
Sign up to save your podcasts
Or


บันทึกชีวิตในไต้หวันสัปดาห์นี้ จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณกันหม่าฟาง หญิงไทยเชื้อสายจีนในวัย 63 ปี เป็นสะใภ้ไต้หวันมานานกว่า 33 ปี แม้ว่าพ่อแม่สามี และสามีจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เธอไม่เคยกลับไปเฉลิมฉลองตรุษจีนที่เมืองไทยก่อนวันฉูซี่ หรือวันส่งท้ายปีเลย ยังคงยึดมั่นในการปฏิบัติตามธรรมเนียมดั้งเดิมของบ้านสามีอย่างเคร่งครัด ขณะที่ลูกสาวของเธอ มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณแม่จะหลุดพ้นจากกรอบความคิดของหน้าที่ลูกสะใภ้ เธอต้องการให้แม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง เรื่องราวสองมุมมองของคนสองคน จะมีความน่าสนใจอะไรซ่อนอยู่ ไปรับฟังพร้อมกันในรายการเลยค่ะ คลิกฟังรายการที่นี่
คุณฟาง ชาวไทยเชื้อสายจีน ที่แต่งงานมาอยู่ไต้หวัน (ภาพจาก The Reporter)
คุณกันหม่าฟาง (甘瑪芳) หรือเรียกง่ายๆว่าคุณฟาง เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ที่แต่งงานมาอยู่ไต้หวัน ปู่ย่าของคุณฟางเป็นชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาเมืองไทย คุณฟางมีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อว่าหวังชิวเหวิน (王秋雯) เรียนจบด้านสังคมสงเคราะห์ และทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมการแพทย์
ปัจจุบัน คุณฟางทำงานอยู่ที่ร้านอาหารเช้าแห่งหนึ่ง เดิมทีช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนเมื่อปี 2023 หวังชิวเหวินตั้งใจว่าจะพาคุณฟางกลับไปตรุษจีนที่เมืองไทย แต่คุณฟางยืนกรานว่าจะกลับหลังวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งตรงกับวันตรุษจีน โดยคุณฟางให้เหตุผลว่า ต้องทำพิธีไหว้เจ้าที่ไต้หวันให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะยอมออกจากไต้หวัน หวังชิวเหวินจึงจำเป็นต้องยอม และจองตั๋วเครื่องบินวันที่ 2 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีนเพื่อพาแม่ของเธอกลับประเทศไทย
คุณฟางวัย 63 ปี เกิดที่จังหวัดสมุทรปราการ ในครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเล คุณปู่คุณย่าของเธอเป็นชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาอยู่เมืองไทย เธอเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชายอีก 4 คน เมื่อครั้นยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเธอมีฐานะทางการเงินที่ไม่ดี ทำให้เธอต้องหยุดเรียนเพื่อมาดูแลน้องๆของเธอ เมื่อ 33 ปีก่อน เธอได้พบกับสามีของเธอผ่านทางป้าของเธอที่แต่งงานกับคนไต้หวัน ป้าของเธอบอกกับเธอว่า เมื่อแต่งงานมาอยู่ไต้หวันแล้ว ก็จะต้องเชื่อฟังคำพูดของครอบครัวสามี คุณฟางจึงจดจำประโยคนี้เอาไว้ในใจ อย่างไรก็ดี ครอบครัวสามีของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยเช่นกัน เธอจึงต้องไปทำงานโรงงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งเธอเคยทำงานอยู่ในโรงงานผลิตกุญแจ อู่ต่อเรือและโรงงานทอผ้า นอกจากนี้ เธอยังต้องทำงานบ้าน และทำหน้าที่สืบสานประเพณี และพิธีกรรมต่างๆของครอบครัวด้วย เมื่อแม่สามีของเธอป่วยในวัยชรา เธอได้กลายมาเป็นผู้ดูแลหลัก และเมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากที่สามีของเธอตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง เธอก็ดูแลเขาจนถึงวินาทีสุดท้าย
