อดีของการเก็บไว้อุณหภูมิต่ำนานก็สามารถค่อยๆ ขาย อย่างไรก็ตาม สวีจิ่นมู่บอกว่า สาลี่ไทจงเบอร์ 5 จะใช้วิธีการปลูกและวิธีการขายเหมือนกับสาลี่หิมะ 4029 คือปลูกในเนื้อที่ไม่มาก ขายตรงตามเขต ซึ่งขณะนี้ สาลี่ไทจงเบอร์ 5 ผ่านการจดสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว อนาคตจะถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกร เพื่อนำไปเพาะปลูก แต่เนื่องจากขณะนี้ยังมีขีดจำกัดอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด 19 เพราะฉะนั้นยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนของการถ่ายทอดเทคโนโลยี
สาลี่หิมะน้ำผึ้ง
ไม่นานที่ผ่านมา สถานีปรับปรุงพันธุ์เขตไทจง จดสิทธิ์พันธุ์พืชสาลี่สายพันธุ์ใหม่ “ไทจงเบอร์ 5 ” ลักษณะของผลสาลี่โต รูปร่างภายนอกสวย เนื้อละเอียด หวานฉ่ำ ความหวานเฉลี่ยมากกว่า 12.5 บริกซ์ หวานสุดมีมาก 14-15 บริกซ์ มีความเปรี้ยวประมาณ 0.25% เมื่อรับประทานแล้วจะให้รสชาติที่ไม่ใช่มีความหวานอย่างเดียวแต่ปนความเปรี้ยวเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอีกหลายประการ อย่างเช่น ระยะเวลาเก็บเกี่ยวนาน ประมาณ 20 วันจนถึง 1 เดือน และที่สำคัญที่เป็นจุดเด่นของสาลี่สายพันธุ์นี้คือไม่ปริแตกง่าย จึงเป็นข้อดีที่เกษตรกรนำไปปลูกเพราะดูแลง่าย
สาลี่เหิงซาน
สาลี่สายพันธุ์ “ไทจงเบอร์ 5 ” เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างสาลี่หยก(玉梨)ใช้เป็นแม่พันธุ์ ส่วนพ่อพันธุ์เป็นสาลี่เหิงซาน(橫山梨) ข้อดีของสาลี่หยกคือ เนื้อหวาน ละเอียด โดยสาลี่หยกเกิดจากการต่อกิ่งบนสายพันธุ์สาลี่ซินซิง แต่ว่าสาลี่หยกมีข้อเสียคือผลปริแตกง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ฝนตกหรือมีน้ำมาก หากผลปริแตกรุนแรงจะมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้น สาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 ที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์นี้จึงได้ข้อดีของสาลี่สายพันธุ์หยกที่มีความหวาน แต่อัตราของผลปริแตกน้อยลง ซึ่งถ้าได้รับการดูแลจัดการที่เหมาะสมก็จะไม่ทำให้ผลปริแตกเลย แต่ถ้าจะเปรียบเทียบข้อเด่นและข้อด้อยระหว่างสาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 กับสาลี่สายพันธุ์โฟงสุ่ย(豐水梨) ในเรื่องของความหวานที่มีระดับ 11 บริกซ์ขึ้นไป ถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดี เพราะว่าสาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 มีความหวานเฉลี่ยมากกว่า 12.5 บริกซ์ นอกจากนี้ ในเรื่องของน้ำหนักต่อผล สาลี่ในตลาดโลกน้ำหนักต่อผลมีมากกว่า 300 กรัมจัดเป็นผลโตแล้ว แต่ถ้าน้ำหนักต่อผลมีมากกว่า 500 กรัมขึ้นไปถือว่าโตมาก ซึ่งสาลี่ไทจงเบอร์ 5 นี้ น้ำหนักต่อผลเฉลี่ย 400-500 กรัม หรือมากกว่านี้ด้วยซ้ำ จึงจัดเป็นสาลี่ที่มีผลโตมาก
สาลี่นิวเซนต์จูรี
