มีผู้สนใจในการปฏิบัติส่งคำถามว่า :
การเคลื่อนไหวในสื่อทุกวันนี้ พระอาจารย์คิดเห็นอย่างไร
เพื่อจะไม่ให้จิตของผู้ที่ยังมีอินทรีย์อ่อน
จะได้ไม่ต้องไปเสพอยู่กับสื่อที่ทําให้จิตต้องเศร้าหมอง
ก็บอกว่า :
เมื่อสถานการณ์มันเกิดขึ้นนะ วิกฤติมันเกิดขึ้น เขาบอกว่าวิกฤตไม่ใช่ความเลวร้าย
วิกฤตไม่ใช่เป็นการปิดโอกาส ความหมายรากศัพท์จริง ๆ หมายถึงว่าเปิดโอกาสใหม่
เหมือนกับเส้นทางที่เราเคยเดินมาชั่วนาตาปี ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติก็เดินมาอย่างนี้
มาถึงจุด ๆ หนึ่งเส้นทางที่เราเดินไปถึงหน้าผาสูงชัน เหวลึกมากมองไม่เห็นข้างล่างเลย
นั่นล่ะเขาเรียกว่าวิกฤตเดินต่อไม่ได้ เดินกลับก็กลับไม่ได้แล้ว
เหมือนสิทธัตถะเกิดวิกฤตครั้งแรก ที่พระองค์ท่านแจ่มแจ้งกับเห็นเทวทูตทั้ง ๔
อยู่ไม่ได้แล้วในวัง วิกฤตอันนี้มันยิ่งใหญ่มาก
นั่นก็เลยทําให้พระองค์ท่านเปลี่ยนเส้นทาง
คือเดินตรงต่อไปไม่ได้แล้วมันตกหน้าผาแน่นอน
ความตายไม่ซ้ายก็ขวาละ กลับมาที่เดิมก็ไม่ได้อีก
แล้วพระองค์ท่านก็มาพบกับวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากทรงทดลองใช้อัตตกิลมถานุโยคทรมานพระวรกาย
หน้าผาอีกแล้ว เผชิญวิกฤตอีกแล้ว
เส้นแบ่งระหว่างความเป็นกับได้ไปต่อนี่ตายแน่นอน เอ๊ะแล้วยังไงอ่ะ
ญาณทัศนะองค์ความรู้ที่ผุดขึ้นมาว่าจะต้องอาศัยฌานจิต
อาศัยปีติและสุขที่เคยมีประสบการณ์ อันเคยได้สัมผัสแล้ว
แล้วสภาวะแบบนั้นน่ะ จะสัมผัสได้ยังไงในขณะที่กายนี่มันยังหิวโหยอยู่
สภาพของร่างกายที่เป็นอยู่แบบนี้ จิตจะไปสัมผัสกับสภาวะแบบนั้นไม่ได้
มีแต่ทุกขเวทนา ! โอกาสใหม่มาแล้ว
วิกฤตนี้หมายถึงมันจะเปิดมุมมองใหม่ อะไรใหม่ที่มันใช่
นั่นหมายถึงที่เราไปนิยามว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ วิกฤตเกิดขึ้นแล้วจะพึ่งอะไร
ตามจอตามสื่อมีแต่เรื่องเศร้าหมอง ไปไม่เป็น วิกฤติมันเกิดแล้ว
จะต้องมีองค์ความรู้ที่มาประสิทธิ์ประสาทตัวเองมากกว่านี้สิ
องค์องค์ความรู้ของพุทธะ
มิใช่ว่าเมื่อได้ยินได้ฟังมาแล้ว มิได้ตระหนักว่าสมาธิคืออะไร ปัญญาคืออะไร
การเกิดการดับคืออะไร อุปทานคืออะไร ตัณหาคืออะไร ก็ยังไม่รู้
เราเอาตัวตนของเราไปฝากฝังไว้กับความเชื่อกับบุคคลหนึ่ง
เมื่อความเชื่อในรูปแบบแบบนั้นพังทลาย ไปต่อไม่ได้ ตัวตนก็หวั่นไหวใช่ไหม
นิยามว่าเราเป็นใครล่ะ มีความสัมพันธ์ระหว่างเรากับรูปแบบอะไรสักอย่างหรือเปล่า
มาถึงตรงนี้แล้วก็สะท้อนได้ว่า เราไม่มีที่พึ่งนะ
เราพึ่งบุคคลหรือเปล่า เราใส่ใจกับคําสอนที่พระองค์ท่านตรัสว่า
ผู้ใดเห็นธรรมพวกนั้นเห็นเราไหม ผู้ใดเคารพธรรมผู้นั้นก็เคารพพุทธะ
จงให้ความสําคัญกับธรรมะ จงแจ่มแจ้งกับกฏแห่งความเป็นจริง
โดยข้ามพ้นเรื่องบุคคลเรื่องตัวตนเรื่องรูปแบบ
ตัวตนบุคคล รูปแบบ จารีตเหล่านั้น นํามาซึ่งคําว่าศาสนา
นำมาซึ่งความเชื่อประเพณี ที่หล่อหลอมมาเป็นอัตลักษณ์ตัวตน แต่ละมุมของโลกใบนี้
มีสัญลักษณ์มั้ยน่ะ ธรรมะ ?
เราก็เข้าใจชัดกัน เมื่อกี้มันเกิดมันดับ ไหนล่ะสัญลักษณ์ ?
ปรากฏเพียงชั่วขณะก็ดับไป ไหนล่ะศาสนา ไหนล่ะบุคคล ไหนล่ะรูปแบบ
ยากไหม กับความจริงที่กําลังปรากฏ ! ท้าทายมาก
ท้าทายต่อการพิสูจน์ว่า ท่านทั้งหลายจงมาดูเถิดสิ่งมหัศจรรย์
ดูแล้วดําเนินไปแล้ว ก็จะเกิดความมหัศจรรย์ ทุกข์น้อยลง ยึดติดน้อยลง
จนกระทั่งว่าไปสู่อิสรภาพที่สมบูรณ์ จะมีอะไรมากกว่านั้นมั้ย
เคารพในธรรม เทิดทูนในธรรม
ให้ความสําคัญกับธรรม จงมีธรรมเป็นที่พึ่ง
นี่ก็เป็นข้อคิดสําหรับญาติธรรมบางท่านที่ยังหวั่นไหวอยู่
-- ปิยทัสสี ภิกขุ --
ศูนย์วิปัสสนาวัดถ้ำดอยโตน
เพจผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมวัดถ้ำดอยโตน
Group Sitting 27-07-2025
https://youtu.be/AImM30H1gw8