ในช่วงที่พ่อแม่สามียังอยู่ คุณฟางไม่เคยกลับไปฉลองตรุษจีนที่เมืองไทยเลย ต้องรอจนถึงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนจึงจะมีโอกาสพาลูกสาวกลับไทย หวังชิวเหวิน เล่าว่า เธอมักจะบอกกับแม่เสมอว่า ตอนนี้อากง อาม่า คุณพ่อไม่อยู่แล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้กับครอบครัวนี้อีกแล้ว เธออยากให้แม่กลับไปไหว้บรรพบุรุษของแม่ที่เมืองไทย และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่ไทยให้เต็มที่ ส่วนพิธีกรรมที่ไต้หวัน พ่อยังมีพี่น้องคนอื่นที่ช่วยไหว้แทนได้
หวังชิวเหวินรู้สึกว่า ตอนนี้แม่สามารถดูแลครอบครัวทั้งที่ไต้หวันและไทยได้ดีขึ้น เธออยากให้แม่ทิ้งภาระที่ต้องแบกรับ และไม่ต้องยึดติดกับแนวคิดแบบเดิมๆและบทบาทการเป็น "สะใภ้ไต้หวัน" แต่แม่ไม่เห็นด้วย ทั้งสองจะเริ่มมีปากเสียงกันทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ หวังชิวเหวินเล่าว่า เธอยังตั้งใจพูดคุยเรื่องนี้กับแม่ต่อหน้าคุณย่าที่เป็นป้าของพ่อ เพราะมีญาติผู้ใหญ่สามารถช่วยโน้มน้าวแม่ได้ ซึ่งคุณย่าก็เห็นด้วยกับความคิดของชิวเหวิน แต่คุณแม่กลับไม่พอใจ และบอกว่าสิ่งที่ชิวเหวินพูดมานั้นผิดทั้งหมด
ฉลองตรุษจีนครั้งแรกในไต้หวัน ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด ตอนนี้ผ่านไปแล้ว ชีวิตดีขึ้นแล้ว
เมื่อเดินเข้าไปในบ้านของคุณฟางและชิวเหวินผู้เป็นลูกสาว โทรทัศน์กำลังฉายละครที่พูดภาษาไต้หวัน ส่วนจุดที่สะดุดตาที่สุดในห้องนั่งเล่น คือโต๊ะบูชาที่มีภาพวาดของเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยที่สาบานเป็นพี่น้องกันในสวนท้อ และมีหิ้งบูชาป้ายชื่อบรรพบุรุษ เมื่อถามถึงเหตุผล ว่าทำไมคุณฟางจึงยึดถือประเพณีการบูชาแบบไต้หวัน เธอตอบอย่างเรียบง่ายแต่หนักแน่นว่า “เมื่อก่อนพ่อแม่สามีและสามีทำแบบนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว ฉันต้องรับผิดชอบ” เธอยังบอกอีกว่า เธอสัญญากับแม่สามีว่าจะสืบสานธรรมเนียมการบูชาเหล่านี้ต่อไป
"ต้องทำ! ถ้าไม่ทำจะรู้สึกแปลก ๆ!" คุณฟางเน้นย้ำ
การเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันฉูซี่ หรือวันส่งท้ายปีตามปฏิทินจันทรคติจีน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยเช่นกัน หลังจากบูชาบรรพบุรุษอย่างพิถีพิถันแล้ว อาหารที่ใช้ในพิธีจะกลายเป็นอาหารบนโต๊ะมื้อค่ำที่ต้องรับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากับสมาชิกในครอบครัว เมื่อถามถึงช่วงเวลาการฉลองตรุษจีนที่ประเทศไทย คุณฟางกล่าวว่าเธอจำรายละเอียดไม่ได้ชัดเจน แต่จำได้คร่าวๆ ว่าอาม่า และคุณพ่อคุณแม่ของเธอจะเตรียมเนื้อสัตว์ 3 ชนิด ผัก ผลไม้ และยังมีอีกเมนูหนึ่งคือฟองเต้าหู้ห่อเผือกแล้วนำไปทอด อาม่าจะทำขนมฮวกก้วย ตีก้วย หรือขนมหวานเองทุกปี หลังจากรับประทานมื้อค่ำรวมญาติ ก็จะเป็นช่วงแจกอั่งเปา ส่วนวันแรกของวันตรุษจีน จะไปวัดพระขอพรที่วัด คุณฟางยังเล่าว่า ในช่วงตรุษจีน ห้าวกวาดบ้าน ซักผ้า และพูดจาดีๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนเหมือนกับประเพณีตรุษจีนที่ไต้หวัน
เมื่อถามว่ายังจำบรรยากาศฉลองตรุษจีนครั้งแรกในไต้หวันได้ไหม? คุณฟางเล่าว่า แม่สามีทำอะไร เธอก็ทำตาม โดยจะต้องต้มซุปหัวไชเท้า ผัดผักบางชนิด แล้วก็ดูว่าพ่อสามีชอบกินอะไร นอกจากนี้ ต้องเตรียมปลา เผือก เกี่ยมโก้ย ตีก้วย และยังมีของทอดอื่นๆ คุณฟางเล่าว่า ตอนนั้นค่อนข้างกดดันพอสมควร เพราะเคยชินกับชีวิตที่สะดวกสบายมาก่อน
