
Sign up to save your podcasts
Or
สถานการณ์การผลิตหน่อไม้ฝรั่งในไต้หวัน
ไต้หวันบริโภคหน่อไม้ฝรั่งมากกว่า 4,000 ตันทุกปี ในอดีตเคยเป็นอาณาจักรแห่งหน่อไม้ฝรั่ง โดยในปี 1970 มีการส่งออกหน่อไม้ฝรั่งกระป๋องจำนวนมาก สร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไม่น้อย การผลิตต่อปีสูงถึง 120,000 ตัน แต่หลังจากปี 1980 ตลาดการค้าโลกเปลี่ยนไป ต้นทุนการผลิตของไต้หวันสูงกว่าต่างประเทศ การส่งออกจึงลดลง แม้จะไม่มีการส่งออก หน่อไม้ฝรั่งยังคงเป็นที่นิยมในไต้หวัน ซึ่งสถิติทางการเกษตรปี 2023 ระบุว่าไต้หวันผลิตหน่อไม้ฝรั่งได้ 2,828.9 ตัน และนำเข้าหน่อไม้ฝรั่งสด 1,443 ตัน หน่อไม้ฝรั่งแช่แข็ง 83 ตัน และหน่อไม้ฝรั่งกระป๋อง 17 ตัน รวมการบริโภคทั้งหมด 4,371.9 ตัน โดย 60% เป็นผลผลิตในประเทศ
หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงพันธุ์แรก ไถหนาน เบอร์ 5
กัวหมิงฉือ (郭明池) ผู้ช่วยวิจัยสาขาอี้จู๋เขตไถหนาน กล่าวว่าหน่อไม้ฝรั่งในท้องตลาดมี 3 สี ได้แก่ หน่อไม้ฝรั่งสีเขียว (พบมากที่สุด) สีขาว และสีม่วง หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงมีเส้นใยน้อยและมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า ทำให้มีความหวานและกรอบกว่า เมื่อเทียบกับสีเขียวและสีขาว เป็นที่ต้องการในตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พันธุ์สีม่วงที่ปลูกอยู่เดิมคือ "Purple Passion" ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของไต้หวันทำให้ปลูกยาก ผลผลิตที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร รูปลักษณ์ไม่สวย เป็นต้น
ทั้งนี้ หน่อไม้ฝรั่งมีความอ่อนไหวต่อการปรับตัวของดิน จำเป็นต้องผสมและคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในท้องถิ่น ขณะนี้มีหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์สีเขียวและสีขาวที่เป็นพันธุ์ดีแล้วแต่ขาดพันธุ์สีม่วง ดังนั้นทางหน่วยงานวิจัยจึงพยายามพัฒนาพันธุ์สีม่วง หลังใช้เวลา 8 ปีในการพัฒนาพันธุ์ ในที่สุดได้หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์สีม่วงไถหนาน เบอร์ 5 ที่มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ เช่น ทนต่อสภาพอากาศร้อน ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์สีม่วงที่มีอยู่เดิม มีความหวานกรอบอร่อย
หน่อไม้ฝรั่งเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นแม่ในดินทำหน้าที่ให้สารอาหารสำหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง ลำต้นอ่อนใหม่จะแตกหน่อรอบๆ ลำต้นแม่ทุกวัน หน่อไม้ฝรั่งที่บริโภคคือหน่ออ่อนที่เพิ่งงอกขึ้นมาจากพื้นดินได้ 2-3 วัน หากปลูกและจัดการอย่างเหมาะสม หน่อไม้ฝรั่งสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม คุณกัวหมิงฉือ ยังบอกด้วยว่า แม้หน่อไม้ฝรั่งสีม่วง ไถหนาน เบอร์ 5 จะทนต่อความร้อนได้ แต่ในเรื่องของศัตรูพืชและโรคต่างๆ ก็เหมือนกับหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์อื่นๆ กุญแจสำคัญในการทำให้หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงสวยงามคือการควบคุมอุณหภูมิและแสงแดดที่เหมาะสม และพันธุ์นี้ตอบสนองต่ออุณหภูมิต่ำและการได้รับแสงแดดที่ยาวนานได้ดี จึงเหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว และสามารถทดลองปลูกในพื้นที่ที่ผลิตหน่อไม้ฝรั่งทุกแห่งในไต้หวัน
หน่อไม้ฝรั่งสีม่วง ไถหนาน เบอร์ 5 ทนอากาศร้อน ให้ผลผลิตสูง
ปัจจุบันพันธุ์นี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงพันธุ์ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปีในการถ่ายโอนเทคโนโลยี จึงจะสามารถให้เมล็ดพันธุ์แก่เกษตรกรเพื่อทดลองปลูกได้
