ยอม หยุด เย็น - นำนั่งสมาธิเบื้องต้น โดย หลวงพ่อธัมมชโย วัดพระธรรมกาย. ตรึกแก้วต้องนึกน้อม เบาเบา
แค่ว่ามีในเรา อยู่แล้ว
อย่าตรึกเพ่งเขม็งเอา จริงเน้อ
เดี๋ยวเครียดเพราะตรึกแก้ว เพ่งแล้วกลางกาย
ตะวันธรรม
(เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ............)
...ตรึก ก็คือการนึกถึงดวงใส ๆ อย่างสบาย ๆ คล้าย ๆ กับ
เรานึกถึงสิ่งที่เราคุ้นเคย หรือสิ่งที่เรารัก ถ้าคุ้นเคยมากเห็นจนเจนตา
ก็จะนึกได้ง่าย รักมากก็นึกได้ง่ายเหมือนกัน ให้นึกคล้าย ๆ อย่างนั้น
ไม่ใช่เพ่งลูกแก้ว ไม่ใช่ไปเค้นภาพ ให้นึกเบา ๆ สบาย ๆ
นึกได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน นึกไปเรื่อย ๆ อย่างสบาย ๆ
ไม่ต้องเร่งร้อน ทำใจให้ใสบริสุทธิ์เยือกเย็น แม้ไม่ชัดเจนก็ไม่เป็นไร
ชัดแค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน แล้วก็นึกให้ต่อเนื่อง อย่าให้เผลอจน
กระทั่งใจแวบไปคิดเรื่องอื่น แต่ถ้าอดไปคิดเรื่องอื่นไม่ได้ ก็ปล่อยมัน
ไป ช่างมัน อย่าไปรำคาญ อย่าไปกังวล อย่าไปคิดว่าความฟุ้งเป็น
อุปสรรคต่อการนั่ง ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เฉย ๆ คือ พอรู้ตัวเราก็ดึง
ใจกลับมาเริ่มต้นใหม่อย่างง่าย ๆ
124
ยอมเริ่มต้นใหม่อย่างง่าย ๆ คล้าย ๆ กับนักเรียน
อนุบาล ยอมตรงนี้ไปก่อน ส่วนมากมักจะยอมกัน
ไม่ค่อยได้ เพราะยอมไม่ได้จึงเกิดปัญหา ทำให้การ
ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้า
อย่าฟังผ่านนะลูกนะ ตรงนี้สำคัญ เพราะความ
ไม่ยอม บางทีติดมา ๑๐ ปี ก็มี ๑๐ กว่าปี ก็มี บางคน
๒๐ ปี ระหว่างนั้นก็เตือนยํ้าบ่อย ๆ แต่ก็ฟังผ่าน ไม่
ได้เป็นข้อคิดสะกิดใจ จนกระทั่งท้อ เบื่อการนั่งก็มา
ซักถามดูว่า สาเหตุเป็นเพราะอะไร ถึงได้รู้ว่าเพราะ
ไม่ยอมนั่นเอง ไม่ยอมทำใจ
เหมือนคนไม่มีเงินต้องยอมรับว่าเราไม่มีเงิน นี่ก็เหมือนกัน
เราก็ยอมรับไปก่อนว่ามันมีให้ดูแค่นี้ มันไม่ชัด เหมือนเอาของ
หรือเอาดวงแก้วไปตั้งไว้ในที่สลัวหรือในที่ไกล ๆ มองไปทีไรมันก็
ไม่ชัดเจน ก็ต้องยอมรับก่อนว่ามันมีให้ดูแค่นี้ เราก็ดูไปแค่นี้จะไป
เพ่งแบบคนตาหยี หรือจะไปบังคับไปเค้นให้ชัดยังไงมันก็ไม่ชัด
ต้องยอม ๆ ไปก่อน
ต้นกล้าไม้ที่ปลูกยังเล็ก ๆ เราก็ต้องยอมรับว่าจะไปเฆี่ยน
ไปตีมัน จะใส่ปุ๋ยแค่ไหน ไปขู่เข็ญไปอ้อนวอนแค่ไหนว่า ให้ออก
ลูกเดี๋ยวนี้ มันไม่ออกหรอก มีแต่ที่เขาเล่นกลเท่านั้น แต่ความจริง
125
มันไม่เป็นอย่างนั้น ต้องยอมรับนะลูกนะ อย่าฟังผ่านนะ ยอมรับว่า
ต้นกล้าอ่อน มันยังไม่มีลูกหรอก ไม่มีดอก ไม่มีผล
ลูกคนไหนที่ทำสวน ทำไร่ ทำนาจะเข้าใจว่ามันต้องยอมรับ