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่คุณฟางที่ต้องหยุดเรียนเพื่อมาดูแลน้องๆ ถือเป็นชีวิตที่สบายจริงหรือ? เธอบอกว่า ก็มีบ้างที่ลำบาก แต่หลายๆเรื่อง คุณพ่อคุณแม่เป็นคนทำให้ ในวัยที่คุณฟางอายุประมาณสิบกว่าปี มีครั้งหนึ่งเธอทำอาหารให้น้องชายกิน แต่ด้วยความไม่ทันระวัง เธอจึงเผลอทำซุปร้อนๆหกใส่ขาตัวเอง กลายเป็นแผลน้ำร้อนลวก พ่อของเธอเสียใจมาก และขอให้เธออย่าทำอาหารอีก โดยพ่อจะมาทำให้หลังเลิกงาน เมื่อมาถึงไต้หวัน คุณฟางเปลี่ยนสถานะจากลูกสาวมาเป็นลูกสะใภ้ เป็นภรรยาและเป็นแม่ เธอเรียนรู้การทำอาหารจากแม่สามี พร้อมทั้งค่อยๆจดจำประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ เมนูอาหารตรุษจีนมีรสชาติเหมือนเดิมทุกปี เธอไม่เคยเสนอให้นำอาหารไทยมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารรวมญาติตรุษจีนเลย เพื่อนบ้านต่างรู้สึกเห็นใจเธอซึ่งเป็นลูกสะใภ้จากต่างแดน ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัว พวกเขาจึงมักสอนประเพณีต่าง ๆ และวิธีการไหว้บรรพบุรุษให้แก่เธอ และคุณฟางเองก็จะนำอาหารที่ทำเกิน ไปแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้านเป็นการตอบแทน
ภาษาแม่ของคุณฟางคือภาษาไทย ถึงแม้จะมีพื้นฐานในภาษาแต้จิ้วอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถสื่อสารกับคนที่พูดภาษาไถอวี่ หรือภาษาไต้หวันได้ทั้งหมด หลังจากมาไต้หวัน สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของเธอต่างพูดภาษาไถอวี่ เธอจึงเรียนรู้ไปพร้อมกับการสนทนา และใช้เวลาในทุกค่ำคืน ที่นั่งดูละครท้องถิ่นกับพ่อแม่สามี เสริมทักษะการฟัง พร้อมเพิ่มการจดจำคำศัพท์ผ่านละคร คุณฟางเริ่มพูดภาษาไถอวี่ได้คล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื่องจากงานยุ่งมาก เธอจึงไม่มีเวลาลงเรียนคลาสการอ่านเขียน ทำให้ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาจีนของเธอค่อนข้างจำกัด
คุณฟางเล่าว่า “บางครั้งมันเหนื่อยมาก ๆ เหมือนข้างในกำลังร้องไห้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป” พูดถึงตรงนี้ คุณฟางก็เริ่มมีน้ำตาคลอ เธอหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดที่หางตา "ไต้หวันเป็นที่ที่ฉันเลือกจะมาเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความคับข้องใจ ก็ไม่กล้าพูดว่าจะกลับบ้าน แต่ตอนนี้ มันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว"
สำหรับหวังชิวเหวิน เป็นลูกสาวของคุณพ่อชาวไต้หวันและคุณแม่ชาวไทย ชิวเหวินรู้ดีว่าเธอเป็นทั้งคนไต้หวันและมีความเป็นคนไทย ชิวเหวินหวังเพียงแค่ว่า คุณฟางผู้ซึ่งเป็นคุณแม่ของเธอจะหลุดพ้นจากกรอบความคิดของลูกสะใภ้ที่ต้องทำตามธรรมเนียมดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด หวังว่าคุณแม่จะยอมกลับไปฉลองตรุษจีนกับครอบครัวที่เมืองไทยตั้งแต่คืนวันฉูซี่ หรือวันสิ้นปี กลับไปเป็นลูกสาวที่คุณพ่อทะนุถนอม เป็นพี่สาวที่ได้รับการเคารพนับถือจากน้องๆ
จวบจนตรุษจีนปี 2024 คุณฟางยังคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่สามี เตรียมของไว้เจ้าตั้งแต่เนิ่นๆ คุณฟางบอกว่า ต้องส่งเทพเจ้าแห่งเตาไฟกลับสวรรค์ในวันที่ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ในวันฉูซี่ ต้องไหว้เทพเจ้าฟ้าดิน บรรพบุรุษ เทพเจ้าที่ ส่วนวันตรุษจีน ก็ต้องไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ แต่สามีไม่อยู่แล้ว คงเตรียมอาหารง่ายๆก็พอ ไม่อย่างนั้นจะทานไม่หมด
ขอพรอะไรจากเทพเจ้า?