สาลี่เป็นผลไม้ที่ปลูกในเขตอบอุ่น เป็นไม้ยืนต้น ทรงพุ่ม ที่จำเป็นต้องมีอุณหภูมิต่ำระยะหนึ่งสำหรับการพักตัวก่อนการออกดอก เช่นเดียวกับแอปเปิล ท้อ พลัม แต่เนื่องจากปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงของภาวะโลกร้อน จึงมีแนวโน้มใหม่ที่จะต้องพัฒนาสายพันธุ์พืชที่ทนความร้อนมากขึ้น สำหรับสาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 จำเป็นต้องมีอุณหภูมิต่ำ 500-700 ชม. ไม่ใช่เป็นพืชที่ต้องการอุณหภูมิต่ำแต่ทนร้อน แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าปลูกในพื้นที่ระดับกลางและระดับต่ำเหนือน้ำทะเล ในช่วงฤดูใบไม้ผลิใช้แคลเซียมไซยาไมด์เร่งการเจริญเติบโต ก็ยังสามารถทำให้ออกดอกติดผลได้เช่นกัน
สาลี่โฟงสุ่ย
สวีจิ่นมู่(徐錦木)ผู้ช่วยวิจัยสถานีปรับปรุงพันธุ์พืชไทจงชี้ว่า สาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 ทดลองนำไปปลูกในสถานีปรับปรุงพันธุ์เหนือระดับน้ำทะเล 19 เมตร ช่วงการเจริญเติบโตค่อนข้างด้อย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ หลังเร่งให้แตกยอด แต่ละกิ่งจะออกดอก 3-5 ดอก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสามารถปลูกในพื้นที่ราบได้ แต่ถ้านำไปปลูกในสิ่งแวดล้อมค่อนข้างเย็นอย่างที่ภูเขาหลีซานที่อยู่ในระดับสูงเหนือน้ำทะเล ก็จะเจริญเติบโตได้ดี แต่ละกิ่งออกดอก 7-11 ดอก คุณภาพของผลคงจะดีกว่า ซึ่งช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วงของการทดลองที่ยังไม่มีผลสรุป แต่ถ้านำไปปลูกในพื้นที่ของเมืองจางฮั่ว ตั้งแต่ต่อกิ่งจนกระทั่งออกดอกต้องใช้เวลา 25 วัน และตั้งแต่ออกดอกจนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลใช้เวลา 135-150 วัน(4.5-5เดือน) แต่เวลาที่ดีที่สุดคือ 145 วัน อย่างไรก็ตาม สาลี่สายพันธุ์ไทจงเบอร์ 5 แม้จัดเป็นสาลี่คุณภาพดี แต่มีข้อเสียคือการเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำหลังเก็บเกี่ยวมีประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น ถ้าเปรียบเทียบกับสาลี่สายพันธุ์อื่นอย่างเช่น สาลี่โฟงสุ่ย เก็บในอุณหภูมิต่ำได้นาน 1.5 เดือน สาลี่ซินซิง สามารถเก็บได้นาน 3 เดือน ข้อดีของการเก็บไว้อุณหภูมิต่ำนานก็สามารถค่อยๆ ขาย อย่างไรก็ตาม สวีจิ่นมู่บอกว่า สาลี่ไทจงเบอร์ 5 จะใช้วิธีการปลูกและวิธีการขายเหมือนกับสาลี่หิมะ 4029 คือปลูกในเนื้อที่ไม่มาก ขายตรงตามเขต ซึ่งขณะนี้ สาลี่ไทจงเบอร์ 5 ผ่านการจดสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว อนาคตจะถ่ายทอดเทคโนโลยีการปลูกให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกร เพื่อนำไปเพาะปลูก แต่เนื่องจากขณะนี้ยังมีขีดจำกัดอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด 19 เพราะฉะนั้นยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่ชัดเจนของการถ่ายทอดเทคโนโลยี
สาลี่หิมะน้ำผึ้ง