แรงงานและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่

บันทึกชีวิตในไต้หวัน : บทบาทการเป็นครูสอนภาษาไทยและอาจารย์ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในไต้หวัน ft.อาจารย์พุฒ


Listen Later

ทำความรู้จักอาจารย์พุฒ แห่งมหาวิทยาลัยเหวินจ่าว

     คุณจิระศักดิ์ รักการ หรือ พี่พุฒ เป็นชาวจังหวัดกระบี่ มาไต้หวันตอนปี ค.ศ.2014 โดยในตอนนั้นมาเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็น ( National Sun Yat-sen University) ในสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ พอเรียนจบก็ได้ตัดสินใจเรืยนต่อปริญญาเอกในสาขาจีนและเอเชีย-แปซิฟิกศึกษา เอกเศรษฐศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยจงซานเช่นกัน ปัจจุบันทำงานเป็น ผศ.ดร. อยู่ที่ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเหวินจ่าว ในนครเกาสง 

     จุดเริ่มต้นของการเป็นอาจารย์สอนภาษาไทย ถือเป็นความฟลุค เนื่องจากตอนเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็น จะมีศูนย์ภาษาที่เปิดสอนวิชาภาษาไทยให้แก่คนทั่วไป เรามีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งก็คืออาจารย์จิง ที่ปัจจุบันสอนอยู่ภาควิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเหวินจ่าว เช่นกัน ในตอนนั้น อาจารย์จิงกำลังเรียนปริญาเอกที่มหาวิทยาลัยซุนยัดเซ็น บังเอิญว่าอาจารย์จิงเขาติดงาน ไม่สามารถสอนวิชาภาษาไทยได้ อาจารย์จิงจึงแนะนำเราให้ศูนย์ภาษา เราก็เลยได้งานนั้นมา จึงขอใช้คำว่าได้งานแบบฟลุคๆเนื่องจากเพื่อนติดภารกิจ ทำให้เราได้ไปสอนแทนพอสอนไปสักพัก เราพบว่าเราชอบในสายงานนี้ เราชอบในศาสตร์ของการเป็นครู ศาสตร์ของการสอนภาษาไทย ก็เลยหลงรัก  และทำงานเป็นครูสอนภาษาไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนปัจจบันก็ได้เป็นอาจารย์ฟลูไทม์ในการสอนภาษาไทยในมหาวิทยาลัย    

     กลุ่มนักเรียนที่สอนจะมีความแตกต่างกันตามสถาบันที่เราเปิดสอน ถ้าเปิดสอนวิชาภาษาไทยในศูนย์ภาษา คนที่มาเรียนจะไม่ใช่นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ส่วนมากจะเป็นคนทำงาน นักท่องเที่ยว หรือเจ้าของธุรกิจ ถ้าเราเปิดสอนในมหาวิทยาลัย ผู้ที่มาเรียนก็จะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 1 ถึง ปี 4 

นโยบายมุ่งใต้ใหม่มีผลต่อความสนใจในการเรียนภาษาไทยของผู้คนมากน้อยแค่ไหน

     ตอนแรกๆที่เริ่มไปสอน รู้สึกว่านโยบายมุ่งใต้ใหม่ยังไม่มีผล เพราะคนที่มาเรียนภาษาไทยส่วนมาก จะเป็นคนที่เขาชอบละครไทย ชอบนักร้อง ดาราไทย แล้วก็ชอบไปเที่ยวประเทศไทย เขาก็เลยมาเรียนภาษาไทย ในปีต่อๆมา ก็จะเป็นคนที่ไปทำธุรกิจที่ประเทศไทย หรือคนที่ทำงานในไต้หวันแล้วได้รับการเลื่อนขั้นให้ไปประจำอยู่ที่ไทย เขาก็จะเริ่มมาเรียนภาษาไทยกันมากขึ้น รู้สึกว่านโยบายมุ่งใต้ใหม่เริ่มจะมีผลตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา 

     ตอนที่นโยบายมุ่งใต้ใหม่มีผลโดยตรง คือตอนที่ไปสอนนักเรียนระดับมัธยม เพราะนโยบายนี้พยายามกระตุ้นให้โรงเรียนมัธยมที่มีกลุ่มนักเรียนผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่รุ่นที่ 2 หรือเป็นลูกหลานผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ได้เรียนภาษาแม่หรือภาษาพ่อของตัวเอง จึงมีการเปิดสนอภาษาและวัฒนธรรม ที่ได้ไปสอนโรงเรียนมัธยม เพราะมีเด็กลูกครึ่งไทยคนเรียนอยู่ที่นั่น แต่เด็กนักเรียนส่วนใหญ่กว่า 99.9% ของห้องเป็นเด็กไต้หวัน หรือบางห้องเป็นเด็กไต้หวันทั้งหมด เรารู้สึกว่านโยบายมุ่งใต้ใหม่ ไม่ได้แค่ต้องการให้ลูกของผู้ตั้งถิ่นใหม่ได้เรียนภาษาอาเซียน แต่เขาต้องการให้คนไต้หวัน เปลี่ยนทัศนมุมมองที่มีต่ออาเซียนให้กว้างขึ้น ให้เกิดมุมมองที่ดีขึ้น เขาจึงต้องการปลูกฝังเด็กรุ่นใหม่ให้เกิดภาพจำที่ดีต่อ Southeast Asia