"ขอให้มีความปลอดภัย สงบสุข ราบรื่น ความปรารถนาของฉันก็มีแค่นี้ล่ะ"
คุณฟางไม่ซีเรียสกับบทบาทของตัวเองเท่าไหร่ เธอปฏิบัติตามธรรมเนียมที่พ่อแม่สามีสอนมาอย่างเคร่งครัด โดยหวังให้ครอบครัวมีความสุขและราบรื่นตลอดทั้งปี สำหรับเธอแล้ว นี่คือรสชาติแห่งปีใหม่ที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจที่สุด
By เจินเจิน - เจนนรี ตันตารา, อโศก ศรีจันทร์, อัญชัน ทรงพุทธิ์, Rtiบันทึกชีวิตในไต้หวันสัปดาห์นี้ จะมาเล่าเรื่องราวชีวิตของคุณกันหม่าฟาง หญิงไทยเชื้อสายจีนในวัย 63 ปี เป็นสะใภ้ไต้หวันมานานกว่า 33 ปี แม้ว่าพ่อแม่สามี และสามีจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เธอไม่เคยกลับไปเฉลิมฉลองตรุษจีนที่เมืองไทยก่อนวันฉูซี่ หรือวันส่งท้ายปีเลย ยังคงยึดมั่นในการปฏิบัติตามธรรมเนียมดั้งเดิมของบ้านสามีอย่างเคร่งครัด ขณะที่ลูกสาวของเธอ มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณแม่จะหลุดพ้นจากกรอบความคิดของหน้าที่ลูกสะใภ้ เธอต้องการให้แม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง เรื่องราวสองมุมมองของคนสองคน จะมีความน่าสนใจอะไรซ่อนอยู่ ไปรับฟังพร้อมกันในรายการเลยค่ะ คลิกฟังรายการที่นี่
คุณฟาง ชาวไทยเชื้อสายจีน ที่แต่งงานมาอยู่ไต้หวัน (ภาพจาก The Reporter)
คุณกันหม่าฟาง (甘瑪芳) หรือเรียกง่ายๆว่าคุณฟาง เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ที่แต่งงานมาอยู่ไต้หวัน ปู่ย่าของคุณฟางเป็นชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาเมืองไทย คุณฟางมีลูกสาวหนึ่งคน ชื่อว่าหวังชิวเหวิน (王秋雯) เรียนจบด้านสังคมสงเคราะห์ และทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมการแพทย์
ปัจจุบัน คุณฟางทำงานอยู่ที่ร้านอาหารเช้าแห่งหนึ่ง เดิมทีช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนเมื่อปี 2023 หวังชิวเหวินตั้งใจว่าจะพาคุณฟางกลับไปตรุษจีนที่เมืองไทย แต่คุณฟางยืนกรานว่าจะกลับหลังวันที่ 1 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ซึ่งตรงกับวันตรุษจีน โดยคุณฟางให้เหตุผลว่า ต้องทำพิธีไหว้เจ้าที่ไต้หวันให้เสร็จสิ้นก่อน จึงจะยอมออกจากไต้หวัน หวังชิวเหวินจึงจำเป็นต้องยอม และจองตั๋วเครื่องบินวันที่ 2 เดือน 1 ตามปฏิทินจันทรคติจีนเพื่อพาแม่ของเธอกลับประเทศไทย
