Camouflage - Dhamma Talk

286.มันต้องผลิบานขึ้นมาจากชีวิต


Listen Later

บรรยายเมื่อ 16-01-2565

 

เรามาฟังธรรมไม่ใช่เพื่อที่จะได้รับวิธีปฏิบัติธรรม พวกเรามีวิธีปฏิบัติธรรมกันเยอะมากแล้ว แต่เรามาเพื่อจะเข้าใจว่า #วิธีปฏิบัติธรรมนั้นจะต้องผลิบานขึ้นมาจากชีวิตแห่งอริยสัจ 4 เท่านั้น

 

เพราะถ้าวิธีปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้ผลิบานขึ้นมาจากชีวิตที่แท้จริง เราจะเป็นแค่คนที่รับวิธีปฏิบัติธรรมไป และใช้ความคิดกับวิธีปฏิบัติธรรมนั้นว่าจะต้องทำอย่างไร

 

และชีวิตหลังจากนั้นของเราก็กลายเป็นแค่วิธีปฏิบัติธรรม กลายเป็นแค่ชีวิตภายใต้ความคิด ภายใต้ภาพอันหนึ่งที่เราวาดเอาไว้ว่านี่คือวิธีปฏิบัติธรรม และนั่นคืออดีต...เราใช้ชีวิตอยู่ภายใต้อดีต

 

เราไม่เพียงอยู่แต่ในอดีต...เมื่อเราวาดภาพของวิธีปฏิบัติธรรมเสร็จเรียบร้อย นั่นหมายถึงมันมีอนาคตอยู่ด้วย อนาคตเราจะได้รับบางสิ่งจากวิธีปฏิบัติธรรมแบบนี้

 

เพราะฉะนั้น #ชีวิตของเราเป็นได้แค่อดีตและอนาคต ไม่เคยที่จะรู้จักคำว่าปัจจุบันเลย

 

แต่ทีนี้เมื่อทุกคนเริ่มรู้จักว่า “ปัจจุบันนั้นคือเส้นทาง” และแล้วมันก็ได้กลายเป็นวิธีอีกครั้งหนึ่ง... “เรา” จะอยู่กับปัจจุบัน

 

เราอยู่กับปัจจุบัน หรือ ชีวิตนั้นเป็นปัจจุบัน?

 

เราสามารถจะแยก 2 สิ่งนี้ว่ามันต่างกันได้ไหม?

 

ชีวิตที่เป็นปัจจุบันนั้นเป็นชีวิตที่ความคิดเข้าไปไม่ถึง นั่นหมายถึงว่ามันไม่มีการตัดสิน มันไม่มีการให้ค่า ไม่มีการให้ความหมาย ไม่มีที่หมายใดๆหลงเหลืออยู่ มันจึงพ้นไปจากถูกผิดดีชั่ว อยู่พ้นไปจากการคอยประเมินทบทวนตัวเอง

 

เราชอบประเมินหรือทบทวนตัวเองว่า ตอนนี้เราทำถูกไหม? ตอนนี้เราดีหรือยัง? ก้าวหน้าไหม? ดีกว่าเดิมหรือยัง?

 

ทำไมเราทำแบบนั้น? เพราะเราไม่เข้าใจว่าอะไรคือการปฏิบัติธรรม เราเข้าใจแต่เรื่องของวิชาพัฒนาตัวเอง เราแค่เป็นคนที่ต้องการจะดีกว่านี้แค่นั้น

 

ที่เราปฏิบัติธรรมผิดกันทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเรามานั่งเพื่อจะรับวิธีปฏิบัติธรรม แล้วก็เอาไปทำ เราไม่เคยให้มันเบ่งบานขึ้นมาจากชีวิตนี้ ชีวิตนี้เหมือนดิน ดอกไม้หรือดอกบัวจะต้องเบ่งบานขึ้นมาจากดินนี้

 

#เราต้องใช้ทั้งชีวิตนี้ที่จะเข้าใจวิธีปฏิบัติธรรมที่ถูกสอนกันมา

 

เวลาความโกรธเกิดขึ้น ความไม่พอใจเกิดขึ้น เราจะรู้สึกทันทีว่า เราไม่ควรโกรธแบบนี้ ทำไมเราโกรธขนาดนี้ นี่เราปฏิบัติธรรม ขนาดนี้แล้ว...ยังเป็นขนาดนี้เลยหรือ? ทำไมมีคำพูดเหล่านั้นกับตัวเอง…เข้าใจไหม?

 

เพราะว่าลึกๆ ของเรานั้น เราคิดว่าเราจะดีกว่านี้ เราเข้าใจรากเหง้าของความเป็นเราไหม? เราเข้าใจการลวงหลอกของอัตตาว่ามันเก่งขนาดไหนไหม?