สถานการณ์การผลิตหน่อไม้ฝรั่งในไต้หวัน
ไต้หวันบริโภคหน่อไม้ฝรั่งมากกว่า 4,000 ตันทุกปี ในอดีตเคยเป็นอาณาจักรแห่งหน่อไม้ฝรั่ง โดยในปี 1970 มีการส่งออกหน่อไม้ฝรั่งกระป๋องจำนวนมาก สร้างรายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศไม่น้อย การผลิตต่อปีสูงถึง 120,000 ตัน แต่หลังจากปี 1980 ตลาดการค้าโลกเปลี่ยนไป ต้นทุนการผลิตของไต้หวันสูงกว่าต่างประเทศ การส่งออกจึงลดลง แม้จะไม่มีการส่งออก หน่อไม้ฝรั่งยังคงเป็นที่นิยมในไต้หวัน ซึ่งสถิติทางการเกษตรปี 2023 ระบุว่าไต้หวันผลิตหน่อไม้ฝรั่งได้ 2,828.9 ตัน และนำเข้าหน่อไม้ฝรั่งสด 1,443 ตัน หน่อไม้ฝรั่งแช่แข็ง 83 ตัน และหน่อไม้ฝรั่งกระป๋อง 17 ตัน รวมการบริโภคทั้งหมด 4,371.9 ตัน โดย 60% เป็นผลผลิตในประเทศ
หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงพันธุ์แรก ไถหนาน เบอร์ 5
กัวหมิงฉือ (郭明池) ผู้ช่วยวิจัยสาขาอี้จู๋เขตไถหนาน กล่าวว่าหน่อไม้ฝรั่งในท้องตลาดมี 3 สี ได้แก่ หน่อไม้ฝรั่งสีเขียว (พบมากที่สุด) สีขาว และสีม่วง หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงมีเส้นใยน้อยและมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่า ทำให้มีความหวานและกรอบกว่า เมื่อเทียบกับสีเขียวและสีขาว เป็นที่ต้องการในตลาดเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พันธุ์สีม่วงที่ปลูกอยู่เดิมคือ "Purple Passion" ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของไต้หวันทำให้ปลูกยาก ผลผลิตที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร รูปลักษณ์ไม่สวย เป็นต้น
ทั้งนี้ หน่อไม้ฝรั่งมีความอ่อนไหวต่อการปรับตัวของดิน จำเป็นต้องผสมและคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในท้องถิ่น ขณะนี้มีหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์สีเขียวและสีขาวที่เป็นพันธุ์ดีแล้วแต่ขาดพันธุ์สีม่วง ดังนั้นทางหน่วยงานวิจัยจึงพยายามพัฒนาพันธุ์สีม่วง หลังใช้เวลา 8 ปีในการพัฒนาพันธุ์ ในที่สุดได้หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์สีม่วงไถหนาน เบอร์ 5 ที่มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ เช่น ทนต่อสภาพอากาศร้อน ให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์สีม่วงที่มีอยู่เดิม มีความหวานกรอบอร่อย
หน่อไม้ฝรั่งเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ลำต้นแม่ในดินทำหน้าที่ให้สารอาหารสำหรับการสังเคราะห์ด้วยแสง ลำต้นอ่อนใหม่จะแตกหน่อรอบๆ ลำต้นแม่ทุกวัน หน่อไม้ฝรั่งที่บริโภคคือหน่ออ่อนที่เพิ่งงอกขึ้นมาจากพื้นดินได้ 2-3 วัน หากปลูกและจัดการอย่างเหมาะสม หน่อไม้ฝรั่งสามารถเก็บเกี่ยวได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า 10 ปี อย่างไรก็ตาม คุณกัวหมิงฉือ ยังบอกด้วยว่า แม้หน่อไม้ฝรั่งสีม่วง ไถหนาน เบอร์ 5 จะทนต่อความร้อนได้ แต่ในเรื่องของศัตรูพืชและโรคต่างๆ ก็เหมือนกับหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์อื่นๆ กุญแจสำคัญในการทำให้หน่อไม้ฝรั่งสีม่วงสวยงามคือการควบคุมอุณหภูมิและแสงแดดที่เหมาะสม และพันธุ์นี้ตอบสนองต่ออุณหภูมิต่ำและการได้รับแสงแดดที่ยาวนานได้ดี จึงเหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว และสามารถทดลองปลูกในพื้นที่ที่ผลิตหน่อไม้ฝรั่งทุกแห่งในไต้หวัน
หน่อไม้ฝรั่งสีม่วง ไถหนาน เบอร์ 5 ทนอากาศร้อน ให้ผลผลิตสูง
ปัจจุบันพันธุ์นี้เพิ่งได้รับการปรับปรุงพันธุ์ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 ปีในการถ่ายโอนเทคโนโลยี จึงจะสามารถให้เมล็ดพันธุ์แก่เกษตรกรเพื่อทดลองปลูกได้