ยอมรับแล้วทำไงต่อ ก็ทำใจสบาย เหมือนผู้เข้าใจชีวิต เข้าใจต้นไม้
เข้าใจเรื่องของประสบการณ์ภายในดีพอสมควร ยอมก่อนนะลูกนะ
ยอมว่ามันมืด ก็ต้องยอมไปก่อนว่ามันมืด ถ้านึกภาพขึ้น
มา เห็นได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้นไปก่อน ใจเย็น ๆ ทำเหมือนปลูก
ต้นไม้อย่างที่ยกตัวอย่าง หมั่นรดนํ้า พรวนดิน ขจัดวัชพืช ใส่ปุ๋ย
ค่อย ๆ ประคับประคองกันไป เดี๋ยวกล้านั้นก็จะค่อย ๆ เจริญเติบโต
ขึ้นทุกวัน
ยิ่งให้เงาของเราไปทับต้นไม้ หมายถึงว่า เราจะต้องเอาใจใส่
หมั่นไปดู อย่าเผลอ ทุกอย่างเผลอเป็นเสร็จ ไม่ว่าเรื่องคนสัตว์สิ่งของ
อย่าไปวางใจ เชื่อก็เชื่อแต่อย่าเพิ่งวางใจ ทุกอย่างเผลอไม่ได้ จะเป็น
คนสนิทชิดชอบ จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ อย่าเผลอเชื่อ อย่าเพิ่งวางใจ
ต้นกล้าก็เหมือนกัน อย่าเผลอลืมรดนํ้า ลืมไปดู ลืมไปขจัดวัชพืช
ลืมพรวนดิน ลืมใส่ปุ๋ย คอยดูว่าอะไรที่จะทำให้ต้นกล้าปลอดภัยแล้ว
ก็เจริญเติบโตอย่างงดงาม เราก็ทำอย่างนั้น
ต้องให้เงาเจ้าของไปทับต้นไม้ เขาอุปมากันอย่างนั้น ใจของเรา
ก็ต้องให้เข้ามาครอบคลุมที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ บ่อย ๆ ที่บอก
ให้ลูกทุกคนก่อนนอนเอาใจวางไว้กลางกาย จะได้หลับฝันดีหรือ
ไม่ฝันเลย ตื่นเราก็เอาใจไว้กลางกาย เป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องนึกถึง
จะเข้าห้องนํ้าห้องท่า อาบนํ้า ล้างหน้า แปรงฟัน ใจก็หมั่นนึกเอา
126
ไว้เรื่อย ๆ ทำความรู้สึกไว้เรื่อย ๆ ว่าอยู่ตรงกลาง จะทำมาหากิน
ก็ทำอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องยอมรับว่ามีให้ดูแค่นี้ก็ดูแค่นี้ และผลจาก
การยอมรับอะไรเกิดขึ้น ใจก็เย็น พอใจเย็นหนักเข้า ใจมันก็ใส ไม่มี
ความขุ่นมัวเลย พอใจใส ดวงก็ใสตาม ที่มืดก็ใส ที่ไกลก็ใกล้ เหมือน
เอาดวงตั้งไว้ไกล ๆ ก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาพอจะเป็นเนื้อเป็นตัวเป็นดวง
ขึ้นมาได้บ้าง ค่อยรู้สึกอบอุ่นใจ ปีติใจ ภาคภูมิใจว่า มันชัดขึ้น
เมื่อใจเราเย็น และยอมรับว่ามันได้แค่นี้ก็แค่นี้
แล้วจะก็มีอานิสงส์ต่อไปอีก ถ้าเรายอมรับต่อไปว่า ตอนนี้ชัด
มา ๑๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว เราไม่ไปบีบไปเค้นไปบังคับเลย
ไก่ฟักไข่ให้ออกมาเป็นตัว มันก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่านั่ง
ทับปุ๊บ ลูกไก่เจาะกระเปาะไข่ออกมาเป็นตัวเลย มันก็ไม่ใช่ แม่ไก่ยัง
ยอมรับว่าต้องค่อย ๆ กกไป เราก็ยอมรับว่า เห็นได้ ๑๐ เปอร์เซ็นต์
แล้ว ก็ทำใจอย่างเดิม
อย่าเปลี่ยนวิธีการเด็ดขาด ไปได้ยินคนอื่นเขามีประสบการณ