ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)

ตรงจริงจบในหนึ่งขณะจิต - คอร์สอานาปานสติ วัดบุปผาราม (20-23 มี.ค. 68 2/14)


Listen Later

คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มี.ค. 68 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร


ทําไมต้องเป็นลมหายใจ? เพราะจุดนั้นที่มันบริสุทธิ์จริงๆ จิตที่นิ่งอยู่แล้วมันเกิดมีสติ สติที่เกิดจากจิตที่นิ่งอยู่นั้นมันจะต้องตรงต่อกายต่อใจเท่านั้น มันจึงจะตรงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอื่นๆได้ กายมันนิ่งอยู่ จิตตั้งมั่นอยู่ที่กาย แล้วมีสติเกิดจากจิตนั้น เข้าไปรับทราบสิ่งที่เกิดเฉพาะหน้าในขณะจิตนั้น และพระพุทธเจ้าค้นพบว่า สติที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในขณะจิตนั้นน่ะ มันจะต้องตรงสู่กายสู่ใจ เวลาไปตรงสู่กายสู่ใจในหนึ่งขณะจิตที่รู้ลม มันจะมีสิ่งเกิดขึ้นเฉพาะหน้าอยู่ ๔ ประการ กาย เวทนา จิต และธรรม มันไม่มีอื่นไปกว่านี้

อันแรกเลยพอจิตนิ่งอยู่ที่ฐานปั๊บมันรู้อะไร? รู้ลม ลมคือสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ณ ขณะ จิตนั้น ในขณะที่มันรู้ลม รู้ลม รู้ลม กายมันนิ่งอยู่ แล้วชีวิตมันมีอะไร? มันมีแค่รูปกับนามหรือกายกับใจใช่ไหม? การเคลื่อนไหวของกายที่มันสั่นสะเทือนขึ้นมา มันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าสติก็เข้าไปรู้ การเคลื่อนไหวของใจที่มาในรูปแบบของความรู้สึก มาในรูปแบบของความคิด มาในรูปแบบของเรื่องราวที่มันผุดขึ้นมาในขณะที่จิตนิ่งอยู่ แล้วมันเกิดมาเฉพาะหน้าสติก็เข้าไปรับทราบอย่างนั้น เพราะฉะนั้น กาย เวทนา จิต ธรรม เกิดตลอดเวลาในหนึ่งขณะจิต และชีวิตเราที่ไม่ตาย ที่มีอยู่ มันก็แค่หนึ่งขณะจิต ขณะจิตต่อไปมันจะมีหรือเปล่าไม่รู้ ถ้าตรงจริงจบในหนึ่งขณะจิตได้มันเป็นอมตะ จิตเป็นอมตะด้วยอํานาจของมหาสติที่เกิดจากหนึ่งขณะจิต 

ต้องทําความเข้าใจให้แยบคาย เพราะสิ่งที่มันจะเกิด ที่มันจะกระชากลากจิตออกไป ไม่ว่าจะเป็นอดีต/อนาคต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มันกระทบแล้วจิตไม่รู้เท่าทัน ไม่มีสติแลอยู่ มันก็ถูกดึงออกไป เข้าไป เข้าไป ไหลเข้าไปในสู่ในความหมายของมัน ไปให้ค่า จิตที่หลงไปในอํานาจของอวิชชา ที่อวิชชาพาจิตให้หลงเข้าไปคือการให้ค่า ให้ค่าในสิ่งที่มันเกิดขึ้นในเฉพาะหน้านั้น

เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งต้นไว้ก่อนว่า เราไม่ใช่อะไรอื่น เราก็คือจิต จิตนั้นก็นิ่งอยู่ อยู่ที่ฐานของมัน พอสงบกายปั๊บจิตตั้งอยู่ที่ฐานทันที แล้วก็มีสติพร้อมที่จะรู้สิ่งที่จะเกิดเฉพาะหน้า อะไรเกิดมามันรู้ แต่มันไม่เอา มันไม่ไปให้ค่าในสิ่งที่เกิดเฉพาะหน้าทั้งภายนอกและภายใน ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า อชฺฌตฺตา วา พหิทฺธา วา ทั้งภายในและภายนอก มันไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะภายในอย่างเดียว ภายนอกมันก็เกิดขึ้นด้วย

อย่าลืมเข้าไปสู่ความที่ว่า พวกเราไม่ใช่อะไรอื่น พวกเราคือจิต แต่เดิมจิตนี้มันอยู่ในอํานาจของอวิชชา เพราะมันอาศัยกายแต่มันใช้กายไม่ได้ มันจึงอยู่กับอวิชชา เพราะสติจะไม่เกิดจากจิตที่มันอาศัยกายไม่ได้ มันจึงมีธรรมชาติที่นิ่งอยู่ เราเรียกว่า ภวังค์ ธรรมชาติที่นิ่งโง่ๆ ทุกจิตพอเข้าไปสู่ท้องแม่ มันก็นิ่งโง่ๆ แต่หลังจากนั้นด้วยความนิ่งโง่ๆของมันแต่มันเป็นธาตุรู้ มันก็เข้าไปเรียนรู้ผ่านตาหูจมูกลิ้นกาย การเรียนรู้แรก ประสบการณ์รู้แรกจากการดู จากการฟัง จากการดมกลิ่น จากการลิ้มรส จากการสัมผัสทางกาย แต่ละอย่างๆในแต่ละขณะจิต มันเกิดและดับ พอมันเกิดดับไปแล้ว มันทรงตัวอยู่เป็นความจําด้วยอํานาจของอวิชชา แล้วมันก็เกิดความเชื่อขึ้นมาในสิ่งที่เกิดและดับไปแต่ละหนึ่งขณะจิต

พระพุทธเจ้าไล่เรียงจากความที่ไม่มีอะไร เหมือนกับออกจากป่า แล้วสิ่งที่อยู่ในป่านั้นมันเอามาใช้การอะไรไม่ได้แล้ว แต่ก็เอาแค่ชื่อ แค่ศัพท์ แค่ภาษา มาใช้เรียก ทีนี้การสอนศาสนาของพระพุทธเจ้า การสอนเพื่อที่จะสื่อสารให้คนที่อยู่ในป่า เดินในเส้นทางที่จะออกจากป่า  พระพุทธเจ้าจึงใช้คําว่า สติปัฏฐาน

การจะเป็นสติปัฏฐานได้ขณะที่อยู่ในป่า จิตจะต้องวางตัวอย่างเป็นกลาง จะไปข้องแวะอย่างใดอย่างหนึ่งในป่าไม่ได้ ถ้าเราบอกว่าอย่าไปข้องแวะ อย่าไปยึดถือ อย่าไปเอาติดใจอะไรกับชีวิตนี้เลย มันทําได้ไหม? มันทําไม่ได้ ตัวที่ทําได้คืออะไร? ตัวที่ทําได้คือ ตัวที่มันมีอยู่วางให้มันถูกจุด มันจึงเกิดคําว่า สติปัฏฐาน คือ สติเกิดจากจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐาน การวางจิตให้นิ่งอยู่ที่ฐานอย่างมีสติมันจึงเกิดขึ้น เรียก เอกายนมรรค จุดนี้จุดตั้งต้นของวิชชา เราจะต้องลงใจตรงนี้ให้ได้ ต้องทําในใจให้มันแยบคายเพื่อให้ลงใจกับมัน


สติปัฏฐานเป็นตัวจุดเริ่มและเป็นตัวจบ


#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร


...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

ฟังธรรมจากพระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม (พระกิตติวิมลเมธี)By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)