ฟุตบอลเยาวชน ถือเป็นรากฐานสำคัญของวงการฟุตบอลทุกที่ทั่วโลก ในประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน ขณะที่สปอตไลท์ตอนนี้มักจะส่องแสงไปยังทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นหลัก รอง ๆ ลงมาก็ฟุตบอลลีคอาชีพ ไม่ก็เป็นฟุตบอลสมัครเล่นอย่างบอลเดินสายไปเลย แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสนใจและสนุกไปกับ “ฟุตบอลมัธยม” ฟุตบอลในระดับของนักเรียนมาทำการแข่งขันกัน

.

เมื่อฟุตบอลมัธยมเป็นสังเวียนให้เหล่าเด็กนักเรียนได้มาลับฝีเท้าดวลแข้งกัน เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอยู่เบื้องหลังมานานหลายปี เพื่อส่งให้เด็ก ๆ ได้ก้าวเข้าสู่สโมสรอาชีพต่อไปในอนาคต จึงไม่แปลกที่ทีมโรงเรียนและสโมสรฟุตบอลอาชีพหลาย ๆ ทีมจะเชื่อมต่อเป็นพันธมิตรกัน

.

แม้จะมีบางส่วนที่ตระหนักและสนใจฟุตบอลมัธยมกันอย่างจริงจังจนมีการเชียร์ทีมโรงเรียนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันอยู่แล้ว แต่ Foot of View ก็ได้เลือกประเด็นนี้มาเป็นตอนที่ 10 เพราะเรื่องราวของ “ฟุตบอลมัธยม สนามลับแข้งเจียรไนเพชรที่แม้แต่ทีมอาชีพยังสนใจ” ที่การันตีเลยว่าวงการบอลขาสั้นก็สนุกเร้าใจไม่แพ้บอลอาชีพ ได้การเป็นที่รู้จักให้มากยิ่งขึ้นไปอีก และเราจะขุดเรื่องราวกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นมาเสิร์ฟให้กับคุณผู้ฟังได้รู้เรื่องกันไปเลย!

ความสนุกของแฟนฟุตบอลนั้นหาได้มีแต่การแข่งขันในสนามเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งสิ่งที่มอบความตื่นเต้นเร้าใจ นั่นก็คือช่วงเวลาที่ “ตลาดซื้อขายนักเตะ” เปิดทำการให้นักเตะอาชีพและทีมฟุตบอลได้โยกย้ายทีมกันไป พร้อมกับเงินตราที่ไหลสะพัดจากค่าตัวในการย้ายทีม

.

ในทุก ๆ ตลาดฤดูร้อนและหนาวที่เปิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่เดือน มันได้สร้างเรื่องราวและปรากฏการณ์มากมายให้แฟนบอลได้ลุ้นกันจนตัวโก่ง จะตำนานการปรากฏตัวในงานแถลงข่าวกับแมนยูไนเต็ดของ จอห์น โอบี มิเกล ก่อนจะที่สุดท้ายย้ายไปเชลซีชนิดแฟนแมนยูได้แต่ขยี้ตา หรือจะเป็นดีลลับมุดดำดินของทีมอย่างลิเวอร์พูลที่มักจะไปโฉบนักเตะคุณภาพดีในราคาที่สมเหตุสมผลมาได้ หรือจะเป็นกรณีของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กับมหากาพย์ย้ายไม่ย้ายที่ข้ามช่วงเวลามาเป็นปี ๆ แล้วก็ยังคงหาบทสรุปไม่ได้จนกระทั่งตอนนี้ ก็ชวนให้แฟนบอลได้ลุ้นติดขอบจอกันต่อไป

.

นั้นจึงจุดประเด็นความสงสัยให้กับ Foot of View ว่าเบื้องหลังตลาดซื้อขายนักเตะเขาทำงานกันยังไง มีใครเกี่ยวข้องบ้าง การจะย้ายทีมกันแต่ละทีมันมีเหตุปัจจัยอะไร และเพื่อไขข้อสงสัยของทั้งตัวเราและแฟนบอลหลาย ๆ คน ในตอนที่ 9 นี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ “เอเยนต์นักฟุตบอลไทย” ที่จะมาเล่าประสบการณ์เรื่องราวของพวกเขาที่ได้ผจญภัยในตลาดนักเตะมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ในฟุตบอลระดับโลก มีหลายชาติที่เข้ามาท้าชิงความเป็นที่หนึ่งในวงการกันอยู่ตลอด ทั้งอันดับ FIFA Ranking ของทีมชาติ , การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก , ลีกฟุตบอล ไปจนถึงการส่งออกนักเตะคุณภาพ ในขณะที่สปอตไลท์ส่องลงไปยังชาติชั้นนำในยุโรปทั้งหลาย เช่น อังกฤษ เยอรมัน สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส เป็นต้น แต่จะมีอยู่หนึ่งชาติที่แม้จะไม่ได้มีสโมสรที่แข็งแกร่งเท่าชาติยุโรป แต่ด้วยฝีไม้ลายมือของนักเตะที่โดดเด่นก็ทำให้ ทีมชาติบราซิล เป็นเต้ยของชาติมหาอำนาจลูกหนังมาเป็นเวลานาน

