
Sign up to save your podcasts
Or


อบรมอานาปานสติ ครั้งที่ 80โดย (พระกิตติวิมลเมธี) พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโมผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2565ณ อาคารธรรม ดีรุ่งโรจน์YouTube: https://youtu.be/vxW7TzYzVBEการฟังธรรม การปฏิบัติธรรม ถือเป็นเรื่องหลักของชีวิต เพราะเหมือนกับการแบกของหนักแล้วเดินทางไกล มีแต่การโรยรา โรยริน ขันธ์ คือ ของหนัก 5 กอง เดินทางไปด้วยความไม่รู้ ความมืดที่ปกคลุมชีวิต มีความหลงเพลิดเพลินในความไม่รู้ในความมืดนั้น ไม่ได้จุดประทีป แสงสว่าง อานาปานสตินี้ ผู้ใดบำเพ็ญแล้ว อบรมให้ดีแล้ว สะสมเรื่อยๆไปตามลำดับ ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ผู้นั้นกระทำโลกนี้ให้สว่างขึ้น เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆหมอกที่บดบังอยู่ทำไปเรื่อยๆ สะสมไปตามลำดับ ไม่ต้องไปผูกหมาย ว่าวันนี้ดี ไม่ดี เมื่อวานดี พรุ่งนี้น่าจะดี ไม่ต้องไปผูกหมาย ทำมุ่งตรงไปในขณะจิตที่เป็นปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ทำในขณะจิตนี้ที่ให้ผ่องใส ผุดผ่อง ด้วยจิตผู้รู้ที่รู้ตรงไปต่อลมหายใจอย่างถูกต้อง การที่บางทีครูบาอาจารย์ท่านใช้คำบริกรรม เพราะเราไม่สามารถเข้าไปสู่ขณะจิตอันเป็นปัจจุบันนั้นได้อย่างถูกต้อง ผ่องใส อิสระ ท่านก็ให้ใช้การบริกรรมบ้าง การนับบ้าง แต่จิตผู้รู้ต้องรู้ลมที่กระทบ ตามหลักที่พระพุทธเจ้าสอน พอรู้ลมนั้นแล้วอยู่ไม่ได้ หลุดออก ครูบาอาจารย์ท่านจึงให้ใช้หลักการอื่นเข้ามาร่วมตัว แต่ตัวรู้ต้องรู้ลมที่กระทบ ถ้าไม่ใช่คำบริกรรมเลย ก็ใช้ฉันทะ การสำรวมจิต น้อมใจเข้าไปเพื่อการรู้ลมหายใจ การน้อมจิตเข้าไปรู้ลมหายใจดีกว่าการใช้คำบริกรรมที่ การใช้คำบริกรรม เราอาจจะไปติดกับคำบริกรรม ตัวรู้ไปปักกับคำบริกรรม เป็นสมาธิอย่างเดียว เมื่อตั้งมั่นแล้ว กิเลสสามารถไปจับได้ อารมณ์แรงขึ้น โกรธ เกลียด หลง ตัณหา แรงขึ้น เพราะสมาธิอย่างเดียวด้วยการอาศัยการปักไปที่ใดที่หนึ่ง พอกิเลสจับสมาธินั้นได้ ตัณหาในจิตที่ตั้งมั่นอย่างนั้น จะทำให้อารมณ์มันแรงขึ้น เพราะเราทำสมาธิด้วยความตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์อันเดียวอานาปานสติตามที่พระพุทธเจ้าสอน จะไม่เป็นแบบนั้น จะนุ่มขึ้น กระจ่างขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้น รู้เท่าทันอารมณ์ทั้งหลายมากขึ้น เพราะไม่ได้ปักที่อารมณ์อันใดอันหนึ่งเลย เราเดินทางเข้าไปสู่ความเป็นแค่ผู้รู้เท่านั้น