     สิ่งที่สอน หลักๆเลยต้องสอนภาษาไทย ตัวเลข การสนทนาพื้นฐาน การอ่าน การเขียนพื้นฐาน ระหว่างที่สอนภาษาไทยก็ต้องมีการสอดแทรกวัฒนธรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ เทศกาลต่างๆของประเทศไทย ซึ่งการสอนวัฒนธรรมไม่สามารถสอนโดยการบรรยาย ต้องสาธิตให้เขาเห็นภาพ การที่จะสอนสิ่งเหล่านี้ได้ คุณต้องทำเป็น ต้องมีฝีมือ ซึ่งเราโชคดีที่สมัยตอนเรียนมัธยม เราชอบงานเย็บปักถักร้อย งานร้อยมาลัย แกะสลัก การทำอาหาร เป็นวิชาที่เราชอบมาก จึงทำให้เรามีฝีมือติดตัวมา ซึ่งพอเราไปสอน มันก็ง่ายสำหรับเราที่จะปฏิบัติ สาธิตให้พวกเขาได้เห็นวัฒนธรรมเหล่านี้ อย่างรำไทยก็รำ รู้สึกว่าสมัยนี้ การที่คุณจะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย คุณจะเก่งด้านวิชาการอย่างเดียวไม่ได้ คุณจะต้องเหมือน 7-11 มีครบทุกอย่าง ทำได้หลายอย่าง ถึงจะทำให้คลาสเรียนดูแอคทีฟ เด็กมีความสนใจมากขึ้น

เสียงตอบรับจากผู้เรียนก่อนและหลังเรียน

      ต้องแยกเป็นสองกลุ่มระหว่างกลุ่มวัยทำงานกับกลุ่มนักศึกษา โดยกลุ่มวัยทำงานที่มาเรียน แน่นอนว่าก่อนมาเรียน พวกเขามีความชอบ ความหลงใหลในภาษาไทย ในวัฒนธรรมไทยผ่านทางสื่อ ผ่านทางละคร ผ่านทางเพลง หรือดาราอยู่แล้ว ดังนั้นระหว่างเรียน เขาจะมีความตั้งใจมากที่จะเรียนภาษาไทย เขามีความต้องการที่จะรู้ว่า ในละครที่เขากำลังดูอยู่ ตัวละครพูดอะไรกัน เขาไม่ต้องการอ่านซับไตเติ้ล แต่เขาต้องการฟังออกและเข้าใจ ดังนั้นพอเรียนจบ เขาก็จะรู้สึกว่าภาษาไทยก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถ แล้วเขาก็อยากจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งอะไรก็ตาม หากเรามีแรงจูงใจ มันจะทำให้เรามีความกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งๆนั้น

     อย่างกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มนักศึกษา ซึ่งส่วนน้อยมากที่นักศึกษาจะมีแรงกระตุ้น หรือแรงจูงใจในการเรียนภาษาไทย ส่วนมากที่เข้ามา 80-90% เพราะยังไม่รู้ว่าภาษาไทยคืออะไร ประเทศไทยอยู่ที่ไหน เพราะฉะนั้นมันเป็นหน้าที่ของครูที่จะสอนเขา สร้างแรงกระตุ้น สร้างแรงบันดาลใจให้เขามีความรู้สึกอยากที่จะเรียนภาษาไทย อยากที่จะรู้จักประเทศไทยมากขึ้น 

พานักศึกษาไปทัศนศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมไทยในชุมชน

     ที่มหาวิทยาลัยเหวินจ่าว มีอาจารย์ภาษาไทยอยู่ 2 คน คืออาจารย์จิงกับอาจารย์พุฒ ช่วงที่เราพาเด็กไปทัศนศึกษา ไปเรียนรู้วัฒนธรรมไทยจากคนไทยโดยตรง อาจารย์จิงเป็นหัวหน้าโครงการ ส่วนเราเป็นผู้ช่วยในการช่วยดูแลนักศึกษา สาเหตุที่พานักศึกษาไป เพราะเราต้องการให้เขาได้สัมผัสจริงๆว่า วัดไทยเป็นอย่างไร คนไทยเข้าวัดเพื่ออะไร คนไทยทำบุญเพื่ออะไร เวลามีงานเทศกาล ทำไมคนไทยต้องสังสรรค์ ทำไมถึงต้องมีเหล้า มีบุหรี่เข้ามา เราต้องการให้เขารู้ว่า คนไทยเขาฉลองงานปีใหม่ งานสงกรานต์กันยังไง เราต้องการให้เด็กได้สัมผัสจริงๆ ไม่ได้สัมผัสผ่านตัวหนังสือหรือผ่านจอคอมพิวเตอร์ เราต้องการให้เขาได้เรียนรู้จากสถานการณ์นั้นจริงๆ 