.

นี่คือชาติที่หากนับกันตามผลงานและสถิติเพียว ๆ แล้ว ถือว่าเก่งเรื่องฟุตบอลมากที่สุดในโลกเลยก็คงไม่เกินจริง แค่ตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัยก็เป็นเครื่องการันตีที่เพียงพอแล้ว ทว่า เบื้องหลังความเก่งกาจของทีมชาติบราซิลนั้น คือสิ่งที่น่าสงสัยและน่ามาหาคำตอบกันซะเหลือเกิน

.

เพราะในขณะที่วงการฟุตบอลของบราซิลมีทีมชาติที่เก่งกาจ ผลิตนักเตะฝีเท้าฉกาจมากมาย แต่เราคงต้องยอมรับกันตามตรงว่าบราซิลเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ และสังคมอยู่มาก ที่นำมาสู่ปัญหาความยากจนที่ประชากรส่วนมากในบราซิลต่างก็เป็นคนจนในสลัมทั้งนั้น

.

นี่จึงเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้ทาง Foot of View จะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นของเราในตอนที่ 8 นี้ มาร่วมหาคำตอบไปกันว่า “เหตุไฉนประเทศที่เต็มไปด้วยปัญหาอย่างบราซิล ถึงได้ไม่เคยขาดนักเตะระดับโลก”

หนึ่งในข่าวที่โด่งดังในช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมาของวงการฟุตบอลไทย คงจะหนีไม่พ้นข่าวการปาพลุไฟลงสู่สนามฟุตบอลในศีกชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ในนัดที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพเปิดบ้านตอนรับการมาเยือนของเกาหลีใต้ ก่อนจะแพ้ไปด้วยสกอร์ 1-4 แล้วหลังจากเกมจบไปกว่าครึ่งชั่วโมง ก็ได้มีกลุ่มแฟนบอลไทยกลุ่มหนึ่งได้ปาพลุไฟลงสู่สนาม ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายและผิดกฏของทางสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียและสมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ จนเป็นเหตุให้สมาคมฟุตบอลไทยต้องถูกปรับเงินไปกว่า 2 ล้านบาท

.

เบื้่องหลังของแฟนบอลกลุ่มนี้ นั่นก็คือ “กลุ่มอุลตราไทยแลนด์” แฟนบอลพันธ์ดุสายฮาร์ดคอร์ที่เคยก่อเรื่องทำนองเดียวกันนี้มากมายนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 จนเป็นที่ระอาของทั้งสังคมและสมาคมฟุตบอลไทยมาจนกระทั่งทุกวันนี้

.

ในตอนที่ 7 นี้ เราจะพามาหาคำตอบกันว่า “อุลตราไทยแลนด์” และวัฒนธรรมการเชียร์บอลแบบ “อุลตรา” นั้นคืออะไร? มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน? แล้วมันจะเป็นภัยต่อวงการฟุตบอลไทยอย่างที่เราคิดกันแบบนั้นจริง ๆ หรือ?

ในยุคที่ฟุตบอลลีกไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินอย่างหนัก จนต้องมีแคมเปญ #เซฟไทยลีก ในขณะที่ฟุตบอลทีมชาติก็กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเฮ้ดโค้ช นักเตะ กระทั่งประธานสมาคม แต่กลับมีวงการฟุตบอลของไทยวงการหนึ่งที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างเงียบ ๆ มาหลายปีแล้ว และกำลังรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง นั่นก็คือ “วงการฟุตบอลเดินสาย”

.