คุณฟางวัย 63 ปี เกิดที่จังหวัดสมุทรปราการ ในครอบครัวชาวจีนโพ้นทะเล คุณปู่คุณย่าของเธอเป็นชาวจีนแต้จิ๋วที่อพยพมาอยู่เมืองไทย เธอเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชายอีก 4 คน เมื่อครั้นยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเธอมีฐานะทางการเงินที่ไม่ดี ทำให้เธอต้องหยุดเรียนเพื่อมาดูแลน้องๆของเธอ เมื่อ 33 ปีก่อน เธอได้พบกับสามีของเธอผ่านทางป้าของเธอที่แต่งงานกับคนไต้หวัน ป้าของเธอบอกกับเธอว่า เมื่อแต่งงานมาอยู่ไต้หวันแล้ว ก็จะต้องเชื่อฟังคำพูดของครอบครัวสามี คุณฟางจึงจดจำประโยคนี้เอาไว้ในใจ อย่างไรก็ดี ครอบครัวสามีของเธอก็ไม่ได้ร่ำรวยเช่นกัน เธอจึงต้องไปทำงานโรงงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ซึ่งเธอเคยทำงานอยู่ในโรงงานผลิตกุญแจ อู่ต่อเรือและโรงงานทอผ้า นอกจากนี้ เธอยังต้องทำงานบ้าน และทำหน้าที่สืบสานประเพณี และพิธีกรรมต่างๆของครอบครัวด้วย เมื่อแม่สามีของเธอป่วยในวัยชรา เธอได้กลายมาเป็นผู้ดูแลหลัก และเมื่อห้าปีที่แล้ว หลังจากที่สามีของเธอตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็ง เธอก็ดูแลเขาจนถึงวินาทีสุดท้าย
ในช่วงที่พ่อแม่สามียังอยู่ คุณฟางไม่เคยกลับไปฉลองตรุษจีนที่เมืองไทยเลย ต้องรอจนถึงช่วงปิดเทอมฤดูร้อนจึงจะมีโอกาสพาลูกสาวกลับไทย หวังชิวเหวิน เล่าว่า เธอมักจะบอกกับแม่เสมอว่า ตอนนี้อากง อาม่า คุณพ่อไม่อยู่แล้ว แม่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้กับครอบครัวนี้อีกแล้ว เธออยากให้แม่กลับไปไหว้บรรพบุรุษของแม่ที่เมืองไทย และใช้เวลาอยู่กับครอบครัวที่ไทยให้เต็มที่ ส่วนพิธีกรรมที่ไต้หวัน พ่อยังมีพี่น้องคนอื่นที่ช่วยไหว้แทนได้
หวังชิวเหวินรู้สึกว่า ตอนนี้แม่สามารถดูแลครอบครัวทั้งที่ไต้หวันและไทยได้ดีขึ้น เธออยากให้แม่ทิ้งภาระที่ต้องแบกรับ และไม่ต้องยึดติดกับแนวคิดแบบเดิมๆและบทบาทการเป็น "สะใภ้ไต้หวัน" แต่แม่ไม่เห็นด้วย ทั้งสองจะเริ่มมีปากเสียงกันทุกครั้งที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ หวังชิวเหวินเล่าว่า เธอยังตั้งใจพูดคุยเรื่องนี้กับแม่ต่อหน้าคุณย่าที่เป็นป้าของพ่อ เพราะมีญาติผู้ใหญ่สามารถช่วยโน้มน้าวแม่ได้ ซึ่งคุณย่าก็เห็นด้วยกับความคิดของชิวเหวิน แต่คุณแม่กลับไม่พอใจ และบอกว่าสิ่งที่ชิวเหวินพูดมานั้นผิดทั้งหมด
ฉลองตรุษจีนครั้งแรกในไต้หวัน ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด ตอนนี้ผ่านไปแล้ว ชีวิตดีขึ้นแล้ว
เมื่อเดินเข้าไปในบ้านของคุณฟางและชิวเหวินผู้เป็นลูกสาว โทรทัศน์กำลังฉายละครที่พูดภาษาไต้หวัน ส่วนจุดที่สะดุดตาที่สุดในห้องนั่งเล่น คือโต๊ะบูชาที่มีภาพวาดของเล่าปี่ กวนอู และเตียวหุยที่สาบานเป็นพี่น้องกันในสวนท้อ และมีหิ้งบูชาป้ายชื่อบรรพบุรุษ เมื่อถามถึงเหตุผล ว่าทำไมคุณฟางจึงยึดถือประเพณีการบูชาแบบไต้หวัน เธอตอบอย่างเรียบง่ายแต่หนักแน่นว่า “เมื่อก่อนพ่อแม่สามีและสามีทำแบบนี้ ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว ฉันต้องรับผิดชอบ” เธอยังบอกอีกว่า เธอสัญญากับแม่สามีว่าจะสืบสานธรรมเนียมการบูชาเหล่านี้ต่อไป
"ต้องทำ! ถ้าไม่ทำจะรู้สึกแปลก ๆ!" คุณฟางเน้นย้ำ
การเซ่นไหว้บรรพบุรุษในวันฉูซี่ หรือวันส่งท้ายปีตามปฏิทินจันทรคติจีน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทยเช่นกัน หลังจากบูชาบรรพบุรุษอย่างพิถีพิถันแล้ว อาหารที่ใช้ในพิธีจะกลายเป็นอาหารบนโต๊ะมื้อค่ำที่ต้องรับประทานพร้อมหน้าพร้อมตากับสมาชิกในครอบครัว เมื่อถามถึงช่วงเวลาการฉลองตรุษจีนที่ประเทศไทย คุณฟางกล่าวว่าเธอจำรายละเอียดไม่ได้ชัดเจน แต่จำได้คร่าวๆ ว่าอาม่า และคุณพ่อคุณแม่ของเธอจะเตรียมเนื้อสัตว์ 3 ชนิด ผัก ผลไม้ และยังมีอีกเมนูหนึ่งคือฟองเต้าหู้ห่อเผือกแล้วนำไปทอด อาม่าจะทำขนมฮวกก้วย ตีก้วย หรือขนมหวานเองทุกปี หลังจากรับประทานมื้อค่ำรวมญาติ ก็จะเป็นช่วงแจกอั่งเปา ส่วนวันแรกของวันตรุษจีน จะไปวัดพระขอพรที่วัด คุณฟางยังเล่าว่า ในช่วงตรุษจีน ห้าวกวาดบ้าน ซักผ้า และพูดจาดีๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ล้วนเหมือนกับประเพณีตรุษจีนที่ไต้หวัน
เมื่อถามว่ายังจำบรรยากาศฉลองตรุษจีนครั้งแรกในไต้หวันได้ไหม? คุณฟางเล่าว่า แม่สามีทำอะไร เธอก็ทำตาม โดยจะต้องต้มซุปหัวไชเท้า ผัดผักบางชนิด แล้วก็ดูว่าพ่อสามีชอบกินอะไร นอกจากนี้ ต้องเตรียมปลา เผือก เกี่ยมโก้ย ตีก้วย และยังมีของทอดอื่นๆ คุณฟางเล่าว่า ตอนนั้นค่อนข้างกดดันพอสมควร เพราะเคยชินกับชีวิตที่สะดวกสบายมาก่อน
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่คุณฟางที่ต้องหยุดเรียนเพื่อมาดูแลน้องๆ ถือเป็นชีวิตที่สบายจริงหรือ? เธอบอกว่า ก็มีบ้างที่ลำบาก แต่หลายๆเรื่อง คุณพ่อคุณแม่เป็นคนทำให้ ในวัยที่คุณฟางอายุประมาณสิบกว่าปี มีครั้งหนึ่งเธอทำอาหารให้น้องชายกิน แต่ด้วยความไม่ทันระวัง เธอจึงเผลอทำซุปร้อนๆหกใส่ขาตัวเอง กลายเป็นแผลน้ำร้อนลวก พ่อของเธอเสียใจมาก และขอให้เธออย่าทำอาหารอีก โดยพ่อจะมาทำให้หลังเลิกงาน เมื่อมาถึงไต้หวัน คุณฟางเปลี่ยนสถานะจากลูกสาวมาเป็นลูกสะใภ้ เป็นภรรยาและเป็นแม่ เธอเรียนรู้การทำอาหารจากแม่สามี พร้อมทั้งค่อยๆจดจำประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ เมนูอาหารตรุษจีนมีรสชาติเหมือนเดิมทุกปี เธอไม่เคยเสนอให้นำอาหารไทยมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหารรวมญาติตรุษจีนเลย เพื่อนบ้านต่างรู้สึกเห็นใจเธอซึ่งเป็นลูกสะใภ้จากต่างแดน ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการปรับตัว พวกเขาจึงมักสอนประเพณีต่าง ๆ และวิธีการไหว้บรรพบุรุษให้แก่เธอ และคุณฟางเองก็จะนำอาหารที่ทำเกิน ไปแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้านเป็นการตอบแทน
