กามทั้งหลายนั้น คือ อะไรเล่า
รูปที่ชอบใจนะซิ
เสียงที่ชอบใจ
กลิ่นที่ชอบใจ
รสที่ชอบใจ
สัมผัสที่ชอบใจ
เรียกว่าปปัญจธรรม ธรรมที่ทำสัตว์ให้เนิ่นช้า ไม่เป็นอันที่จะให้มีเวลาให้ทาน จำศีล ภาวนา
ความยินดีในรูป ถอนไม่ออก
ยินดีในเสียง ถอนไม่ออก
ยินดีในกลิ่น ถอนไม่ออก
ยินดีในรส ถอนไม่ออก
ยินดีในสัมผัส ถอนไม่ออก
จะหยุดจะยั้งเสียก็ไม่ได้ เสียดายห่วงใยอาลัย ละไม่ได้ วางไม่ได้
ทำอย่างไรเล่าคราวนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น
ก้าวล่วงไม่พ้นจมอยู่ในความสุข
จมอยู่ในปลักของความสุขนั่น ถอนไม่ออก
จมอยู่ในปลักของความทุกข์นั่น ถอนไม่ออก
เพราะธรรมนั่นทำสัตว์ให้เนิ่นช้า
ให้เดือดร้อน ทุรนทุราย กระสับกระส่ายต่างๆ นานา เป็นอยู่อย่างนี้ทั่วสากลโลก เพราะก้าวไม่ข้ามหามไม่พ้น
ยินดีในรูป ติดอยู่ในรูป
ยินดีในเสียง ติดอยู่ในเสียง
ยินดีในกลิ่น ติดอยู่ในกลิ่น
ยินดีในรส ติดอยู่ในรส
ยินดีในสัมผัส ติดอยู่ในสัมผัส
ธรรม ๕ อย่างนี้ ทำให้สัตว์เนิ่นช้า เรียกว่า ปปัญจธรรม
ปปัญจธรรมทั้งห้านี้เป็นตัวกามแท้ๆ เรียกว่าเป็นตัวพัสดุกาม และเป็นที่ตั้งของกิเลสกามด้วย
รูปนั่นแหละเป็นตัวพัสดุกาม ที่สวยๆ งามๆ ก็เป็นพัสดุกาม ความยินดีมันก็ไปติดมากขึ้น
เสียงที่เพราะๆ งามๆ นั่นแหละเป็นตัวพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งของความยินดีหนักขึ้น
กลิ่นที่หอมๆ ที่จับใจ นั่นแหละเป็นตัวพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งของความยินดีมากขึ้น
รส เป็นที่ชอบอกชอบใจ คือรสชาติที่เลิศที่ประเสริฐ นั่นแหละเป็นพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งของความยินดีหนักขึ้น
สัมผัสทางกายเป็นที่ชอบใจของกาย นั่นแหละเป็นตัวพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งแห่งความยินดี หนักขึ้น
รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๕ นี้เป็นตัวพัสดุกาม
ความยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส และในสัมผัสนั้นเป็นตัวกิเลสกาม
ถ้าก้าวไม่พ้น ติดอยู่ในตัวพัสดุกามเหล่านี้แล้ว ต้องเป็นทุกข์เนืองนิตย์อัตรา หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง ต่างๆ นานา ไม่เสื่อมสร่าง
ต่อเมื่อใดก้าวล่วงปัญจวิธกามคุณทั้งห้า ทั้งตัวพัสดุกาม ทั้งตัวกิเลสกามนี้ ปล่อยวางเสียได้ ก้าวพ้นไปเสียได้