 

ชีวิตเป็นการรับรู้ที่ไม่มีการเลือก ชีวิตเป็นความรับรู้ ไม่ใช่เรารับรู้ มันมีความรับรู้อยู่แล้ว เป็นความรับรู้ที่ไม่มีการเลือก ไม่มีการตัดสินว่านั่นไม่ดี นี่ดีกว่า ไม่ใช่การพัฒนา ไม่ใช่การปรับปรุง ไม่ใช่เราจะดีกว่านี้ #แต่คือการเป็นอยู่กับทุกขณะไม่ว่าสิ่งนั้นจะคืออะไรตาม อยู่กับมันอย่างศิโรราบ อยู่กับมันโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง แก้ไข จัดการ หรือทำอะไรบางอย่าง

 

และคำตอบจะอยู่ที่นั่น ทางออกจะอยู่ที่นั่น ความจริงอยู่ที่นั่น

 

ความจริงนั้นไม่ใช่เราสักคนนึงกำลังกำหนดทิศทางให้มัน #มันต้องไม่มีเรา_ความจริงถึงจะเกิดขึ้น

 

เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมนั้นเริ่มจากความบริสุทธิ์ที่สุด แล้วก็จบที่ความบริสุทธิ์ที่สุดเหมือนกัน #ไม่ใช่เริ่มจากตัณหาของใครสักคนนึงที่อยากจะบริสุทธิ์ หรือเริ่มจากใครสักคนนึงที่อยากจะเห็นความจริง

 

#มันไม่มีใครคนนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เราต้องเข้าใจเรื่องนี้ แต่มันมีเมื่อเราคิด มันมีเมื่อข้อมูลต่างๆที่เราเรียนมา จำมา ถูกบอกเล่าสืบต่อกันมา และสร้างเราขึ้นมาเป็นระยะๆ “เรา”ไม่ได้มีอยู่ตลอด

 

ที่เรากำลังปฏิบัติธรรมอยู่ทั้งหมด ลองสังเกต ลองถามตัวเองดู ลองพิจารณาย้อนกลับไป #จริงๆแล้วเรากำลังหนีทุกข์อยู่ใช่ไหม? เรากำลังทำทุกอย่างเพื่อจะหนีความทุกข์แค่นั้น แม้กระทั่งเราพยายามจะเห็นตามความเป็นจริง ก็เพื่อจะหนีมันใช่ไหม? มีเราคนนึงกำลังจะหนีมันใช่ไหม? นี่เป็นคำถามที่เราต้องถามตัวเองในทุกครั้งที่ความทุกข์เกิดขึ้น

 

เราใช้ทั้งชีวิตที่จะพิจารณาสิ่งที่เรากระทำต่อความสุขและความทุกข์ ว่าเราทำอะไรลงไปบ้าง? กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อความสุขและความทุกข์เกิดขึ้นในขณะนี้?

 

เราเห็นความดิ้นรนที่เกิดขึ้นทั้งหมดของเราขณะนี้ไหม? และความดิ้นรนที่เรากำลังจะทำอะไรบางอย่าง ไม่ว่ามันจะดูดีแค่ไหนก็ตาม...ที่เหมือนการปฏิบัติธรรมเลยก็ตาม เบื้องหลังจริงๆแล้วเรากำลังหนีใช่ไหม?

 

และถ้าเราพบว่ามันเป็นอย่างนั้น และเรารู้ว่ามันไม่ใช่ เราจะทำยังไง? เราจะทำยังไงดี?

 

จนกว่าความพยายามทั้งหมดจะสิ้นสุดลงไป และชีวิตนั้นจะหยุด ซึ่งไม่ใช่วิธีปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ทางลัดที่นำไปสู่การปฏิบัติธรรมให้เร็วกว่านี้ #แต่ชีวิตนั้นหยุดด้วยการผ่านชีวิตแห่งอริยสัจ 4 นี้ด้วยตัวเราเอง แล้วเราจะเข้าใจคำว่าหยุด คำว่าพ้นจากความปรุงแต่งทั้งปวง คำว่ารู้สึกตัว คำว่าปกติ

 

และเมื่อชีวิตหยุดอย่างศิโรราบ จะเป็นแค่ความดำรงอยู่กับความเป็นทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ โดยไม่มีใครจะตัดสินให้คุณค่า ว่ามันดีหรือไม่ดียังไงกับภาวะที่กำลังเป็นอยู่นี้ และนั่นคือขณะแห่งชีวิตที่ความคิดเข้าไปไม่ถึง นั่นคือขณะแห่งความจริงสูงสุด ความจริงสูงสุดไม่ได้อยู่ข้างหน้า ความจริงคือขณะนี้ ที่กำลังเป็นอยู่ขณะนี้

 

แต่เราเข้าใจว่าความจริงมันต้องดีเท่านั้น ความจริงคือ สงบ สุข ว่าง นั่นคือความจริงของความคิดของเรา แต่จริงๆมันไม่ใช่ นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะเป็นเฉยๆ มันอยู่ในอนาคต มันไม่จริง

 

ผมถึงบอกว่า #เราต้องรู้จักว่าอะไรคือจริง

#Camouflage

16-01-2565

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

Camouflage - Dhamma TalkBy Camouflagetalk

  • 4.7
  • 4.7
  • 4.7
  • 4.7
  • 4.7

4.7

6 ratings