ภาษาแม่ของคุณฟางคือภาษาไทย ถึงแม้จะมีพื้นฐานในภาษาแต้จิ้วอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถสื่อสารกับคนที่พูดภาษาไถอวี่ หรือภาษาไต้หวันได้ทั้งหมด หลังจากมาไต้หวัน สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของเธอต่างพูดภาษาไถอวี่ เธอจึงเรียนรู้ไปพร้อมกับการสนทนา และใช้เวลาในทุกค่ำคืน ที่นั่งดูละครท้องถิ่นกับพ่อแม่สามี เสริมทักษะการฟัง พร้อมเพิ่มการจดจำคำศัพท์ผ่านละคร คุณฟางเริ่มพูดภาษาไถอวี่ได้คล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ แต่เนื่องจากงานยุ่งมาก เธอจึงไม่มีเวลาลงเรียนคลาสการอ่านเขียน ทำให้ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาจีนของเธอค่อนข้างจำกัด
คุณฟางเล่าว่า “บางครั้งมันเหนื่อยมาก ๆ เหมือนข้างในกำลังร้องไห้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป” พูดถึงตรงนี้ คุณฟางก็เริ่มมีน้ำตาคลอ เธอหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดที่หางตา "ไต้หวันเป็นที่ที่ฉันเลือกจะมาเอง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความคับข้องใจ ก็ไม่กล้าพูดว่าจะกลับบ้าน แต่ตอนนี้ มันผ่านไปแล้ว ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว"
สำหรับหวังชิวเหวิน เป็นลูกสาวของคุณพ่อชาวไต้หวันและคุณแม่ชาวไทย ชิวเหวินรู้ดีว่าเธอเป็นทั้งคนไต้หวันและมีความเป็นคนไทย ชิวเหวินหวังเพียงแค่ว่า คุณฟางผู้ซึ่งเป็นคุณแม่ของเธอจะหลุดพ้นจากกรอบความคิดของลูกสะใภ้ที่ต้องทำตามธรรมเนียมดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด หวังว่าคุณแม่จะยอมกลับไปฉลองตรุษจีนกับครอบครัวที่เมืองไทยตั้งแต่คืนวันฉูซี่ หรือวันสิ้นปี กลับไปเป็นลูกสาวที่คุณพ่อทะนุถนอม เป็นพี่สาวที่ได้รับการเคารพนับถือจากน้องๆ
จวบจนตรุษจีนปี 2024 คุณฟางยังคงทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อแม่สามี เตรียมของไว้เจ้าตั้งแต่เนิ่นๆ คุณฟางบอกว่า ต้องส่งเทพเจ้าแห่งเตาไฟกลับสวรรค์ในวันที่ 24 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ในวันฉูซี่ ต้องไหว้เทพเจ้าฟ้าดิน บรรพบุรุษ เทพเจ้าที่ ส่วนวันตรุษจีน ก็ต้องไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษ แต่สามีไม่อยู่แล้ว คงเตรียมอาหารง่ายๆก็พอ ไม่อย่างนั้นจะทานไม่หมด
ขอพรอะไรจากเทพเจ้า?
"ขอให้มีความปลอดภัย สงบสุข ราบรื่น ความปรารถนาของฉันก็มีแค่นี้ล่ะ"
คุณฟางไม่ซีเรียสกับบทบาทของตัวเองเท่าไหร่ เธอปฏิบัติตามธรรมเนียมที่พ่อแม่สามีสอนมาอย่างเคร่งครัด โดยหวังให้ครอบครัวมีความสุขและราบรื่นตลอดทั้งปี สำหรับเธอแล้ว นี่คือรสชาติแห่งปีใหม่ที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจที่สุด