     ซึ่งก็พบว่า เด็กชอบกิจกรรมนอกชั้นเรียนมากกว่าการนั่งฟังบรรยาย เสียงตอบรับดีมาก เพราะเขาได้เรียนรู้จริงๆ เขาได้พูดภาษาไทยจริงๆ เขาได้กินอาหารไทย เขาได้เจอคนไทย เขาได้เจองานสงกรานต์จริงๆ  พวกเขาชอบมากและถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะพาเขาไปอีก เมื่อไหร่จะมีกิจกรรมแบบนี้อีก 

ความประทับใจในการสอนภาษาไทย

    เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวแทนของคนไทยที่จะมาเผยแพร่วัฒนธรรม ภาษา และสิ่งดีงามของประเทศไทยให้คนต่างชาติได้เห็น นั่นคือความประทับใจแรกที่เรามี  ตอนนี้รัฐบาลไทยก็มุ่งเน้นในเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งบุคคลที่สามารถทำได้ดีและรัฐบาลไม่ควรจะมองข้าม ก็คือคนที่ไปทำงานในต่างประเทศ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นอาจารย์ คุณทำอาชีพไหนก็ได้ หรือว่าคุณแต่งงาน คุณไปตั้งรกรากอยู่ต่างประเทศก็ได้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้คือบุคคลที่สำคัญที่รัฐบาลไม่ควรมองข้าม เพราะเขาเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเผยแพร่วัฒนธรรม เผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยให้คนต่างชาติได้โดยตรง 

     สำหรับจุดมุ่งหมายของการเป็นอาจารย์ เราอยากได้ความตั้งใจในการเรียนของเด็ก อยากให้เด็กตั้งใจ แล้วเขาได้ความรู้ที่เราให้กับเขา และนำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเขาเอง ซึ่งในระหว่างที่เราสอน เราก็สอดแทรกวัฒนธรรม สอดแทรกความดีงามของประเทศไทยเข้าไปด้วย เราก็คาดหวังว่านักเรียนกลุ่มนี้จะไปพูดเกี่ยวกับประเทศไทยในมุมมองดีๆ ด้วยทัศนคติดีๆให้เพื่อนเขาฟัง ก็ถือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปอีกระดับหนึ่ง 

     จุดเด่นในตัวนักศึกษาไต้หวันที่อยากแชร์คือ เด็กนักเรียนไต้หวันเขามีระเบียบวินัย รู้หน้าที่ เราจะเป็นว่าในคลาสเรียน เด็กนักเรียนไต้หวันเข้าห้องเรียนสายน้อยมาก บางคนมาก่อนอาจารย์ด้วยซ้ำ ซึ่งเราพูดในฐานะที่เคยสอนมหาวิทยาลัยที่ไทยมาก่อน จึงเห็นความตรงต่อเวลาของนักศึกษาไทยและนักศึกษาไต้หวัน ซึ่งการตรงต่อเวลาและการรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นจุดเด่นที่ดีมากๆในตัวนักศึกษาไต้หวัน คิดว่าสิ่งเหล่านี้ มาจากพื้นฐานทางสังคมและครอบครัว หรือในโรงเรียนประถม มัธยม ที่หล่อหลอมให้พวกเขาตรงต่อเวลาและรู้หน้าที่  ซึ่งเราไม่ได้บอกว่าของไทยไม่ได้ดี เพียงแต่ความยืดหยุ่นแตกต่างกัน เมืองไทยมีความยืดหยุ่น มีความอะไรก็ได้ มีความสบายๆ แต่ในความอะไรก็ได้ สบายๆเหล่านี้ บางทีก็มีผลในด้านลบ คืออาจทำให้เราเป็นคนที่ชิวเกินไป ไม่รู้ความสำคัญของเวลาและหน้าที่ นี่คือจุดที่แตกต่างที่อยากให้นักศึกษาไทยเอาเป็นแบบอย่าง

 
...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

แรงงานและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่By เจินเจิน - เจนนรี ตันตารา, อโศก ศรีจันทร์, อัญชัน ทรงพุทธิ์, Rti