จากเดิมที พอเราพูดถึงคำว่ารู้ลมหายใจ เรามักจะไปเข้าข้างตัวเอง ใช้อานาปานสติเป็นเพียงชั้นของสมาธิ ไม่เข้าสู่ชั้นของการขัดเกลา ไม่เดินทางตามที่พระพุทธเจ้าสอน เรามักจะเข้าใจเอาเอง คิดไปเรื่อยๆ เหตุปัจจัยไม่ถูก เราพยายามปฏิบัติเพื่อให้อานาปานสติอยู่ในอำนาจของเรา ยิ่งปฏิบัติ อัตตาจะยิ่งใหญ่ขึ้น เราอย่าเสียเวลากับการหลงตัวเองอีกเลย ตัวเราก็แค่ของที่ไม่เที่ยง การเข้าให้ถึงความสอนของพระพุทธเจ้า จำเป้นต้องอาศัยกัลยาณมิตร ในยุคของพระพุทธเจ้า มีพระสารีบุตรที่พระพุทธเจ้ารับรอง เมื่อทดลองปฏิบัติตามความสอนของพระสารีบุตร ก็ทำให้เข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่างการรู้ลมหายใจผู้ที่ไม่รู้ธรรม 3 อย่าง คือ ไม่รู้นิมิต ไม่รู้ลมหายใจออก ไม่รู้ลมหายใจเข้า ว่าทั้ง 3 อย่างนี้ไม่เป็นอารมณ์ของจิตดวงเดียว ไม่รู้ 3 เรื่องนี้ ผู้นั้นจะไม่ได้ภาวนาเด็ดขาดปฏิบัติอย่างไรไม่ให้อัตตาเติบโต ต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ลมหายใจเข้าออกง่าย แต่จะให้เกิดผล การตกตะกอนของความตั้งมั่น ต้องทำอย่างไร ต้องฟัง ศึกษา ทำความเข้าใจแล้วลองปฏิบัติดูนอกจากการเตรียมตัว ที่ต้องนั่งตัวตรง ดำรงสติอยู่เฉพาะหน้าจิตผู้รู้เป็นอย่างไร น้อมจิตผู้รู้เข้าไปรู้ลมหายใจเป็นอย่างไร รู้ลมตรงไหน ลมไหนที่ต้องรู้ รู้อย่างไร จึงทำให้ตัวรู้กับตัวลมที่ถูกรู้ ไม่มีอะไรเจือปน บริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากตัณหา มานะ และทิฏฐิผู้ปฏิบัติต้องรู้นิมิต ลมออก ลมเข้า ว่าทั้งสามเรื่องไม่เป็นอารมณ์ของจิตดวงเดียว แต่ละสภาวะเป็นธรรมชาติ อิสระ แต่เรามักจะไปศึกษาแล้วปักเราไปที่นิมิต ที่ลมออก ที่ลมเข้า ถ้าเราศึกษาเข้าใจว่าทั้งสามอย่างเป็นอย่างไร เวลาเราวางจิตผู้รู้ เรารู้เฉพาะลมที่กระทบกับกายประสาท เรียกว่า โผฏฐัพพารมณ์ เกิดบริเวณนิมิต ผู้รู้ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้รู้ลมที่กระทบนั้น เรามักจะเผลอเอาอัตตาของเราเข้าไปรู้ จนอัตตาพอกพูน อ้วนพีความต่อเนื่องของรู้บริสุทธิ์ในลมที่กระทบนั้น กายจะสงบ ลมสงบปราณีตขึ้น ธรรมชาติของลมจะเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น ไม่ใช่เราเราต้องปรับวิธีการปฏิบัติ วิธีวางผู้รู้เข้าไปสู่ลมหายใจชนิดที่ถูกต้องตั้งแต่ลมแรก ติดกระดุมเม็ดแรกถูก ก็จะง่ายต่อกระดุมเม็ดถัดไป
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน
By พระอาจารย์สุชีพ สุธัมโม (พระกิตติวิมลเมธี)อบรมอานาปานสติ ครั้งที่ 80โดย (พระกิตติวิมลเมธี) พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโมผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผารามวรวิหารวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2565ณ อาคารธรรม ดีรุ่งโรจน์YouTube: https://youtu.be/vxW7TzYzVBEการฟังธรรม การปฏิบัติธรรม ถือเป็นเรื่องหลักของชีวิต เพราะเหมือนกับการแบกของหนักแล้วเดินทางไกล มีแต่การโรยรา โรยริน ขันธ์ คือ ของหนัก 5 กอง เดินทางไปด้วยความไม่รู้ ความมืดที่ปกคลุมชีวิต มีความหลงเพลิดเพลินในความไม่รู้ในความมืดนั้น ไม่ได้จุดประทีป แสงสว่าง อานาปานสตินี้ ผู้ใดบำเพ็ญแล้ว อบรมให้ดีแล้ว สะสมเรื่อยๆไปตามลำดับ ตามที่พระพุทธเจ้าสอน ผู้นั้นกระทำโลกนี้ให้สว่างขึ้น เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆหมอกที่บดบังอยู่ทำไปเรื่อยๆ สะสมไปตามลำดับ ไม่ต้องไปผูกหมาย ว่าวันนี้ดี ไม่ดี เมื่อวานดี พรุ่งนี้น่าจะดี ไม่ต้องไปผูกหมาย ทำมุ่งตรงไปในขณะจิตที่เป็นปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ทำในขณะจิตนี้ที่ให้ผ่องใส ผุดผ่อง ด้วยจิตผู้รู้ที่รู้ตรงไปต่อลมหายใจอย่างถูกต้อง การที่บางทีครูบาอาจารย์ท่านใช้คำบริกรรม เพราะเราไม่สามารถเข้าไปสู่ขณะจิตอันเป็นปัจจุบันนั้นได้อย่างถูกต้อง ผ่องใส อิสระ ท่านก็ให้ใช้การบริกรรมบ้าง การนับบ้าง แต่จิตผู้รู้ต้องรู้ลมที่กระทบ ตามหลักที่พระพุทธเจ้าสอน พอรู้ลมนั้นแล้วอยู่ไม่ได้ หลุดออก ครูบาอาจารย์ท่านจึงให้ใช้หลักการอื่นเข้ามาร่วมตัว แต่ตัวรู้ต้องรู้ลมที่กระทบ ถ้าไม่ใช่คำบริกรรมเลย ก็ใช้ฉันทะ การสำรวมจิต น้อมใจเข้าไปเพื่อการรู้ลมหายใจ การน้อมจิตเข้าไปรู้ลมหายใจดีกว่าการใช้คำบริกรรมที่ การใช้คำบริกรรม เราอาจจะไปติดกับคำบริกรรม ตัวรู้ไปปักกับคำบริกรรม เป็นสมาธิอย่างเดียว เมื่อตั้งมั่นแล้ว กิเลสสามารถไปจับได้ อารมณ์แรงขึ้น โกรธ เกลียด หลง ตัณหา แรงขึ้น เพราะสมาธิอย่างเดียวด้วยการอาศัยการปักไปที่ใดที่หนึ่ง พอกิเลสจับสมาธินั้นได้ ตัณหาในจิตที่ตั้งมั่นอย่างนั้น จะทำให้อารมณ์มันแรงขึ้น เพราะเราทำสมาธิด้วยความตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์อันเดียวอานาปานสติตามที่พระพุทธเจ้าสอน จะไม่เป็นแบบนั้น จะนุ่มขึ้น กระจ่างขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้น รู้เท่าทันอารมณ์ทั้งหลายมากขึ้น เพราะไม่ได้ปักที่อารมณ์อันใดอันหนึ่งเลย