
Sign up to save your podcasts
Or
คําสอนแห่งพุทธวัตถุประสงค์
ไม่ได้สิ้นสุดลงที่รูปฌาน อรูปฌาน
นั่นเป็นพื้นที่ของสมาธิ
คําสอนของพุทธนั้นต้องไปถึงระดับปัญญา
เห็นการเกิดเห็นการดับแล้ว
บนพื้นที่ของสมาธิ ๗ ขั้น
ขั้นใดขั้นหนึ่ง
การดับรอบของรูปและนาม
ไม่มีความสืบต่อระหว่างการเกิดและการดับ
นั่นแหละจิตได้"บรรลุถึง"
สภาวะที่เป็นเป้าหมายของพุทธประสงค์
ของคําสอนในพุทธศาสนา
คือเคลื่อนจากโลกียะไปสู่โลกุตระนั่นเอง
สภาวะที่ไม่มีการเคลื่อน
ไม่มีการปรากฏซึ่งความเกิด
และความดับของรูปและนาม
สภาวะที่ไม่มีเวลาน่ะเรียกว่า อกาลิโก
ไม่ประกอบด้วยกาล
จะเป็นอื่นไปไม่ได้นะ
ก็คือสภาวะนิพพานนั่นเอง
ขณะนี้เดี๋ยวนี้เห็นการเคลื่อนของอะไร
เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาวธรรมไหน
สักแต่ว่ารู้นะ
ไม่มั่นหมายว่าในกระบวนการรู้นั้นมีเขามีเรา
ในโมเมนต์ไหนล่ะ ที่ไม่มีเขา ไม่มีเรา
ก็คือโมเมนต์ของ -
เห็นซึ่งความเกิด เห็นซึ่งความดับ
จะมีเรามีเขาได้อย่างไรเมื่อ
ปรากฏอยู่เพียงชั่วขณะก็สลายไปแล้ว
รู้อยู่เห็นอยู่เช่นนี้ จิตจักเคลื่อนไปเอง
จากหยาบ ไปละเอียด
จากกามสัญญาไปสู่รูปสัญญา อรูปสัญญา
จากโลกิยะไปสู่โลกุตระ
ขณะนี้เดี๋ยวนี้
มันสิ้นสุดในตัวมันเองนะ สภาวธรรม
ไม่มีอะไรตกค้างอยู่เลย
ไม่มีอะไรตกค้างนั่นคือ
ไม่มีภาวะความมีตัวตน
ที่นิยามว่า มีฉันอยู่ มีรักอยู่ มีชังอยู่
มีสุข มีทุกข์อยู่น่ะ อันนั้นคือตกค้างล่ะ
นั่นคือตัวตนนะ ที่คั่งค้างแบบนั้น
ทําไมถึงคั่งค้างอยู่แบบนั้น
ก็เพราะไม่อยู่ในปัจจุบันกาล
เพราะไปอิงเอากาลที่ผ่านไปแล้ว
ถ้าแจ่มแจ้งประจักษ์ชัดอยู่กับปัจจุบันกาล
ไม่มีภาวะความมีตัวตนนะ
เพราะไม่คั่งค้างอะไร
นี่แหละนิยามของคําว่า
"ไร้ตัว ไร้ตน ไร้สัตว์ ไร้บุคคล"
ก็คือสภาวะ อนัตตา
ปิยทัสสี ภิกขุ
ศูนย์วิปัสสนาวัดถ้ำดอยโตน
#เพจผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมวัดถ้ำดอยโตน
Group Sitting 09-03-2025
https://open.spotify.com/episode/3IolsTNJSzZ0HYex7C6fuU
คําสอนแห่งพุทธวัตถุประสงค์
ไม่ได้สิ้นสุดลงที่รูปฌาน อรูปฌาน
นั่นเป็นพื้นที่ของสมาธิ
คําสอนของพุทธนั้นต้องไปถึงระดับปัญญา
เห็นการเกิดเห็นการดับแล้ว
บนพื้นที่ของสมาธิ ๗ ขั้น
ขั้นใดขั้นหนึ่ง
การดับรอบของรูปและนาม
ไม่มีความสืบต่อระหว่างการเกิดและการดับ
นั่นแหละจิตได้"บรรลุถึง"
สภาวะที่เป็นเป้าหมายของพุทธประสงค์
ของคําสอนในพุทธศาสนา
คือเคลื่อนจากโลกียะไปสู่โลกุตระนั่นเอง
สภาวะที่ไม่มีการเคลื่อน
ไม่มีการปรากฏซึ่งความเกิด
และความดับของรูปและนาม
สภาวะที่ไม่มีเวลาน่ะเรียกว่า อกาลิโก
ไม่ประกอบด้วยกาล
จะเป็นอื่นไปไม่ได้นะ
ก็คือสภาวะนิพพานนั่นเอง
ขณะนี้เดี๋ยวนี้เห็นการเคลื่อนของอะไร
เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาวธรรมไหน
สักแต่ว่ารู้นะ
ไม่มั่นหมายว่าในกระบวนการรู้นั้นมีเขามีเรา
ในโมเมนต์ไหนล่ะ ที่ไม่มีเขา ไม่มีเรา
ก็คือโมเมนต์ของ -
เห็นซึ่งความเกิด เห็นซึ่งความดับ
จะมีเรามีเขาได้อย่างไรเมื่อ
ปรากฏอยู่เพียงชั่วขณะก็สลายไปแล้ว
รู้อยู่เห็นอยู่เช่นนี้ จิตจักเคลื่อนไปเอง
จากหยาบ ไปละเอียด
จากกามสัญญาไปสู่รูปสัญญา อรูปสัญญา
จากโลกิยะไปสู่โลกุตระ
ขณะนี้เดี๋ยวนี้
มันสิ้นสุดในตัวมันเองนะ สภาวธรรม
ไม่มีอะไรตกค้างอยู่เลย
ไม่มีอะไรตกค้างนั่นคือ
ไม่มีภาวะความมีตัวตน
ที่นิยามว่า มีฉันอยู่ มีรักอยู่ มีชังอยู่
มีสุข มีทุกข์อยู่น่ะ อันนั้นคือตกค้างล่ะ
นั่นคือตัวตนนะ ที่คั่งค้างแบบนั้น
ทําไมถึงคั่งค้างอยู่แบบนั้น
ก็เพราะไม่อยู่ในปัจจุบันกาล
เพราะไปอิงเอากาลที่ผ่านไปแล้ว
ถ้าแจ่มแจ้งประจักษ์ชัดอยู่กับปัจจุบันกาล
ไม่มีภาวะความมีตัวตนนะ
เพราะไม่คั่งค้างอะไร
นี่แหละนิยามของคําว่า
"ไร้ตัว ไร้ตน ไร้สัตว์ ไร้บุคคล"
ก็คือสภาวะ อนัตตา
ปิยทัสสี ภิกขุ
ศูนย์วิปัสสนาวัดถ้ำดอยโตน
#เพจผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมวัดถ้ำดอยโตน
Group Sitting 09-03-2025
https://open.spotify.com/episode/3IolsTNJSzZ0HYex7C6fuU