ตอนที่ 6 ของ Foot of View เราจะพาคุณผู้ฟังทุกคนมารู้จักกับ “ฟุตบอลเดินสาย” หนึ่งในวงการฟุตบอลที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศไทย และกลายเป็นหนึ่งในรากฐานของนักเตะไทยทุกคนที่ต้องเคยผ่านสนามประลองแข้งระดับสมัครเล่นนี้ ก่อนจะก้าวเข้าสู่ระดับฟุตบอลอาชีพ ที่แม้กระทั่งนักเตะทีมชาติไทยในปัจจุบันก็เคยเล่นในฟุตบอลเดินสายกันมาก่อนทั้งนั้น

.

เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้ว่าฟุตบอลเดินสายนี้มันคืออะไร และทำไมมันถึงได้กลายมาเป็นที่นิยม จนเงินในวงการสะพัดมากมาย ที่แต่ละรายการมีเงินรางวัลล่อตาล่อใจกันเหยียบล้าน ถึงขนาดที่นักเตะอาชีพหลาย ๆ คน ยอมละทิ้งฟุตบอลอาชีพเพื่อหันมาเล่นฟุตบอลสมัครเล่นนี้แทนกันเลยทีเดียว มาติดตามเรื่องราวของ “ฟุตบอลเดินสาย เวทีปล่อยของของคนรากหญ้า” ไปพร้อม ๆ กันนในตอนนี้้ครับ

“อย่าเอาฟุตบอลมาปนกับการเมือง” เป็นหนึ่งในประโยคยอดฮิตที่คนดูบอลทุกคนต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาแน่นอน หลัก ๆ คงเป็นเพราะปัญหาเรื่องการเมืองที่พอเอามาพูดเอามาถกกัน มันเสี่ยงจะกลายเป็นหัวข้อที่เกิดความขัดแย้งได้ไม่รู้จบรู้สิ้น จนทำให้หลาย ๆ วงสนทนาเลือกที่จะเลี่ยงหัวข้อการเมืองกันไป แม้แต่กับการดูฟุตบอลเองก็เช่นกัน แต่เชื่อหรือไม่ว่า “การเมือง” กับ “ฟุตบอล” เป็นสิ่งที่เกี่ยวพันธุ์กันอย่างใกล้ชิดกว่าที่เราคิดกันไว้เสียอีก

.

เพราะบางสโมสรและบางดาร์บี้แมตช์ก็ถือกำเนิดขึ้นมาเพราะเรื่องการเมืองอย่าง เอล กลาซิโก ระหว่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา ที่ถือกำเนิดขึ้นมาเพราะเรื่องของการเมืองระหว่างรัฐภายในประเทศสเปน ที่เรอัล มาดริด เป็นตัวแทนของรัฐบาลสเปนและรัฐบาลทหารในเวลานั้น กับ บาร์เซโลนา ที่เป็นตัวของของแคว้นกาตาลันที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และเป็นหนึ่งในแกนนำของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร จนทำให้การแข่งขันของทั้งสองทีมยิ่งทะวีความระอุมากยิ่งขึ้น ๆ จนกระทั่งในตอนนี้ที่ไฟสงครามได้มอดลงไปหลายสิบปีแล้ว แต่ความรู้สึกพวกนั้นยังคงไม่จางหายไปจากทั้งสองสโมสรเลย

.

หรือจะเป็นเรื่องราวของสองแฟนบอลคู่อริจากสโมสรแห่งกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ที่กัดกันตีกันมาตลอดเป็นร้อยปี แต่สุดท้ายกลับจับมือร่วมใจกันในวันที่ประเทศชาติต้องพบกับภัยพิบัติที่เรียกว่าผู้นำโกงกินชาติ ทำให้พวกเขารวมพลังปลุกกระแสมวลชนลุกขึ้นสู่เพื่อปลดแอกประเทศจากผู้นำสืบทอดอำนาจ จนกลายเป็นเรื่องราวบทใหม่ระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสองสโมสร

.

และนี่คือเนื้อหาของตอนนี้ที่ทาง Foot of View จะหยิบมานำเสนอให้ทุกคนได้รับฟังกันครับ “เพราะฟุตบอลอยู่คู่การเมือง นี่คือเรื่องราวจดหมายเหตุการเมืองในกีฬาฟุตบอล”

สนามฟุตบอล คืออีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้สำหรับกีฬาฟุตบอล ซึ่งมันก็เป็นแค่พื้นหญ้าสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาวจนแบ่งออกได้เป็นสองฟากเท่า ๆ กัน มีประตูสองอันตั้งตระหง่านคนละข้าง พร้อมผู้ชมที่ล้อมรอบสนาม

.