เราเดินทางเข้าไปสู่ความเป็นแค่ผู้รู้เท่านั้น จากเดิมที พอเราพูดถึงคำว่ารู้ลมหายใจ เรามักจะไปเข้าข้างตัวเอง ใช้อานาปานสติเป็นเพียงชั้นของสมาธิ ไม่เข้าสู่ชั้นของการขัดเกลา ไม่เดินทางตามที่พระพุทธเจ้าสอน เรามักจะเข้าใจเอาเอง คิดไปเรื่อยๆ เหตุปัจจัยไม่ถูก เราพยายามปฏิบัติเพื่อให้อานาปานสติอยู่ในอำนาจของเรา ยิ่งปฏิบัติ อัตตาจะยิ่งใหญ่ขึ้น เราอย่าเสียเวลากับการหลงตัวเองอีกเลย ตัวเราก็แค่ของที่ไม่เที่ยง การเข้าให้ถึงความสอนของพระพุทธเจ้า จำเป้นต้องอาศัยกัลยาณมิตร ในยุคของพระพุทธเจ้า มีพระสารีบุตรที่พระพุทธเจ้ารับรอง เมื่อทดลองปฏิบัติตามความสอนของพระสารีบุตร ก็ทำให้เข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่างการรู้ลมหายใจผู้ที่ไม่รู้ธรรม 3 อย่าง คือ ไม่รู้นิมิต ไม่รู้ลมหายใจออก ไม่รู้ลมหายใจเข้า ว่าทั้ง 3 อย่างนี้ไม่เป็นอารมณ์ของจิตดวงเดียว ไม่รู้ 3 เรื่องนี้ ผู้นั้นจะไม่ได้ภาวนาเด็ดขาดปฏิบัติอย่างไรไม่ให้อัตตาเติบโต ต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าสอน การรู้ลมหายใจเข้าออกง่าย แต่จะให้เกิดผล การตกตะกอนของความตั้งมั่น ต้องทำอย่างไร ต้องฟัง ศึกษา ทำความเข้าใจแล้วลองปฏิบัติดูนอกจากการเตรียมตัว ที่ต้องนั่งตัวตรง ดำรงสติอยู่เฉพาะหน้าจิตผู้รู้เป็นอย่างไร น้อมจิตผู้รู้เข้าไปรู้ลมหายใจเป็นอย่างไร รู้ลมตรงไหน ลมไหนที่ต้องรู้ รู้อย่างไร จึงทำให้ตัวรู้กับตัวลมที่ถูกรู้ ไม่มีอะไรเจือปน บริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากตัณหา มานะ และทิฏฐิผู้ปฏิบัติต้องรู้นิมิต ลมออก ลมเข้า ว่าทั้งสามเรื่องไม่เป็นอารมณ์ของจิตดวงเดียว แต่ละสภาวะเป็นธรรมชาติ อิสระ แต่เรามักจะไปศึกษาแล้วปักเราไปที่นิมิต ที่ลมออก ที่ลมเข้า ถ้าเราศึกษาเข้าใจว่าทั้งสามอย่างเป็นอย่างไร เวลาเราวางจิตผู้รู้ เรารู้เฉพาะลมที่กระทบกับกายประสาท เรียกว่า โผฏฐัพพารมณ์ เกิดบริเวณนิมิต ผู้รู้ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้รู้ลมที่กระทบนั้น เรามักจะเผลอเอาอัตตาของเราเข้าไปรู้ จนอัตตาพอกพูน อ้วนพีความต่อเนื่องของรู้บริสุทธิ์ในลมที่กระทบนั้น กายจะสงบ ลมสงบปราณีตขึ้น ธรรมชาติของลมจะเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น ไม่ใช่เราเราต้องปรับวิธีการปฏิบัติ วิธีวางผู้รู้เข้าไปสู่ลมหายใจชนิดที่ถูกต้องตั้งแต่ลมแรก ติดกระดุมเม็ดแรกถูก ก็จะง่ายต่อกระดุมเม็ดถัดไป
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน