ร้านหนังสือชั่นลั่นสือกวง (燦爛時光書店 Brilliant Time Bookstore) ร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่สถานีหนานซื่อเจียว เขตจงเหอ นครนิวไทเป ซึ่งเปิดดำเนินการมาเป็นเวลา 10 ปี กำลังจะปิดตัวลงในเดือนเมษายนปีนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ร้านหนังสือแห่งนี้เปิดทำการโดยยึดหลัก "ให้ยืมแต่ไม่ขาย" กลายเป็นหน้าต่างแห่งจิตวิญญาณของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และแรงงานต่างชาติจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชาวไต้หวันกับวัฒนธรรมต่างชาติอีกด้วย
นายจางเจิ้งและนางเลี่ยวหยุนจาง สองสามีภรรยาผู้ก่อตั้งร้านหนังสือชั่นลั่นสือกว
นายจางเจิ้งและนางเลี่ยวหยุนจาง สองสามีภรรยาผู้บุกเบิกประเด็นเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไต้หวัน เป็นผู้ก่อตั้งร้านหนังสือชั่นลั่นสือกวง พวกเขากล่าวว่าจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านหนังสือแห่งนี้ คือการสร้างพื้นที่ที่ช่วยให้แรงงานต่างชาติจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มาทำงานในไต้หวันสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมของตนเอง ทำให้พวกเขาสามารถค้นพบความสบายใจและความเป็นอิสระในต่างชาติ จางเจิ้งเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีต มีผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียคนหนึ่งเคยบอกว่า "การอ่านทำให้ฉันเป็นอิสระ" คำพูดนี้ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง และทำให้เขามีความมุ่งมั่นที่จะรักษาร้านหนังสือแห่งนี้ไว้มากยิ่งขึ้น
ร้านหนังสือชั่นลั่นสือกวง เป็นร้านหนังสือเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดให้บริการครั้งแรกเดือนเมษายนของปีค.ศ. 2015 หนังสือในร้านส่วนใหญ่มาจากการบริจาคของประชาชนทั่วไป โดยเริ่มต้นจากกิจกรรม 「帶一本自己看不懂的書回台灣」 "นำหนังสือที่ตัวเองอ่านไม่ออกกลับมาไต้หวัน" ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสาร CommonWealth Magazine (天下雜誌) เมื่อ 10 ปีก่อน หนังสือเหล่านี้ช่วยคลายความคิดถึงบ้านของแรงงานต่างชาติที่ต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย และยังเป็นเหมือนประภาคารที่ส่องสว่างในชีวิตของพวกเขาอีกด้วย
นายจางเจิ้งยิ้มและเล่าย้อนถึงการเริ่มต้นเปิดร้านแห่งนี้ว่า หลังจากความคิดอยากเป็นร้านหนังสือแวบเข้ามาในหัวเขา เขาก็เข้าไปขอพรกับเหล่าเทพในเฟซบุ๊กว่า อยากได้ที่ทำเลดีๆ สำหรับการเปิดร้านหนังสือ วันรุ่งขึ้นมีเพื่อนเดินผ่านมหาวิทยาลัยชุมชนจงเหอ และเห็นป้ายประกาศให้เช่าอาคารเก่าแต่ต้องปรับแต่งหลายที่ เขากับภรรยาและอาสาสมัครทั้งหลาย ได้ช่วยกันระดมความคิดสร้างสรรค์ปรับปรุงอาคารเก่าให้กลายเป็นร้านหนังสือ
การก่อตั้งร้านหนังสือแห่งนี้ เต็มไปด้วยเรื่อมราวแห่งความอบอุ่นและน้ำใจจากผู้คนมากมาย นายจางเจิ้ง ผู้ก่อตั้งร้านเล่าว่า ในตอนแรกชั้นวางหนังสือ โต๊ะ และเก้าอี้ส่วนใหญ่ได้มาจากการบริจาคของผู้คน ส่วน พื้นในร้านหนังสือ ก็มาจากน้ำใจของช่างประปาคนหนึ่ง เมื่อครั้งที่ช่างคนนี้มาทำงาน เขารู้สึกประหลาดใจที่เห็นอาสาสมัคร หลั่งไหลเข้ามาช่วยงานร้านหนังสือกันไม่ขาดสาย หลังจากทราบว่า ร้านหนังสือแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อแรงงานต่างชาติและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เขาจึงตัดสินใจบริจาควัสดุสำหรับทำพื้นร้าน และยังลงมือสอนอาสาสมัครให้ช่วยกันปูพื้นด้วยตัวเอง
คุณเลี่ยวหยุนจางเล่าว่า การออกแบบและตกแต่งร้านหนังสือซั่นหลั่นสือกวงว่า เต็มไปด้วยองค์ประกอบของวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนผนังมีภาพเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากร้านหนังสือเปิดทำการในช่วงสงกรานต์ ซึ่งเป็นเทศกาลที่สำคัญมากของภูมิภาคนี้ ในภาพมีรูปช้างกำลังพ่นน้ำ หยดน้ำที่พ่นออกมาเป็นรูปธงชาติของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นการคารวะวัฒนธรรมอุษาคเนย์ ซึ่งเป็นภาพที่นักจิตรกรอาสาสมัครชาวจีหลงกับลูกชายของเขา ใช้เวลาใช้เวลาร่วมสามวันในการวาดภาพนี้ ส่วนอีกด้านหนึ่งของร้านเป็นภาพป่าฝนเขตร้อน ที่คุณแม่ของนายจางเจิ้งเป็นผู้วาดขึ้นมา โดยนายจางเจิ้งเผยว่า อยากให้ผู้อ่านนึกภาพว่าตัวเอง กำลังอ่านหนังสืออยู่ในสภาพแวดล้อมป่าฝนเขตร้อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภูมิภาคนี้
ชั้นที่สองของร้านหนังสือ มีพื้นที่สำหรับการบรรยาย ซึ่งในแต่ละปีมีการจัดบรรยายประมาณ 300 ครั้ง ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น วัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเรียนรู้ภาษา และแม้แต่ประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ ค่าเข้าฟังการบรรยายอยู่ที่ 100-200 เหรียญไต้หวัน ซึ่งเป็นราคาที่ย่อมเยา เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าร่วมและได้รับแรงบันดาลใจจากการฟัง ชั้นที่สามเป็นห้องเรียนภาษา นอกจากจะส่งเสริมให้ชาวต่างชาติได้เป็นผู้สอนภาษาของตัวเองแล้ว ยังช่วยให้คนไต้หวันได้เรียนรู้ภาษาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย โดยที่ผ่านมาได้เปิดคอร์สสอนภาษาเวียดนาม อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์และไทย
กิจกรรมสนทนาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างๆ
กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้ร้านหนังสือชั่นลั่นสือกวง กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความรู้ แต่ยังเป็นสถานที่สำคัญในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม นายจางเจิ้งกล่าวว่า แม้ร้านหนังสือกำลังจะปิดตัวลง แต่อิทธิพลและคุณค่าที่สั่งสมมาตลอดสิบปี จะประทับอยู่ในใจของทุกคนที่เคยมีส่วนร่วมอย่างไม่ลืมเลือน
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ร้านหนังสือชั่นลั่นสือกวงไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ยืมหนังสือเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการอ่านที่น่าประทับใจมากมาย จางเจิ้งเล่าถึงหนึ่งในเรื่องที่ประทับใจว่า มีแรงงานชาวอินโดนีเซียคนหนึ่งเดินทางจากเมืองเถาหยวนมาที่ร้านหนังสือเป็นประจำ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังมักจะพาเพื่อนๆและกีตาร์มาที่นี่ พร้อมทั้งเล่นเพลงพื้นบ้านของตัวเองที่นี่ ทำให้ร้านหนังสือเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมอาเซียนซึ่งมีเสน่ห์อย่างยิ่ง
ส่วนนางเลี่ยวหยุนจาง หนึ่งในผู้ก่อตั้งร้านก็แบ่งปันเรื่องราวที่ตนเองประทับใจเช่นกัน เธอเล่าว่า มีผู้อนุบาลชาวอินโดนีเซียรายหนึ่งชื่อ Yusni อายุประมาณ 30 ปี เธอมายืมหนังสือที่ร้านตั้งแต่ปีแรกที่เปิดให้บริการ สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ หนังสือเล่มแรกที่เธอยืมคือหนังสือภาษาจีน สองสัปดาห์หลังจากนั้น เมื่อเธอนำหนังสือมาคืน จึงทำให้รู้ว่า เธอเรียนภาษาจีนด้วยตัวเองจากการดูโทรทัศน์และจากเพื่อนบ้าน โดยสิ่งที่เธอทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้ตนเองสามารถสื่อสารกับอาม่าชาวไต้หวันที่เธอดูแลได้นั่นเอง
ร้านหนังสือแห่งนี้ ยังช่วยให้ Yusni ได้ทำความรู้จักไต้หวันอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เธอไม่เพียงหลังรักเพลงของไต้หวัน แต่เธอยังเริ่มเขียนบล็อกบันทึกชีวิตในไต้หวันของเธออีกด้วย หลังจากกลับไปประเทศอินโดนีเซีย เธอได้ใช้ทักษะทางภาษา กลายเป็นนักแปล โดยตอนนี้เธอทำงานเป็นหัวหน้าแผนกในบริษัทสัญชาติไต้หวันที่ตั้งอยู่ในอินโดนีเซีย และยังคงติดต่อกับร้านหนังสืออยู่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดความผูกพันที่แนบแน่นระหว่างไต้หวันกับอินโดนีเซียในอีกรูปแบบหนึ่ง
นายเซี่ยฟาถิงพนักงานของร้านหนังสือ
นายเซี่ยฟาถิงพนักงานของร้านหนังสือเล่าว่า สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการทำงานที่นี่ คือการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับลูกค้า มีลูกค้าหลายคนเข้ามาในร้านไม่ใช่เพื่อยืมหนังสือ แต่มาพูดคุย ทำความรู้จักและหาเพื่อน ทำให้ที่นี่ไม่เพียงเป็นสถานที่สำหรับยืมหนังสือเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พักพิงทางจิตวิญญาณสำหรับใครหลายๆคนอีกด้วย
อาจู้ อดีตพนักงานของร้านเล่าด้วยรอยยิ้มว่า ตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ เขาคิดว่าเจ้าของร้านแค่ทุ่มเทความรักในการบริหารร้านหนังสือเท่านั้น แต่ต่อมาถึงค้นพบว่า แท้จริงแล้ว เจ้าของร้านกำลังใช้ทั้งเวลา เงินทองและแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองไปเพื่อร้านนี้ แม้ว่าเงินเดือนที่นี่จะไม่สูง แต่อาจู้ก็ไม่เคยบ่นเลย เพราะอาจู้ได้เห็นการอุทิศตนอย่างไม่เห็นแก่ตัวของเจ้าของร้าน และเข้าใจอย่างแท้จริงว่าความมุ่งมั่นและการทุ่มเทคืออะไร
คุณหลิน นักศึกษาหญิงจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน เล่าว่า หลังจากฟังงานบรรยายของนักวิชาการชาวญี่ปุ่นที่พูดถึงประเด็นแรงงานต่างชาติชาวอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้ว เธอจึงเริ่มมาอ่านหนังสือที่นี่และเริ่มเรียนภาษาอินโดนีเซียในปีเดียวกัน เมื่อตอนที่ทราบข่าวว่าร้านจะปิดตัวลง เธอจึงรู้สึกใจหายและเสียดายไม่น้อย
นางเลี่ยวหยุนจางโพสข้อความบนเฟซบุ๊กว่า คุณครูเสิ่นป๋อเพ่ย ครูสอนภาษาไทยประจำร้านหนังสือชั่นลั่นสือกวงบอกกับเธอว่า “แทนที่จะมองหาเพื่อนที่จะออกเดินทางด้วยกัน ลองมองหาเพื่อนระหว่างทางดีกว่า” นี่คือคติประจำใจของเขา และเป็นสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ตลอดสิบปีของการสอนภาษาไทยที่นี่ คุณเสิ่นป๋อเพ่ยที่มีรอยยิ้มสดใสเสมอบอกกับเธอว่า ร้านหนังสือแห่งนี้มีพลังงานบางอย่างที่พิเศษมาก ทำให้ผู้คนเกิดความผูกพัน เขาเคยสอนมาหลายที่ แต่ที่นี่นักเรียนมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ถึงขั้นชวนกันไปเที่ยวต่างประเทศเลย
คุณครูเสิ่นฯเริ่มเปิดคอร์สสอนภาษาไทยตั้งแต่เดือนแรกที่ร้านชั่นลั่นสือกวงเปิดให้บริการ คลาสเรียนวันอาทิตย์ของเขาเปิดสอนต่อเนื่องมานานถึง 10 ปี ถึงแม้ในช่วงโควิดจะต้องปรับเป็นการเรียนออนไลน์ แต่พอสถานการณ์ดีขึ้น นักเรียนต่างเรียกร้องให้กลับมาเรียนที่ร้านหนังสือเหมือนเดิม เหตุใดห้องเรียนแคบๆบนอาคารเก่าๆแบบนี้ ถึงทำให้ผู้คนรู้สึกผูกพันได้เพียงนี้
คุณครูเสิ่นฯเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนตอบว่า "เพราะพื้นที่ที่เล็กทำให้ทุกคนต้องนั่งใกล้กัน ต้องเบียดกันเรียน พออยู่ใกล้กันไปนาน ๆ ก็สนิท มีความผูกพันกันที่ต่างจากห้องเรียนกว้างๆยิ่งนัก" ตลอดสิบปีของการสอนภาษาไทยที่ร้านชั่นลั่นสือกวงของครูเสิ่นฯ ช่วงที่พีคที่สุด เขามีคลาสสอนทุกวันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ บางวันหยุดต้องสอนตั้งแต่สิบโมงเช้าถึงสี่ทุ่ม คุณครูเสิ่นฯเล่าติดตลกว่า “ฉันใช้เวลาอยู่ที่ชั่นลั่นสือกวงเยอะกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก” เลี่ยวหยุนจางเล่าว่า ความผูกพันของคุณครูเสิ่นฯที่มีต่อร้านหนังสือแห่งนี้ ลึกซึ้งจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด
ห้องสมุดเคลื่อนที่ ให้บริการที่ห้องโถงสถานีรถไฟไทเปทุกวันอาทิตย์ เวลา 14:00 - 18:00 น.
นายจางเจิ้งกล่าวว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลังจากพยายามทำงานด้านการผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันห้องสมุดใหญ่ ๆ ในไต้หวันเริ่มมีหนังสือเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญและการสนับสนุนวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสังคมไต้หวันที่มากขึ้น ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง พร้อมกล่าวว่า "ภารกิจของร้านชั่นลั่นสือกวงได้สำเร็จลุล่วงแล้ว" โดยแรงงานต่างชาติและผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถเข้าถึงวัฒนธรรมบ้านเกิดในต่างแดน ถึงแม้วันนี้ร้านหนังสือจะปิดตัวลง แต่เมล็ดพันธุ์แห่งวัฒนธรรมเหล่านี้ จะยังคงหยั่งรากและเติบโตแตกหน่อต่อไปในทุกมุมของไต้หวัน
นายจางเจิ้งเผยว่า ในอนาคต ทีมงานชั่นลั่นสือกวงจะตั้งแผงให้บริการยืมหนังสือฟรีทุกวันอาทิตย์ เวลา 14:00 - 18:00 น. ที่ห้องโถงสถานีรถไฟไทเป โดยหวังว่าหนังสือเหล่านี้จะยังคงหมุนเวียน เพื่อให้ผู้คนได้รับประโยชน์ต่อไป และหวังว่าพลังของตัวอักษร จะส่องแสงนำทางและปลอบประโลมความรู้สึกคิดถึงบ้านของผู้คนที่จากบ้านเกิดมาทำงานในต่างแดนต่อไป