ถ้าจะเอาแค่คำนิยาม หรือเอาไว้ใช้แค่เตะฟุตบอลเล่นกันเฉย ๆ นั่นก็คงเป็นสนามฟุตบอลจริง ๆ อย่างที่ได้กล่าวไป แต่สำหรับยอดทีมต่าง ๆ บนโลกใบนี้ ไปจนถึงการก่อสร้างระดับสภาเมือง หรือระดับประเทศ สนามฟุตบอลจึงจะต้องเป็นมากกว่าแค่สนามฟุตบอลทั่วไป มันจะต้องมีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าแค่เอามาเตะบอลเล่นกัน

.

และ Foot of View มุมมองฟุตบอลที่แตกต่างในตอนที่ 4 ก็จะพาผู้ฟังทุกคนไปพบกับเรื่องราวของทั้ง 4 สนามฟุตบอลที่ถูกยอมรับเป็นวงกว้างในระดับโลก ทั้งสนามท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม สนามสุดสวยที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีปฏิวัติวงการฟุตบอลอังกฤษ , เดอะ มาราคาน่า สนามฟุตบอลในตำนานที่เคยครองแชมป์ความจุมากที่สุดในโลกแห่งบราซิล , เดอะ โฟลท สนามฟุตบอลกลางผืนน้ำที่แปลก แหวก และกล้าที่สุดแห่งสิงคโปร์ ปิดท้ายด้วย สนามฟุตบอลลอยน้ำแห่งเกาะปันหยี ประเทศไทยบ้านเรา หนึ่งในที่สุดแห่งสนามฟุตบอลที่สวยงามติดอันดับโลก และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำชุมชน

.

เพราะสนามฟุตบอลไม่ได้มีไว้แค่ทำการแข่งขัน แต่มันยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้เสริมมากมายให้กับชุมชนได้อีกด้วย!

อาชีพนักฟุตบอลเป็นหนึ่งในอาชีพที่ทำเงินได้สูงมากหากคุณเป็นหนึ่งในไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง เล่นอยู่ในลีคดัง ๆ อยู่ในทีมกลาง ๆ ค่อนไปใหญ่ มีเกียรติประวัติ มีแชมป์ มีรางวัลส่วนตัว จนถูกยกย่องว่าเป็นนักเตะในระดับโลก แต่มันก็แลกมากับขีดจำกัดเวลาที่น้อยกว่าอาชีพอื่น แม้จะเริ่มต้นได้ไวตั้งแต่หลักเพียง 16-17 ปี แต่แค่อายุหลัก 30 ก็ถึงวัยที่ต้องเกษียณจากการเล่นฟุตบอลแล้ว

.

จึงไม่แปลกอะไรที่นักฟุตบอลส่วนใหญ่จะมองหาลู่ทางการทำเงินหลังแขวนสตั๊ดกันเอาไว้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักเตะแล้ว และไปสู่จุดสูงสุดในสายอาชีพใหม่ได้ แต่ถ้าหากคุณไม่มีทั้งสองข้อนี้ ต่อให้เคยมีเงินเดือนมากมายแค่ไหนตอนเป็นนักเตะ สุดท้ายชีวิตก็อาจจะมาถึงการเป็นบุคคลล้มละลายได้

.

และนี่คือ 3 เรื่องราวของ Foot of View มุมมองฟุตบอลที่แตกต่าง หนึ่งคือเรื่องราวของแกรี่และเจมี่ คู่หูนักวิเคราะห์ฟุตบอลที่อดีตเคยเป็นนักเตะคู่อริกันมาก่อน สองคือตำนานการสร้างสโมสรฟุตบอลในดินแดนแห่งเสรีภาพของเดวิด เบ็คแคม และสุดท้ายคือข่าวดังในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ กับการถูกฟ้องล้มละลายของอดีตนักเตะชื่อดัง เวส บราวน์

คงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่านักฟุตบอลในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่แค่นักกีฬาอย่างเดียวแล้ว พวกเขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ กลายเป็นผู้มีอิทธิพลในระดับโลกไปแล้ว ยิ่งเล่นเก่ง ฝีเท้าดี ภาพลักษณ์ได้ ก็ยิ่งกลายเป็นไอค่อนขึ้นไปทุกวัน ๆ เหมือนดั่งเช่นสอง GOAT คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ต่อให้คนไม่เคยดูบอล ก็ต้องเห็นหน้าพวกพี่ ๆ เขาตามป้ายรถเมล์กันมาบ้าง

.

แต่ชื่อเสียงไม่ได้นำพามาซึ่งเรื่องดี ๆ มันนำพามาซึ่งเรื่องเลวร้ายอย่างการสูญเสียความเป็นส่วนตัวมากมาย ทุกแง่มุมในชีวิต ทุกการขยับตัว แม้แต่การไปเดินห้างกับครอบครัว พวกนักข่าว ปาปารัสซี่ตัวดีก็พร้อมจะนำเรื่องพวกนั้นมาตีแผ่ลงในหนังสือพิมพ์ของตัวเองไม่เว้นแต่ละวัน

.

โดยเฉพาะกับเรื่องราวต่อไปนี้ที่นักข่าวทั้งหลายได้ทำให้ชีวิตของนักเตะทั้ง 3 คนได้พังทะลายลงไป ตั้งแต่ เดวิด เบ็คแฮม กับการถูกสื่อประนามหลังโดนใบแดงในเกมฟุตบอลโลกปี 1998 จนกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งประเทศอังกฤษ , โจเซฟ มินาล่า เด็กดาวรุ่งวัย 17 ปี ที่ถูกสื่อกุเรื่องหาว่าโกงอายุเพียงเพราะแค่หน้าแก่เกินวัย และ จัสติน ฟาชานู กับการถูกสื่อตามจิกไปจนถึงวันตาย เพียงเพราะแค่การเป็นนักเตะผิวดำที่เป็นเกย์ในยุค 90

.

และนี่คือ 3 ตัวอย่างเรื่องราวที่รายการ Foot of View มุมมองฟุตบอลที่แตกต่าง ได้นำพามาให้ได้รับฟังกันในตอนนี้ เพราะนี่คือเรื่องราวสุดดาร์กที่แสดงให้เห็นว่าแค่ไม่กี่หน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ หนึ่งคลิปวิดีโอ หรือหนึ่งโพสต์ในโลกออนไลน์ ก็สามารถพังชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งนักฟุตบอลชื่อดังก็ตาม

ฟุตบอล คือกีฬาที่เต็มไปด้วยเรื่องของตัวเลข สถิติ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง นับวันฟุตบอลก็ยิ่งพัฒนาก้าวหน้าไปสู่อนาคตมากยิ่งขึ้น แต่หากในอีกแง่มุมหนึ่งในอดีต กีฬาฟุตบอลที่นับผลสกอร์ตามความจริง ใครยิงได้มากกว่าก็เป็นผู้คว้าชัย ก็กลับมีเรื่องราวคำสาปอันเลื่องลือปรากฏให้ได้ยินอยู่มากมาย

.

ไม่ว่าจะเป็น “คำสาปของ เบล่า กัตต์มาน” ที่สาปส่งให้ทีมเบนฟิก้าไม่ได้แชมป์ทวีปยุโรปมานับครึ่งศตวรรษแล้ว หรือจะเป็น “คำสาปจากหมอผีแห่งโมซัมบิก” ที่ได้สาปทีมชาติออสเตรเลียไม่ให้พบกับช่วงเวลาอันทุกข์ทรมานเหยียบ 30 ปี

.

หรือจะเป็นเรื่องราวแห่งความเชื่อ สายมูแบบไทย ๆ ในบ้านเราเองก็มีเรื่องจริงที่ปรากฏขึ้นจนเป็นข่าวหน้าหนึ่งมาแล้ว ทั้งการ “บนบานพิซซ่าเพื่อรอดตกชั้น” ของชัยนาท ฮอร์นบิล หรือจะเป็น “การบูชาปลัดขิก” ของพีทีประจวบ เอฟซี ที่สร้างตำนานบันลือลั่นในไทยลีคปีก่อน ๆ

.

และนี่คือเรื่องราวที่ Foot of View มุมมองฟุตบอลที่แตกต่างรายการ Podcast ฟุตบอลที่คนไม่เคยดูบอลก็ฟังได้ จะพาคุณผู้ฟังทุกท่านไปรับฟังและหาคำตอบไปพร้อมกันว่า ความเชื่อ สายมู เรื่องราวเหนือธรรมชาติพวกนี้ มันมาเกี่ยวข้องกับฟุตบอลได้ยังไง และเหตุผลกลใดที่มนุษย์เราถึงได้เชื่อเรื่องราวพวกนี้กันอย่างสุดใจขนาดนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการกีฬาอย่างฟุตบอล…